หยุนชางนอนเบาะมาตั้งแต่บ่ายจนถึงเย็น นางรอมาทั้งวัน นกอินทรีที่ส่งสารจึงจะมาถึง เมื่อวานนี้หยุนชางกล่าวเรื่องที่เซี่ยหวนอวี่มาที่เมืองหวายอินให้ลั่วชิงเหยียนทราบ หยุนชางหยิบกระบอกไผ่เล็กๆที่อยู่ตรงเท้าของนกอินทรีออกมา แล้วหยิบจดหมายในนั้นออกมา
บนนั้นมีเพียงประโยคสั้นๆที่ว่า "เจ้ารับของเคลื่อนพลสายลับไป ระวังตัวด้วย"
เมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมายแล้ว หยุนชางก็หยิบกระบอกท่อนไม้ไผ่นั้นออกมาแล้วคว่ำลงบนโต๊ะ และเห็นจี้หยกเล็กๆ หล่นลงมา โดยมีตัวอักษรสลักไว้ว่า ชาง
ชางที่มาจากคำว่าหยุนชาง
หยุนชางอมยิ้มขึ้นมา แล้วรู้สึกหวานชื่นเล็กน้อย
ฉินยีได้นำปากกา หมึก กระดาษ และหินบดหมึกมาแล้ว หยุนชางหยิบพู่กันที่จุ่มหมึกมาค้างไว้อยู่นาน จากนั้นจึงเขียนไปว่า ซูหรูไห่กบฏ จากนั้นจึงม้วนเก็บแล้วใส่ลงในกระบอกไม้ไผ่
ห้าตัวอักษรนี้ หยุนชางค่อยๆบรรจงเขียนทีละคำอย่างช้าๆ หลังจากเขียนจบนางก็มองดูอยู่นานจึงวางพู่กันลง แล้วม้วนกระดาษที่แห้งจากหมึกดำ แล้วใส่เข้าไปในกระบอกไม้ไผ่
หยุนชางรู้ว่าคงจะมีคนจำนวนมากที่ต้องการกำจัดฮวาฮองเฮา แต่ไม่คาดคิดว่าเรื่องมันจะเกิดขึ้นเร็วเช่นนี้
ในคืนที่เซี่ยหวนอวี่เพิ่งจากไปไม่ถึงสามคืน ขณะที่หยุนชางนอนหลับอย่างสะลึมสะลือ ก็ได้ยินสายลับมาแจ้งว่าเกิดเรื่องขึ้นกับท่านฮูหยินจ้าว หยุนชางตกตะลึงอย่างมาก นางเร่งสวมเสื้อคลุมแล้วเดินทางไปยังลานบ้านที่ท่านฮูหยินจ้าวอาศัยอย่างเร่งรีบ
ความจริงค่อนข้างแตกต่างจากจินตนาการของหยุนชาง ครั้งนี้มิได้มีมือสังหาร แต่ท่านต้องยาพิษ
พิษที่ต้องคือยาพิษร้ายแรง นั่นก็คือพิษหญ้าไส้ขาด เพียงแต่ท่านฮูหยินจ้าวต้องพิษไม่หนักเท่าไหร่นัก แม้ว่าจะมีสีหน้าขาวซีด แต่ไม่เป็นกระไรมาก หยุนชางใช้ขี้เถ้าเพื่อทำให้ท่านฮูหยินจ้าวอาเจียนออกมา จากนั้นก็สั่งในคนนำ ถั่วเขียว ดอกแรกแย้ม ชะเอมเทศไปต้มเป็นยาสมุนไพรแล้วให้ท่านฮูหยินจ้าวกิน หลังจากกินเข้าไปแล้วสีหน้าของท่านจึงดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
หยุนชางขมวดคิ้วและมองไปรอบ ๆ ห้อง ผู้คนที่รับใช้อยู่ในลานบ้านล้วนเป็นสายลับ และอาหารที่ท่านฮูหยินจ้าวกินต้องผ่านการตรวจสอบของสายลับหลายคนก่อน แล้วเหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก?
หยุนชางดูแลท่านฮูหยินจ้าวให้เรียบร้อย และมีจ้าวอิงเจี๋ยคอยดูแลอยู่ข้าง หยุนชางจึงออกจากห้องแล้วให้คนนำคนที่รับใช้อยู่ในจวนเข้ามาทั้งหมด
"วันนี้ฮูหยินกินกระไรไปบ้าง? ยกขึ้นมาให้ข้าดูเสีย" หยุนชางสั่งอย่างแผ่วเบา เพื่อเป็นการป้องกันไม่ใช่มีคนวางยาพิษ นอกจากการตรวจสอบหลายขั้นตอนแล้ว หยุนชางยังสั่งให้คนทำอาหารและเครื่องดื่มที่ฮูหยินกินเพิ่มมาหนึ่งชุด เมื่อถึงวันที่สองท่านฮูหยินไม่เป็นกระไรจึงจะเททิ้งได้
ผ่านไปสักพักอาหารทุกอย่างก็นำเข้ามา หยุนชางดึงปิ่นปักผมสีเงินออกมาแล้วลองทีละอัน ปิ่นเงินมิได้เปลี่ยนเป็นสีดำ หญ้าไส้ขาดมีพิษร้ายแรงอย่างมาก เพียงแค่นิดเดียวก็สามารถทำให้ปิ่นเปลี่ยนเป็นสีดำได้ ในเมื่อปิ่นมิได้เปลี่ยนสี แสดงว่าหญ้าไส้ขาดมิได้อยู่ในอาหารเหล่านี้
หยุนชางตรวจสอบชาที่ท่านฮูหยินจ้าวดื่ม ของต่างๆใช้ประจำ หยุนชางตรวจสอบอย่างละเอียดทุกชิ้น แต่ก็ไม่พบเบาะแสกระไร ราวกับว่าพิษนั้นมาโดยไม่มีร่องรอยใดๆ เพราะไม่พบเบาะแสใดๆเลย
หยุนชางกลับไปที่ห้องชั้นในอีกครั้ง เพื่อจะถามคำถามท่านฮูหยินจ้าวเล็กน้อย แต่ว่าคืนนี้ท่านฮูหยินคงเหนื่อยล้าอย่างมามาก เมื่อหยุนชางเข้าป่านก็หลับไปแล้ว
จ้าวอิงเจี๋ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ริมเตียงอย่างเงียบๆ เขานั่งยืดอกหลังตรงไม่ขยับไปไหน
หยุนชางกำลังจะถอยออกไป แต่จู่ๆจ้าวอิงเจี๋ยก็หันมา เขาจ้องมองไปที่หยุนชาง สายตานั้นหวาดกลัวเล็กน้อย เขาเอ่ยปากและกล่าวด้วยเสียงที่แหบแห้ง " พระชายาขอรับ ให้ข้าน้อยพาท่านแม่ไปเถิดขอรับ เราไม่ไปที่เมืองจิ่นแล้ว ไม่ไปแล้วขอรับ"
หัวใจของหยุนชางสั่นไหว ในดวงตาของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยความเสียใจ นางลืมไปได้อย่างไรว่าท่านฮูหยินจ้าวแค่เคยเป็นฮวาฮองเฮามาก่อน หลังจากที่ท่านเสียความทรงจำไป ท่านก็ลืมแผนการอุบายเหล่านั้นไปจนสิ้นแล้ว ตอนนี้ท่านเป็นเพียงหญิงธรรมดาเท่านั้นเอง
หยุนชางเงียบอยู่นาน นึกถึงลั่วชิงเหยียนขึ้นมา แล้วนึกถึงเด็กในครรภ์ตนขึ้นมา นางจึงทำจิตใจให้สงบ แววตาของนางฉายแววแน่วแน่ออกมา "ข้าขอโทษ"
จ้าวอิงเจี๋ยก้มศีรษะลง ใบหน้าของเขาบูดบึ้งเล็กน้อย เขาเอ่ยปากและผ่านไปครู่หนึ่งจึงกล่าวพึมพำกับตัวเองว่า "ข้ามีท่านแม่เพียงคนเดียวเท่านั้น........"
หยุนชางตกตะลึง รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย นางจึงละสายตาไปแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง และไม่มองจ้าวอิงเจี๋ยอีกต่อไป
"ท่านฮูหยินใช้แก้วน้ำชานี้เป็นประจำหรือไม่?" หยุนชางถามเบาๆ
สาวใช้ส่ายหัว "ชุดแก้วน้ำชานี้มีทั้งหมดแปดอันเพคะ และวางอยู่ด้วยกัน มีลักษณะและสีเหมือนกันเพคะ ท่านฮูหยินมิได้มีนิสัยที่ใช้แก้วใดแก้วหนึ่งเป็นพิเศษเพคะ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยุนชางก็สั่งให้คนไปนำแก้วน้ำชาอีกเจ็ดอันที่เหลือมา แล้วเทน้ำลงทีละแก้วแล้วลองดูว่ามียาพิษหรือไม่ แต่ทุกอย่างกลับปกติอย่างมาก ปิ่นเงินมิได้เปลี่ยนเป็นสีดำ
หยุนชางขมวดคิ้ว หากเป็นเช่นนี้ก็คงมีทางเดียวแล้วล่ะ พิษที่อยู่ในแก้วนี้อาจถูกวางหลังจากที่ชงชาเรียบร้อยแล้ว
แต่คนที่รับใช้ในลานบ้านล้วนเป็นคนที่นางไว้ใจ ไม่มีเหตุจูงใจให้วางยาพิษเลย
หยุนชางหยิบแก้วน้ำชาที่มียาพิษนั้นขึ้นมา มองดูผ่านแสงสลัวๆ นาน ๆ แล้วใช้มือเช็ดถ้วยน้ำชาตรงพนังแก้วน้ำชามีกากชาหลงเหลืออยู่ หยุนชางขมวดคิ้ว แล้วพบว่านอกจากกากชาพวกนั้นแล้ว มีชิ้นบาง ๆ ที่ถูกแช่ในน้ำชาจนกลายเป็นสีใสอยู่
หยุนชางขมวดคิ้ว แล้วยื่นของชิ้นนั้นให้สาวใช้ แล้วถามอย่างแผ่วเบาว่า "ข้าจำได้ว่า ใบชาที่เราตรวจสอบเมื่อสักครู่นี้เป็นสุราไผ่เขียวมิใช่หรือ?"
สาวใช้ชะงักไปครู่หนึ่ง นางเข้าใกล้และตรวจสอบครู่หนึ่งก่อนจะพูดอย่างลังเลว่า "น่าจะเป็นกลีบดอกมะลิเพคะ"
หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อนึกถึงดอกมะลิที่อยู่ตรงขอบหน้าต่าง ดวงตาของนางดูสับสนเล็กน้อย "ท่านฮูหยินชอบดอกมะลิหรือ? มีนิสัยที่ชอบเก็บดอกมะลิมาชงชาหรือไม่?"
สาวใช้พยักหน้าและพูดว่า "ท่านฮูหยินมักจะออกไปเดินเล่นเป็นบางครั้ง เมื่อวันก่อนขณะที่ท่านฮูหยินเดินเล่นก็พบว่ามีคนขายดอกมะลิ จึงให้เราซื้อกลับมาหนึ่งกระถางแล้ววางตรงหน้าต่างเพคะก่อนหน้านี้ที่หม่อมฉันเทน้ำชาที่เหลือในแก้วทิ้ง ก็พบว่าในน้ำชามีดอกมะลิเช่นกันเพคะ
หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตากระจ่าง "ข้าทราบแล้วว่าคนร้ายคือใคร"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...