ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 764

ลั่วชิงเหยียนเห็นหยุนชางชะงักไปเช่นนั้น ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มทว่าเป็นรอยยิ้มที่มิได้พาดผ่านไปที่ดวงตาเลยแม้แต่น้อย พร้อมกล่าวออกมาว่า "จุดประสงค์ของข้าที่มา. คือต้องการชนะการสู้รบ. จะเริ่มต้นที่ใดล้วนไม่สำคัญทั้งนั้น"

"หากแต่ท่านอยู่ที่เมืองชางหนานนะ? กองทัพไม่อยู่ข้างกายเช่นนี้ ท่านจะสั่งการได้อย่างไรกัน ?"หยุนชางมิรู้ว่าแท้จริงแล้วลั่วชิงเหยียนต้องการทำสิ่งใดกันแน่ แววตาเต็มไปด้วยความงุนงงเคลือบแคลงทั้งแววตาประหลาดใจออกมา

สำรับมื้อค่ำได้จัดเตรียมเสร็จแล้ว ลั่วชิงเหยียนมิได้ตอบคำถามของหยุนชาง เขาทำเพียงแค่พยุงนางออกมาจากห้องเท่านั้น

หยุนชางพลันมองไปยังถ้วยสองถ้วยที่วางอยู่บนโต๊ะนั้น. กลับพบปัญหาขึ้นมา. เมื่อพูดตามจริงแล้ว ลั่วชิงเหยียนนำทัพมาที่ชางหนาน ฮวากั๋วกงและหลิ่วหยินเฟิงอย่างไรก็ต้องอยู่ด้วย หากแต่. เมื่อมาถึงเมืองชางหนานได้ครึ่งวัน กลับมิเห็นพวกเขาทั้งสองปรากฏตัวขึ้นเลยแม้แต่น้อย ภายในใจของหยุนชางจึงเกิดการคาดการณ์ขึ้นมาว่า "ท่านอยู่ที่เมืองชังหนานเพื่อเป็นเป้าล่อชางเจียชิงซูเช่นนี้. ฮวากั๋งกงและหลิ่วหยินเฟิงจึงนำทัพหนีออกจากเมืองชางหนาน. เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีจากทัพม้าของแคว้นเย้หลางงั้นหรือ ?"

ลั่วชิงเหยียนทำเพียงแค่แย้มยิ้มออกมา. มิได้กล่าวว่าถูกหรือไม่ถูกแต่อย่างใด เพียงแค่จ้องมองหยุนชางด้วยความขบขันเท่านั้น "รีบกินข้าวเสีย. มันใกล้จะเย็นชืดหมดแล้ว"

หยุนชางเพียงพ่นลมหายใจเย็นๆออกมาเล็กน้อย พร้อมกับตักข้าวในถ้วยกินไปพลาง ๆ

เมื่อรับสำรับเสร็จ ลั่วชิงเหยียนก็มิได้หนีไปไหน หากแต่สั่งให้คนนำกระบะทรายเข้ามาในห้อง พร้อมกับจ้องมองหยุนชางแล้วจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ตอนนี้มิได้มีเรื่องอันใดแล้ว. เหตุใดพวกเราไม่มาจำลองการรบในกระบะทรายกันเล่า"

หยุนชางพลันลุกขึ้นยืนแล้วเดินมายังเบื้องหน้าของกระบะทราย. ภายในกระบะทรายในตอนนี้ มีรูปแบบจำลองภูมิประเทศที่ละแวกใกล้เคียงอยู่ด้วยทั้งเมืองชางหนาน เมืองกานอิ๋งและเมืองหลิงซีและเมืองของแคว้นเย้หลางที่ชื่อว่ามู่ถัว จาน่าและแม่น้ำโม่ฮว๋าย. ทั้งสามเมืองของแคว้นเย้หลางนั้นเป็นพื้นดินที่ราบเรียบ และยังเป็นพื้นที่ที่หาแหล่งน้ำได้ยากอีกด้วย เมืองชั่งหนานเป็นพื้นที่ที่เป็นเนินเขาสลับซับซ้อน เมืองกานอิ๋งที่เป็นพื้นที่ภูเขาสูง เมืองหลิงซีเป็นภูมิประเทศที่ตกเป็นรองที่สุด หากแต่มีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์และเป็นพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์มาก มีแม่น้ำที่ชื่อว่าหลิ่วเจียงไหลผ่านตัวเมือง

สายตาของหยุนชางจับจ้องไปที่กระบะทรายอยู่ชั่วครู่ ผ่านไปสักพัก พลันแย้มยิ้มออกมาว่า "เพคะ. ท่านอ๋องจักเป็นผู้โจมตีหรือเป็นเป็นผู้ป้องกันดี?"

ลั่วชิงเหยียนอมยิ้มเล็กน้อย. "หากดูจากการรบครั้งนี้แล้ว. แคว้นเย้หลางเป็นผู้โจมตี. หากแต่ ถ้าทำตามแผนการที่วางไว้ ว่าพวกเราต้องการที่จะหลีกเลี่ยงการโจมตีจากแคว้นเย้หลาง. แคว้นเย้หลางย่อมต้องเป็นการป้องกัน "

หยุนชางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางยิ้มตอบกลับไป "เพคะ. ถ้าเช่นนั้นมาดูกันว่า หม่อมฉันจะสามารถทำให้ท่านทิ้งเกราะป้องกันของท่านออก จนต้องมาคุกเข่าร้องขอความเมตตาต่อหม่อมฉันหรือไม่ "

คำพูดคำจาของหยุนชางเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ลั่วชิงเหยียนพลันเลิกคิ้วพร้อมกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มว่า "หืม สามีจักตั้งตารอคอยเป็นอย่างดีเชียว" พูดจบพลันหยิบธงสีฟ้าขึ้นมา พร้อมปักมันลงไปที่กระบะทราย

หยุนชางเมื่อคิดพิจารณาโดยรอบอย่างละเอียดแล้ว. ลั่วชิงเหยียนอยู่ที่นอกเมืองชางหนาน. กองทัพทหารราบพลธนูจักต้องจัดเตรียมไว้หนึ่งทัพ. ช่วงระหว่างทางจากเมืองชางหนานเดินทางไปยังเมืองหลิงซี. ก็ยังสามารถลอบซุ่มโจมตีกองทัพจากเนินเขาด้านหลังก็ยังได้

"ตรงนี้ก็มีหรือ? "หยุนชางเบิกตากว้างครู่หนึ่ง พร้อมเงยหน้ามองลั่วชิงเหยียน กลับเห็นเพียงลั่วชิงเหยียนที่เลิกคิ้วขึ้นเท่านั้น มิได้ตอบกลับออกมา เขาทำเพียงแค่หยิบพลธนูเข้ามาวางลงไปที่ระหว่างเมืองชังหนานและเมืองมู่ถัว

หยุนชางรู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย "ไม่ใช่สิเพคะ. ท่านอ๋อง. ท่านมิใช่อยากหลีกเลี่ยงการซุ่มโจมตีจากแคว้นเย้หลางหรือ ท่านควรที่จะเก็บเป็นความลับมิใช่หรือเพคะ. หากชางเจียชิงซูพบท่านเข้า ก็ยังสามารถลอบซุ่มโจมตีในที่ต่างได้อย่างง่ายดาย อ๋องเจ็ดยังอยู่ที่เมืองหลิงซีใช่หรือไม่? เหตุใดช่องว่างระหว่างเมืองหลิงซีมาถึงเมืองชังหนานถึงได้ "

หยุนชางเพียงพูดได้ถึงครึ่งทางพลันหยุดลง. หากชางเจียชิงซูรู้ว่าลั่วชิงเหยียนอยู่ที่เมืองชังหนาน เช่นนั้นอ๋องเจ็ดอย่างไรก็ต้องรับรู้ องครักษ์เงาของลั่วชิงเหยียนถือเป็นข่าวกรองที่เชื่อถือได้เป็นที่สุด หากระหว่างทางเมืองหลิงซีมายังเมืองคังหนาน. ชางเจียชิงซูได้จัดกองกำลังไว้คอยซุ่มโจมตีแล้วละก็ นั่นมีเพียงสิ่งเดียวคืออ๋องเจ็ด

หยุนชางพลันขมวดคิ้วลง หากถนนเส้นนี้ไม่สามารถเดินได้แล้ว เช่นนั้นจักต้องจัดการกับมันอย่างไรดี?

สมองของหยุนชางพลันแล่นไปมา พลันได้ยินเสียงร้องจากด้านนอก ย่อมต้องเป็นเสียงของอินทรีสองตัวที่ส่งข่าวมาให้นางเป็นแน่ หยุนชางเพียงเงยหน้าขึ้นไปมองลั่วชิงเหยียน พลันเห็นสีหน้าของเขาชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินไปที่หน้าต่างพร้อมเปิดออก จึงเห็นว่าหน้าต่างด้านนอกคืออินทรีตัวหนึ่งเท่านั้น. เมื่อหน้าต่างถูกเปิดออก มันจึงโฉบบินเข้ามาเกาะข้างหน้าต่างรอรับคำสั่งทันที

ลั่วชิงเหยียนพลันลงไปหยิบกระบอกไม้ไผ่ที่ติดอยู่ตรงเท้ามันออกมา แล้วจึงเปิดออกดู

หยุนชางเพียงแค่มองไปยังอินทรีที่เกาะหน้าต่างอยุ่นั้น ด้วยแววตาครุ่นคิด แล้วจึงเอ่ยปากถามลั่วชิงเหยียนว่า "โอ้. อินทรีตัวนั้นมิใช่ว่ามีคู่ของมันหรือเพคะ ? เมื่อครั้งที่ส่งจดหมายมาให้ข้าทั้งสองรอบก็เป็นพวกมัน. เหตุใดครานี้ถึงมีเพียงตัวเดียวเล่า ?"

ลั่วชิงเหยียนเพียงแค่ยิ้มตอบกลับไปว่า "ยามนี้มิต้องส่งข่าวคราวให้เจ้าแล้ว จึงปล่อยออกมาเพียงตัวเดียวเท่านั้น "พูดจบ เขาก็อ่านจดหมายในมือจนจบแล้ว อีกทั้งยังฉีกจดหมายในมือออกเป็นชิ้น ๆ แล้วยื่นมือออกมา หยุนชางจึงเห็นว่า อินทรีตัวนั้นกำลังจิกกระดาษที่อยู่ในมือของลั่วชิงเหยียนจนหมด

ลั่วชิงเหยียนพลันหันกายมาหาหยุนชางที่กำลังจ้องมองตนเองอย่างเหม่อลอยด้วยรอยยิ้ม "กำลังคิดอันใดอยู่กัน ? ยังมิได้ตัดสินใจกับแผนการรบบนกระบะทรายนั่นอีกหรือ"

สายตาของหยุนชางที่มองไปยังอินทรีที่อยุ่นอกหน้าต่างนั้น แววตาเต็มไปด้วยความครุ่นคิด เมื่อขบคิดอยู่นาน จึงหันหน้าไปหาลั่วชิงเหยียน พร้อมหัวเราะคิกคักกล่าวกลับมาว่า "กระดานเมื่อครู่ไม่นับเพคะ. หม่อมฉันจะยกธงคืน"

"บนสนามรบ. การตัดสินใจครั้งหนึ่ง นั้นคือการลงมือทันที เรื่องนี้เกี่ยวข้องถึงชีวิตของทหารนับพันนับหมื่นนาย จะพูดถึงเหตุผลในการทำลายเช่นนี้ได้อย่างไรกัน" ลั่วชิงเหยียนเพียงเลิกคิ้วขึ้น ด้วยความประหลายใจเล็กน้อย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง