ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 783

ทันทีที่ม่านถูกเปิดออก รูปลักษณ์ของคนที่ยืนอยู่นอกประตูก็สะท้อนผ่านเข้ามาในแววตาของท่านฮูหยินจ้าวอย่างชัดเจน ดูเหมือนท่านฮูหยินจ้าวจะตกตะลึงเล็กน้อย แววตาของนางจ้องมองไปบนแผลเป็นที่เห็นได้ชัดบนใบหน้าของเซี่ยหวนอวี่ และนางถอยหลังกลับไปสองก้าวอย่างกะทันหัน

หยุนชางเห็นว่าดวงตาของเซี่ยหวนอวี่เต็มไปด้วยแววตาที่ตกตะลึง และเขาก็จ้องไปที่ใบหน้าของ ท่านฮูหยินจ้าวอย่างไม่ละสายตา แม้ว่าหยุนชางจะเรียกท่านว่าท่านฮูหยินจ้าวมาโดยตลอด แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้จ้าวอิงเจี๋ยเป็นสามีของหัวจิ้ง หยุนชางเป็นน้องสาวของหัวจิ้งจึงต้องเรียกท่านเช่นนี้

แม้ว่าท่านฮูหยินจะอายุสี่สิบกว่าแล้ว และรูปลักษณ์ของท่านมิได้ทิ้งร่องรอยความชราเอาไว้ เพียงแต่มีรอยตีนกาเล็กน้อยที่ปลายตา แม้จะสู้หนิงเฉี่ยนมิได้ สู้ไม่ได้แม้กระทั่งฮองเฮาที่ปรนเปรออยู่ในพระราชวังมาโดยตลอด แต่หากมองดูแล้วท่านกลับดูอ่อนวัยกว่าฮูหยินที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียว

แววตาเซี่ยหวนอวี่มีเรื่องราวต่างๆ วาววับไป หยุนชางไม่สามารถคาดเดาความในใจของเขาได้ คนคนนี้ที่หายตัวไปกว่า 20 ปี คนที่เขาคิดว่าเสียชีวิตไปแล้ว20กว่าปี คนที่ทำให้เขาคิดคำนึงอยู่ตลอด20ปี และตอนนี้คนคนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ไม่รู้เหมือนกันว่าภายในใจเขาจะรู้สึกเช่นไร

ส่วนท่านฮูหยินจ้าวได้สติกลับคืนมาแล้ว นางขมวดคิ้วและมองไปที่เซี่ยหวนอวี่ "เจ้าเป็นใคร?"

หยุนชางอดไม่ได้ที่อยากจะหัวเราะ นางรู้ตัวตนของเซี่ยหวนอวี่อย่างชัดเจน แต่กลับถามออกมาเช่นนี้ มันไม่ต่างอะไรกับการเอามีดแทงเข้าไปบนร่างกายของเซี่ยหวนอวี่เลย ก็จริงที่ว่าคนบนโลกนี้ล้วนเป็นนักแสดง

หยุนชางเห็นแววตาของเซี่ยหวนอวี่เป็นประกายด้วยความรู้สึกเศร้าโศกลึก ๆ และมีความเจ็บปวดเล็กน้อยปรากฏขึ้นมา

หยุนชางรีบกล่าว "ท่านฮูหยิน พระองค์ทรงเป็นฝ่าบาทแห่งแคว้นเซี่ยเพคะ"

ท่านฮูหยินจ้าวตะลึงและดูเหมือนว่าจะได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง จากนั้นนางก็เร่งถอยหลังไปสองก้าวแล้วยืนนิ่ง จากนั้นก็ถวายบังคมแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "ถวายบังคมต่อฝ่าบาทเพคะ"

ผ่านไปอยู่นานเซี่ยหวนอวี่ก็มิได้ตอบรับกระไร เขาเพียงแค่มองจ้องไปที่ท่านฮูหยินจ้าว มองจ้องจนทำให้หยุนชางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

หลังจากนั้นไม่นาน เซี่ยหวนอวี่ก็ค่อยๆ เข้ามาในห้อง เขาจ้องมองไปรอบๆ ห้องแล้วจึงจ้องมองไปที่ท่านฮูหยินจ้าว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหม่อลอย "เจ้าอาศัยอยู่ที่นี่หรือ?"

ท่านฮูหยินจ้าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบด้วยเสียงเบาว่า "ใช่เพคะ"

หยุนชางไม่คาดคิดว่าสิ่งที่เซี่ยหวนอวี่จะกล่าวต่อนางคือเรื่องนี้ นางก้มหน้าลงแล้วยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ

ดูเหมือนเซี่ยหวนอวี่จะสงบลงอย่างมาก แต่หยุนชางพบว่ามือของเขาที่อยู่ใต้แขนเสื้อนั้นสั่นอยู่เล็กน้อย เซี่ยหวนอวี่เงียบไปครู่หนึ่งแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ เขาจ้องมองไปที่ท่านฮูหยินจ้าวและกำลังจะเอ่ยปากแต่ก็มิได้กล่าวกระไร ผ่านไปอยู่นานจึงถามอีกครั้งว่า "พวกเขาได้บอกกับเจ้าแล้วใช่หรือไม่?"

ประโยคนี้ค่อนข้างคลุมเครือ แต่หยุนชางทราบว่าเขาหมายถึงกระไร ท่านฮูหยินจ้าวก็ทราบเช่นกัน ท่านฮูหยินจ้าวเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวด้วยเสียงต่ำๆ ว่า "ใช่เพคะ"

เซี่ยหวนอวี่กำลังจะเอ่ยปาก แววตาของเขาฉายแววเจ็บปวดออกมา " เจ้ามิต้องพูดคุยกับข้าด้วยความมากพิธีเช่นนี้หรอก ข้าฟังแล้วรู้สึกอึดอัด" ในระหว่างการพูดนั้น เขามิได้ใช้คำว่าเจิ้น แต่ใช้คำว่าข้าแทน

หยุนชางและท่านฮูหยินจ้าวต่างก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พวกนางยังไม่ทันได้สติกลับคืนมา เซี่ยหวนอวี่ก็ยืนขึ้นและเดินออกจากห้องไป เงาร่างนั้นเร่งรีบเล็กน้อย ดูเหมือนพยายามจะหนีไปให้ไวที่สุด

ท่านฮูหยินจ้าวเงียบลงด้วยสีหน้าครุ่นคิด

หยุนชางมองดูสีหน้าของนางแล้ว ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยปาก "ท่านฮูหยิน"

ท่านฮูหยินจ้าวพยักหน้าเล็กน้อย และหลังจากนั้นไม่นาน นางก็เงยหน้าขึ้นมองหยุนชางและกล่าวด้วยเสียงเบาๆ ว่า "รอยแผลเป็นบนใบหน้าของเขา..."

หยุนชางไม่คาดคิดว่าท่านจะถามเรื่องนี้ในทันใด แต่ก็รีบตอบคำถามของนาง "ข้าได้ยินมาว่าเกิดจากครั้งที่ฮตัดสินใจฮองเฮาตกหน้าผาไป"

หยุนชางยิ้ม "ตอนนั้นหม่อมฉันก็ยังไม่แน่ใจเพคะ ตอนนั้นท่านอ๋องทราบตัวตนของท่านแล้ว ฉะนั้นจึงสงสัยในตัวของฮูหยิน จากนั้นท่านอ๋องก็ส่งคนไปสืบสวนและเขายังไปที่เมืองคังหยางด้วยตนเองอีกด้วย"

เซี่ยหวนอวี่เงียบไปอยู่นานแล้วจึงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา "ที่แท้พวกเจ้าก็ทราบกันหมดแล้ว แต่ปิดบังข้าเอาไว้"

หยุนชางมิได้แก้ตัว เพียงแต่เดินตามเซี่ยหวนอวี่ไปอย่างเงียบๆ

หลังจากนั้นไม่นาน เซี่ยหวนอวี่ยังคงถามต่อไปว่า " หลายปีที่ผ่านมากนี้ นางสุขสบายดีหรือไม่?"

หยุนชางครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วกระซิบ "อดีตแม่ทัพจ้าวดีต่อท่านฮูหยินอย่างมาก แต่เสียดายที่อดีตแม่ทัพจ้าวเสียชีวิตเร็วเกินไป ฮูหยินเลี้ยงดูจ้าวอิงเจี๋ยมาตั้งแต่เด็กโดยลำพัง ซึ่งลำบากอย่างมาก หลังจากนั้นฮูหยินก็สร้างชื่อเสียงสร้างผลงานพร้อมจ้าวอิงเจี๋ยมาไม่น้อย จึงมีตำแหน่งในพระราชวังที่มั่นคงมากขึ้น เสด็จพ่อของข้าจึงได้ให้เสด็จพี่อภิเษกสมรสกับแม่ทัพจ้าว แต่ว่าเสด็จพี่ของข้าเป็นคนที่เอาแต่ใจมาโดยตลอด จึงมิได้ทำดีต่อท่านฮูหยินเท่าไหร่นัก แต่ทว่านิสัยของท่านฮูหยินมิใช่คนที่อ่อนแอ จึงมิได้เสียเปรียบเท่าไหร่เพคะ ก่อนจะเกิดสงครามคังหยางขึ้น แม่ทัพจ้าวได้หายตัวไป ท่านฮูหยินจึงเข้ามาในสนามรบด้วยตนเองและตามหาแม่ทัพจ้าวจนพบ จากนั้นก็ประจำการอยู่ที่ชายแดนพร้อมแม่ทักจ้าวมาโดยตลอดเพคะ"

หยุนชางเล่าทุกอย่างที่นางทราบเกี่ยวกับท่านฮูหยินเมื่อครั้งอยู่แคว้นหนิงจนหมดสิ้น แล้วจึงกล่าวด้วยเสียงที่อ่อนโยนว่า "หลายปีที่ผ่านมานี้ ท่านฮูหยินมิได้ผ่านมันมาอย่างง่ายดายเลย..."

เซี่ยหวนอวี่หยุดชะงักชั่วคราวและร่างกายของเขาสั่นเล็กน้อย

หยุนชางเดินอยู่ข้างหลังเขา จึงไม่เห็นว่าสีหน้าของเขาเป็นเช่นไร นางจึงทำได้แค่ยืนนิ่งๆ อย่างเงียบๆ มิได้เอ่ยปาก

"ข้าไม่ได้ปกป้องนางให้ดีเอง" เสียงต่ำๆ ของเซี่ยหวนอวี่ดังมาจากด้านหน้า น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดอย่างมาก

หยุนชางตะลึง นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าในใจ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดก็กล่าวว่า "เหตุผลที่หม่อมฉันและท่านอ๋องตัดสินใจปกปิดเรื่องท่านฮูหยินในตอนนั้น ก็เพราะท่านฮูหยินความจำเสื่อมและตอนนี้มีครอบครัวใหม่แล้ว จึงไม่อยากที่จะรบกวน นอกจากนี้เรายังทราบด้วยว่าหลายปีที่ฮวาฮองเฮาเสียชีวิตไปนั้น ฝ่าบาททรงแต่งตั้งฮองเฮาขึ้นมาใหม่ มีนางสนมเข้าวังหลังมาไม่น้อย มีบุตรอีกตั้งมากมาย เราจึงไม่ทราบจริงๆ เพคะว่าเรื่องเหล่านี้ควรกล่าวดีหรือไม่ และคิดว่าการที่ไม่รู้เรื่องราวกระไรเลย จะเป็นการดีต่อทั้งสองฝ่ายหรือไม่เพคะ"

เซี่ยหวนอวี่เงียบไปจนกระทั่งกลับไปถึงลานบ้าน หยุนชางก็ยังไม่ได้ยินเสียงตอบรับของเซี่ยหวนอวี่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง