ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 786

ผู้คนเหล่านั้นที่ได้ยิน พลันชะงักไปโดยพลัน. พร้อมเงยหน้าขึ้นมามองหยุนชาง

"ผู้ร้ายเป็นใครกันเพคะ ? นู๋ปี๋จะให้คนไปนำตัวมา" สาวใช้ที่อยู่ข้างกายพูดขึ้นมาอย่างรีบเร่ง

หยุนชางพลางส่ายหน้าไปมา แววตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง "หากข้าเดาไม่ผิด ผู้ร้ายที่วางยาจ้าวฮูหยิน ย่อมต้องเป็นนายพลจ้าว"

ผู้คนล้วนแต่ตกตะลึงไปตามๆกัน สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย เจือไปด้วยความแคลงใจเป็นอย่างมาก ฉินยีที่เกิดอารชะงักไปนั้น พลันรีบร้อนส่ายหัวไปมา พร้อมกล่าวออกมาว่า "เหตุใดถึงเป็นนายพลจ้าวได้ละเพคะ? ฮูหยินเป็นท่านแม่ของนายพลจ้าวแท้ ๆ อีกทั้งนายพลจ้าวยังเป็นผู้ที่กตัญญูรู้คุณอีก เมื่อครู่ ยามที่ฮูหยินเจ็บปวดนั้น นู๋ปี๋ยังได้ลอบมองดูนายพลจ้าว สีหน้าไม่สู้ดีเป็นอย่างมากเลยนะเพคะ. ลักษณะเช่นนี้. เหตุใดผู้ที่วางยาถึงเป็นเขาไปได้กัน"

หยุนชางที่ลุกขึ้นยืนนานไปนั้น. ยามนี้ท้องนางใหญ่โตขึ้นมามากแล้ว จึงทำให้นางรู้สึกเหนื่อยได้ง่าย จึงเรียกให้คนนำเก้าอี้มาวางลง พร้อมนั่งลงอยู่ในห้องเครื่อง สีหน้าจึงกลับมาเป็นดังเดิม "นั้นสิ หากแต่ผู้ที่วางยา อย่างไรก็เป็นเขา"

หยุนชางเมื่อเห็นสีหน้าของแต่ละคนดูยากที่จะเชื่อใจ. จึงเริ่มอธิบายออกมา "ยาพิษนั้น คงจะวางไว้ในกระถางดอกมะลิ เนื่องจากทั้งในแก้วน้ำ ในน้ำเปล่าหรือใบชา ทุกที่ล้วนแต่ไม่พบยาพิษอีกเลย ผู้คนในตำหนักแห่งนี้ ล้วนแต่เป็นคนของเราทั้งสิ้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะกล้าวางยา มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น. คือจ้าวฮูหยินหยิบดอกมะลิมาต้มชาโดยมิได้ตั้งใจ"

หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่ง จึงกล่าวต่อไปอีกว่า "หากพิษอยู่ในดอมะลินั้น ผู้ที่วางยาย่อมต้องเป็นผู้ที่รู้จักนิสัยของจ้าวฮูหยินเป็นอย่างดี. มิเช่นนั้น คงมิกล้าวางยาใส่ดอกมะลิเป็นแน่ เนื่องจากโอกาสเป็นไปได้มีน้อยเกินไปนัก. คนข้างกายของฮูหยินล้วนถูกสับเปลี่ยนหมดแล้ว พวกเจ้ามิได้คลุกคลีกับฮูหยินมากนัก ย่อมมิเข้าใจนิสัยของฮูหยิน เช่นนั้นผู้ต้องสงสัยมีเพียงนายพลจ้าวเท่านั้น"

"เมื่อครู่ที่ข้ากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น. ในยามนี้อ๋องเจ็ดโดนจับตัวไปแล้ว. เซี่ยหวนอวี่ก็เพิ่งออกจากเมืองหวายอินไปได้ไม่นาน. เกรงว่าจะเป็นสายสืบของใต้เท้าซูที่มาพร้อมกับเซี่ยหวนอวี่กระมัง. ก็ยังต้องใช้เวลาถึงสิบวัน ถึงจะได้รับข่าว. แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามาถมาได้เร็วกว่านี้อีกแล้ว "

หยุนชางชะงักไปครู่หนึ่ง. จึงพูดต่อไปอีกว่า "หากแต่. ข้าก็ยังมิค่อยเข้าใจนักว่าวางยาพิษได้เช่นไร. พิษหญ้าไส้ขาดเป็นพิษที่มีฤทธิ์ร้ายแรงมาก. หากหยดไปในดอกมะลิแล้ว. ก็ไม่น่าที่จะออกฤทธิ์ได้น้อยเฉกเช่นอาการของฮูหยิน"

พูดจบ ฉินยีพลางกระซิบถามคำถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "ทว่า นายพลจ้าวเป็นบุคลที่กตัญญูรู้คุณคนหนึ่ง. เหตุถึงได้กล้าลงมือต่อฮูหยินได้ละเพคะ ?"

หยุนชางเข้าใจได้ทันที "เกรงว่า. คงจะเป็นเพราะนายพลจ้าวมิต้องการให้ฮูหยินกลับไปอยู่เคียงข้างกายฝ่าบาทกระมัง"

หยุนชางพอจะเข้าใจถึงการกระทำของนายพลเจ้าได้. จ้าวอิงเจี๋ยเป็นบุตรของฮวาฮองเฮาและอดีตนายพลจ้าว. แม้ว่าเบื้องหน้าจะดูเหมือนว่าเขายินยอมเนื่องจากไม่สามารถทำอันใดได้แล้ว. ทว่า ภายในใจก็ยังคงยอมรับไม่ได้กระมัง ว่าแม่ของตนเองเคยผ่านการแต่งงานมาก่อน จึงมิต้องการให้นางกลับไปยืนอยู่ข้างกายผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง

"เช่นนั้น. พระชายา พวกเราจักต้องทำอย่างไรต่อไปดีเพคะ ? " ฉินยีพลางขมวดคิ้วลง พร้อมส่งสายตาที่มึนงงออกมา. หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงหยัดกายลุกขึ้น "ข้าจะไปหารือกับนายพลจ้าว. พร้อมกับไปเอาดอกมะลินั่นมา. เพื่อยืนยันความคิดของข้าอีกที"

หยุนชางจึงสั่งให้พวกฉินยีรั้งรออยู่ด้านนอกห้อง. พร้อมทั้งเดินเข้าไปในห้องเพียงผู้เดียว เมื่อกำลังเปิดม่านเดินเข้าไปนั้น กลับได้เสียงพูดคุยกันเบาๆ ในห้องดังเข้ามา

หยุนชางพลันเลิกคิ้วขึ้นเบา ๆ จ้าวฮูหยินมิใช่กำลังหลับอยู่หรือ ?

หากแต่ เสียงที่ดังภายในห้องนั้น หยุนชางกลับได้ยินเสียงอย่างชัดเจนนั้นคือจ้าวฮูหยิน พร้อมทั้งกำลังพูดถึงนาง "องค์หญิงฉลาดเฉลียวเช่นนี้. อีกไม่นาน ย่อมต้องรู้ถึงการกระทำของเจ้าเป็นแน่. เจ้าเด็กคนนี้ ฮืม. มีเรื่องอันใดไม่คิดจะพูดคุยกับแม่หน่อยหรือ ? เหตุใดถึงต้องใช้วิธีเช่นนี้กัน ?"

เสียงของจ้าวฮูหยินที่แผ่วเบา เอ่ยออกมาด้วยความเฉยเมย พร้อมทั้งถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

จ้าวอิงเจี๋ยครุ่นคิดอยู่นาน จึงเอ่ยปากออกมาว่า "พระราชวังนั้นเป็นสถานที่ที่สามารถกัดกินผู้คนโดยไม่เหลือแม้แต่กระดูกให้คาย. ลูกเพียงแค่เป็นกังวลท่านแม่เท่านั้น. ลูกเคยได้ยินมาว่า ไม่กี่ปีมานี้. เซี่ยหวนอวี่ผู้นั้นคัดนางสนมเข้าไปในวังก็ไม่น้อย สถานที่วังหลังที่เต็มไปด้วยสตรีอสรพิษเช่นนั้น. ลูกเกรงว่าท่านแม่จะไม่สามารถปกป้องตนเองได้ "

สายตาของจ้าวอิงเจี๋ยจึงไปหยุดตรงที่ท้องของหยุนชาง. ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวออกมาว่า "กี่เดือนแล้วหรือ พะยะค่ะ? "

หยุนชางยิ้มรับ "หกเดือนได้แล้ว " เงียบไปครู่หนึ่ง จึงพูดต่ออีกว่า "ก่อนหน้านั้น ข้าเพียงคิดว่าการที่ผู้อื่นตั้งครรภ์ถึงสิบเดือนเช่นนี้ ช่ างง่ายดายยิ่งนัก. เมื่อมาถึงยามตนเองแล้ว จึงได้เข้าใจว่าการตั้งครรภ์ถึงสิบเดือนนั้น ช่างยากเย็นเป็นอย่างมาก. ไม่แปลกใจเลยที่เขากล่าวกันว่า บุตรคือก้อนเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้เป็นมารดา เนื่องจากว่ามีเพียงมารดาเท่านั้นที่เข้าใจถึงความยากลำบาก. จึงต้องการเลี้ยงดูพวกเขาออกมาให้ดีที่สุด"

สีหน้าของจ้าวอิงเจี๋ยพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย. หากแต่ก็มิได้เอ่ยอันใดออกมา

หยุนชางก้มลงไปมองที่ท้องของตนเองนั้น รอยยิ้มเต็มไปด้วยความเหนื่อยอ่อนหากแต่ก็เจือไปด้วยความอบอุ่น เพียงครู่หนึ่งจึงเงยหน้าขึ้นมามองจ้าวอิงเจี๋ย. พร้อมส่งรอยยิ้มมาให้ว่า "อันที่จริง. ข้าอยากที่จะกล่าวขอโทษนายพลจ้าวมาโดยตลอด"

สีหน้าของหยุนชางเต็มไปด้วยความจริงจัง. พร้อมกล่าวออกมาด้วยรอยิ้มว่า "ต้องขอโทษท่าน. ที่ข้าได้ไปช่วงชิ่งท่านแม่ของนายพลจ้าวมาเช่นนี้. ข้าเข้าใจเป็นอย่างดีว่าทั้งฮูหยินและนายพลจ้าวล้วนแต่ชื่นชอบสนามรบกันทั้งนั้น หลังจากที่ข้าได้เดินทางกลับมาที่เมืองคังหยางนั้น ข้ากลับค้นพบว่า เมืองคังหยางได้ถูกนายพลจ้าวจัดการได้เป็นอย่างดี ราษฏรทั้งหลายล้วนแต่ชื่นชมนายพลจ้าวเป็นอย่างมาก ดูออกเลยว่า นายพลจ้าวใช้ใจในการจัดการมากแค่ไหน การมาของข้า ล้วนแต่ทำให้ความเป็นอยู่ที่เงียบสงบของนายพลจ้าวและจ้าวฮูหยินต้องพังทลายลง อีกทั้งยังได้พาพวกท่านทั้งสองคนมยังที่นี่อีก"

หยุนชางก้มหังเล็กน้อย. สายตาเต็มไปด้วยความขมขื่นเล็กน้อย พลันนึกถึงคำพูดที่เคยใช้พูดคุยกับจ้าวฮูหยินที่เมืองคังหยางนั้นเอากลับมาพูดอีกรอบ " แต่เดิมไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น. ข้าและท่านอ๋องล้วนแต่รับรู้ตัวตนของจ้าวฮูหยินมาโดยตลอด. จึงได้รู้ว่าจ้าวฮูหยินได้สูญเสียความทรงจำไปอย่างแน่นอน. และไม่สามารถรับรู้ความทรงจำในอดีตได้เลย ในยามนี้ครอบครัวของนายพลล้วนแต่เต็มไปด้วยความสุขเช่นนี้ ยิ่งไม่อยากจะเข้าไปรบกวน. ท่านอ๋องไปเมืองคังหยางด้วยตนเองนั้น ทว่า เพียงแค่ก้าวข้ามประตู ยังมิทันได้เยี่ยงกรายเข้าไป. หาแต่ครั้งนี้ไม่มีหนทางจริงๆ เรื่องนี้ได้ถูกอ๋องเจ็ดล่วงรู้เข้าแล้ว. อ๋องเจ็ดของแคว้นเซี่ยที่เจ็บป่วยออดๆแอดๆนั้น แท้จริงแล้วในใจเป็นคนที่เจ้าเล่ห์มากนัก. ข้าจึงเกรงกลัวความปลอดภัยของจ้าวฮูหยิน รวมไปถึงยามที่ท่านอ๋องนำทัพออกไปด้วย จึงไม่มีผู้ใดให้คอยพูดคุยเจรจา จึงได้เดินทางมาที่เมืองคังหยางเป็นการส่วนตัว"

จ้าวอิงเจี๋ยมิเคยคาดคิดว่า หยุนชางจะกล่าวกับตนเช่นนี้ จึงตกตะลึงไปอยู่นาน มิรู้ว่าควรจะกล่าวคำอันใดออกมา

หยุนชางจึงเงยหน้าขึ้น พร้อมสายตาที่จับจ้องไปที่จ้าวอิงเจี๋ยพร้อมกล่าวออกมาว่า "ต้องขอโทษท่านจริง ๆ"

จ้าวอิงเจี๋ยรู้สึกร้อนรน. พร้อมรีบร้อนกล่าวออกมาว่า "พระชายากล่าวหนักไปแล้วพะยะค่ะ. นี่หาใช่เรื่องที่จะต้องกล่าวขอโทษไม่ กลับเป็นกระหม่อมเสียเองที่ต้องกล่าวขอบคุณพระชายา"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง