หยุนชางจึงได้ถอนหายใจออก ดูเหมือนว่าเซี่ยหวนอวี่จะใจเย็นลงแล้ว เขามองไปที่หยุนชางด้วยแววตาที่เฉยเมย "ว่ามาเถิด"
หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว "หม่อมฉันขออภัย อยากจะถามคำถามฝ่าบาทสองสามคำถามเพคะ"
แววตาของเซี่ยหวนอวี่เริ่มจะหมดความอดทน เขามองไปที่หยุนชางอย่างเย็นชา "เจ้าจะกล่าวกระไร?"
หยุนชางไม่ไหวหวั่น น้ำเสียงของนางช้าและสงบ "ฝ่าบาททรงทราบหรือไม่ว่าฮวาฮองเฮาสูญเสียความทรงจำไปเพคะ?"
เซี่ยหวนอวี่ตกตะลึง สีหน้าของเขาขาวซีดเล็กน้อย ซึ่งสามารถทราบได้ว่าเขามิเคยทราบเรื่องนี้มาก่อน เกรงว่าคงเป็นเพราะเมื่อได้ทราบว่าฮวาฮองเฮายังคงมีชีวิตอยู่ เขาก็เสียสติไปแล้วและเร่งเดินทางมาที่นี่กระมั้ง
หยุนชางกล่าวต่อไปอีกว่า "หลังจากครั้งนั้นที่ฮวาฮองเฮาตกหน้าผาไป ท่านก็สูญเสียความทรงจำไปเพคะ และได้รับการช่วยเหลือจากแม่ทัพท่านหนึ่งแห่งแคว้นหนิง ฮวาฮองเฮาไม่มีความทรงจำต่อเรื่องอดีตที่ผ่านมา จึงได้แต่งงานกับแม่ทัพนั่นและมีบุตรหนึ่งคนเพคะ ฝ่าบาท แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แม้ว่าฮวาฮองเฮาจะลืมไปแล้วว่าฝ่าบาทเป็นใคร แต่ฝ่าบาทก็ยังยืนยันที่จะพบท่านใช่หรือไม่เพคะ?"
มือของเซี่ยหวนอวี่สั่นเล็กน้อย ดวงตาของเขาจ้องไปที่หยุนชางอย่างมั่นคง คิ้วขมวดและสีหน้าขาวซีดเล็กน้อย ผ่านไปอยู่นานเขาก็ยังมิให้คำตอบ
หยุนชางไม่รีบกับคำตอบของเซี่ยหวนอวี่ จากนั้นก็ถามเซี่ยหวนอวี่ต่ออีกว่า "ฝ่าบาทเพคะ อีกทั้งฮวาฮองเฮาเสียความทรงจำไปและแต่งงานมีบุตร วังหลังของฝ่าบาทมีฮองเฮาอยู่แล้ว มีนางสนมมากมาย มีองค์ชายและองค์หญิงอีกไม่น้อย หากว่าฝ่าบาททรงยืนยันที่จะพบท่าน แล้วฝ่าบาทจะทรงเอาพระนางไปไว้ที่ใดหรือเพคะ? เรื่องเหล่านี้ฝ่าบาททรงทราบและทรงเไตร่ตรองหรือยังเพคะ?"
ผ่านไปอยู่นานเซี่ยหวนอวี่ก็ยังมิได้กล่าวกระไร เขายืนอยู่กับที่แล้วขมวดคิ้ว แววตาของหยุนชางมองจ้องไปที่เส้นเลือดที่ปรากฏอยู่บนมือของเขา จึงทราบว่าเขาคงจะมีความรู้สึกมากมายในใจ หยุนชางจึงมิได้เอ่ยปากต่อ เขาก้มลงแล้วมองไปที่ ไผ่สีเขียวที่ปักบนชายกระโปรงของตน
"ก้อกก้อกก้อก" เสียงเคาะประตูดังขึ้น คิ้วของหยุนชางขยับ ทุกคนที่ควรจะอยู่ในนี้ก็มาพร้อมหน้าหมดแล้ว อีกทั้งหยุนชางมิได้ติดต่อกับใครเลย คนที่มาเคาะประตูในเพลานี้ คงจะ...........
สายตาของเซี่ยหวนอวี่กวาดไปอย่างเย็นชา มิรอให้หยุนชางเอ่ยปาก เซี่ยหวนอวี่ก็ส่งสายตาให้ทหารที่เฝ้าอยู่หน้าประตู จากนั้นก็มองไปที่ประตูด้วยดวงตาที่แผดเผา ทหารเฝ้าประตูเร่งเปิดประตู หยุนชางเงยหน้าก็พบเงาร่างของจ้าวอิงเจี๋ยปรากฏขึ้นมาอยู่ตรงหน้าประตู
สีหน้าของจ้าวอิงเจี๋ยกังวลเล็กน้อย ทันทีที่เข้าประตูมาเขาก็กล่าวด้วยความเร่งรีบว่า "พระชายาขอรับ............."
ทันทีที่กล่าวเช่นนี้ เขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ผิดปกติบางอย่าง เขาจึงหยุดอย่างกะทันหัน แล้วกวาดสายตาไปรอบ ๆ ลานบ้านอย่างรวดเร็ว แล้วจึงมองไปที่หยุนชางด้วยแววตาที่หมดหนทางเล็กน้อย
หยุนชางเลิกคิ้วและเหลือบมองเซี่ยหวนอวี่อย่างสงบนิ่ง พบว่าเซี่ยหวนอวี่กำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับจ้าวอิงเจี๋ย หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองจ้าวอิงเจี๋ยและกล่าวว่า "แม่ทัพจ้าว ในเมื่อเจ้าเข้ามาแล้วก็ถวายบังคมต่อฝ่าบาทเถิด"
เมื่อจ้าวอิงเจี๋ยได้ยินหยุนชางกล่าวเช่นนี้ ก็ตกตะลึงอย่างมาก เขาเงยหน้าและมองไปที่เซี่ยหวนอวี่ แววตาของเขาประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาก็รีบทำตามคำสั่งหยุนชาง เดินไปอยู่ตรงหน้าเซี่ยหวนอวี่และคุกเข่าลงหนึ่งข้าง จากนั้นก็ถวายบังคม " จ้าวอิงเจี๋ยแห่งแคว้นหนิง ขอพระองค์ทรงพระเจริญพ่ะย่ะค่ะ"
จากนั้นหยุนชางจึงกล่าวต่อเซี่ยหวนอวี่ว่า "ฝ่าบาทเพคะ นี่คือผู้พิทักษ์เมืองคังหยางแห่งแคว้นหนิง จ้าวอิงเจี๋ยเพคะ"
แววตาที่เซี่ยหวนอวี่มองไปมีความสับสนเล็กน้อย เขาเพียงแต่มองไปที่จ้าวอิงเจี๋ยอย่างเงียบๆ ผ่านไปอยู่นานก็มิได้กล่าวกระไรออกมา
เมื่อหยุนชางเห็นว่าสีหน้าของจ้าวอิงเจี๋ยร้อนรนเล็กน้อย จึงมองไปที่จ้าวอิงเจี๋ยและถามว่า " แม่ทัพจ้าวเข้ามาอย่างร้อนรนเช่นนี้ มีเรื่องเร่งด่วนกระไรหรือไม่?"
จ้าวอิงเจี๋ยวเหลือบมองเซี่ยหวนอวี่ แล้วจึงกล่าวว่า " พระชายาขอรับ ดูเหมือนว่าท่านแม่ของข้าน้อยจะไม่คุ้นเคยกับสถานที่เท่าไหร่ ท่านปวดหัวอย่างมากขอรับจึงให้ข้ามาตามพระชายาไปตรวจดูให้ท่านทีขอรับ"
หยุนชางแปลกใจเล็กน้อย เมื่อวานนี้นางมิได้เห็นว่าท่านฮูหยินจ้าวไม่สบายตรงเลย อีกทั้งท่านฮูหยินจ้าวทราบดีว่าสองสามวันนี้เซี่ยหวนอวี่ก็จะมาถึงเมืองหวายอิน ตามปกติแล้ว แม้ว่าจะไม่สบายเช่นไรก็คงจะเลือกที่จะเข้าเมืองเพื่อตามท่านหมอมา แต่มิใช่มาตามหานาง นางทำเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าต้องการ.......... นางต้องการเปิดเผยตัวจ้าวอิงเจี๋ยต่อหน้าเซี่ยหวนอวี่ เพื่อทดสอบเซี่ยหวนอวี่
แม้ว่าความทรงจำเก่าๆ เมื่อครั้งอยู่แคว้นเซี่ยของท่านฮูหยินจ้าวจะสูญหายไปแล้ว แต่ท่านก็ยังคงเป็นคนที่ช่างคิด นางเป็นคนที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
เมื่อเซี่ยหวนอวี่ได้ยินหยุนชางแนะนำตัวจ้าวอิงเจี๋ย เขาก็ทราบตัวตนของจ้าวอิงเจี๋ยทันที ภายในใจของเขาสับสนและซับซ้อนเล็กน้อย และตอนนี้จู่ๆ ก็ได้ยินเขากล่าวว่าฮวาฮองเฮาไม่สบายตัวอย่างมาก ความห่วงใยก็แวบเข้ามาในดวงตาของเขา แต่ก็หายไปในพริบตา
ท่านฮูหยินจ้าวพยักหน้าเบา ๆ และตอบว่า "ตกลง"
หยุนชางมองท่านฮูหยินจ้าวแต่มิได้ตอบกระไร จ้าวฮูหยินกลับเอ่ยปากก่อนว่า "เหตุใดจึงไม่พบจิ้งอ๋อง?"
หยุนชางอมยิ้มแล้วตอบว่า "สองสามวันก่อนจิ้งอ๋องเพิ่งครองแม่น้ำโม่ฮว๋ายมาได้ และนำกองทหารไปประจำการอยู่ที่นั่น เขาอยากจะร่วมทัพกับฮวากั๋วกงใช้กลยุทธ์โจมตีทั้งหน้าและหลัง เพื่อปราบกองทัพแคว้นเย้หลางให้ได้"
ท่านฮูหยินจ้าวพยักหน้าและอมยิ้ม "สมกับที่เป็นท่านจิ้งอ๋องเสียจริง ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ก็สามารถยึดแม่น้ำโม่ฮว๋ายมาได้ อีกทั้งยังยกทัพโจมตีจนชางเจียชิงซูรับมือไม่ทัน"
เมื่อได้ยินนางพูดถึงลั่วชิงเหยียน แววตาของหยุนชางก็มีความสุขขึ้นมา นางพยักหน้าและกล่าวว่า
"ใช่เพคะ แต่ว่าการไปครั้งนี้คงต้องใช้เวลาเป็นเดือน หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น"
"มันต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว" ท่านฮูหยินจ้าวยิ้มแล้วลุกขึ้นมา สีหน้าของนางอ่อนโยนและมีรอยยิ้มปรากฏ "ในห้องนี้ค่อนข้างน่าเบื่อ เจ้าไปนั่งในลานบ้านกับข้าสักครู่เถิด"
หยุนชางอดไม่ได้ที่จะตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้ แววตาของนางจับจ้องไปที่รองเท้าที่ปรากฏอยู่ใต้ม่าน
หากว่าเมื่อสักครู่นี้ท่านฮูหยินจ้าวทำเพื่อทดสอบเซี่ยหวนอวี่ แล้วตอนนี้นางคิดจะทำกระไรอีก? หยุนชางคิดเช่นนี้ ภายในใจของนางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสดชื่นด้วยความปีติยินดี
แม้ว่าท่านฮูหยินจ้าวจะสูญเสียความทรงจำไป แต่หยุนชางก็ต้องยอมรับว่า ตอนนี้นางยังคงเป็นคนที่รอบคอบละเอียดและเป็นคนที่กล้าคิดกล้าทำ ในขณะที่เซี่ยหวนอวี่ผู้ซึ่งอยู่ในตำแหน่งอันสูงส่งมานานหลายปี มีประสบการณ์มากมาย เขาได้สูญเสียความเฉียบคมที่มีในอดีต กลับสงบนิ่งและเย็นชา แต่ภายในใจนั้นกลับลืมฮวาฮองเฮามิได้เสียที ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาสองคนพบกันอีกครั้งหลังจากที่พรากจากกันไปยี่สิบกว่าปี อีกทั้งยังพบกันในขณะที่ท่านฮูหยินจ้าวเสียความทรงจำไปแล้ว พวกเขาจะเป็นอย่างไรกันนะ?
หยุนชางคาดเดาอยู่ในใจ ท่านฮูหยินจ้าวสวมเสื้อคลุมไว้เรียบร้อยแล้ว นางเดินไปยืนหน้ากระจกครู่หนึ่ง แล้วยกยืมจัดปิ่นปักผมหยกขาวที่อยู่บนศีรษะของตน จากนั้นก็เดินไปหน้าประตูและยื่นมือออกไปเปิดม่านอย่างช้าๆ ...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...