ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 808

หยุนชางพลันเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ พร้อมทั้งรีบร้อนออกจากอ้อมกอดของลั่วชิงเหยียน แล้วจึงรีบร้อนกล่าวออกมาว่า "ไม่ได้ ไม่ได้เพคะ"

ลั่วชิงเหยียนเพียงแค่หัวเราพร้อมจ้องมองไปที่นาง สายตาเต็มไปด้วยแววตาของความขบขัน "อื้ม ยังอยากหัวเราะข้าอีกหรือไม่ ?"

หยุนชางพลันรีบร้อนส่ายหัวไปมา "ไม่แล้วเพคะ.ไม่ทำอีกแล้ว. ท่านอ๋อง หม่อมฉันทำผิดไปแล้วเพคะ"

ลั่วชิงเหยียนพียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความสุขใจ "หืม. ท่านอ๋อง. ข้ามิใคร่ชอบฟังคำเรียกเช่นนี้นัก"

หยุนชางเข้าใจแล้วว่าเขากำลังกลั่นแกล้งนาง หากแต่นางในยามนี้ เมื่อลงมาอยู่ในเรือลำนี้แล้ว อย่างไรก็ไม่สามารถกลับขึ้นไปได้ เพียงแต่ขบริมฝีปากไปมา พร้อมพ่นหายใจออกมา แล้วจึงกล่าวว่า "ชิงเหยียน"

ลั่วชิงเหยียนเพียงแค่หยิบแก้วเหล้าในมือยกขึ้นมาดื่มอีกหนึ่งครั้ง พร้อมหันหน้าไปหา มิได้เอ่ยอันใดออกมา ราวกับกำลังไม่พอใจอยู่

หยุนชางขบริมฝีปากไปมาเล็กน้อย พร้อมตัดสินใจออกมาอย่างแน่วแน่ แล้วจึงตะโกนออกมาว่า "เสด็จอา. ท่านอ๋อง. ชิงเหยียน. สามี. พระสวามี"

ลั่วชิงเหยียนพลันหันหน้ามา แววตาเต็มไปด้วยความพอใจ "อื้ม. ตะโกนคำสุดท้ายออกมาอีกครั้ง"

ใบหน้าของหยุนชางขึ้นสีเล็กน้อย. น้ำเสียงที่ค่อยๆแผ่วเบา. " พระสวามี พระสวามี. พระสวามี. พระสวามี. เล่นกันเสร็จแล้ว. พวกเรากลับกันเถอะเพคะ"

ลั่วชิงเหยียนยิ้มพร้อมพยักหน้าลง. จึงเดินไปที่ท้ายเรือ พร้อมยกไม้พายขึ้นมา พลางหันไปหยุนชางว่า "เจ้าเรียกอีกที ข้าพายครั้งหนึ่งเป็นอย่างไร?"

หยุนชางขบฟันไปมาเล็กน้อย ภายในใจเต็มไปด้วยความขมื่น "ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์"

หากแต่ใบหน้าที่แย้มยิ้ม กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า "พระสวามี"

ลั่วชิงเหยียนจึงลงมือพายขึ้นมา เรือจึงเริ่มเคลื่อนที่แล้ว หยุนชางจึงค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมา หากแต่เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง กลับรู้สึกถึงความผิดปกติ แท้จริงแล้วเขาสามารถพายเรือกลับไปที่เรือนหยวนหนานได้ หากแต่ ลั่วชิงเหยียนกลับพายเรือเข้ามาในดงดอกบัวพวกนี้แทน

เมื่อใบบัวบดบังท้องฟ้าด้านบนแล้ว หยุนชางพลันเงยหน้าขึ้นไปมอง กลับพบเห็นเป็นใบบัวที่ไม่สามาถนับได้หลายใบเต็มไปหมด บดบังเสียมองมิเห็นท้องฟ้า

เมื่อลั่วชิงเหยียนพายเข้าไปด้านในอีกครั้ง. ใบบัวก็บดบังทุกอย่างโดยสมบูรณ์ และยังไม่สามารถพายต่อไปได้อีกแล้ว หยุนชางจึงได้สติกลับมา เมื่อกำลังจะหันไปเปิดปากพูดนั้น พลันเห็นลั่วชิงเหยียนเดินมาที่ข้างกายแล้ว คำพูดยังมิทันหลุดออกจากปาก ก็ถูกลั่วชิงเหยียนก้มหน้าลงมาประกบจูบอีกครั้งหนึ่ง

ผ่านไปชั่วครู่ ลั่วชิงเหยียนจึงพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งขึ้นมาว่า "ภรรยา. ข้าอยากได้เจ้าแล้ว"

หยุนชางยังมิทันจะได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ พลันได้ยินเสียง "ชึบ" อาภรณ์พลันถูกเปิดออก

สติครั้งสุดท้าย หยุนชางพลันคิดได้ว่า ต่อจากนี้ไป. นางจะไม่ยอมนั่งเรือลำเดียวกันกับเขาอีกแล้ว อีกทั้งยังเป็นฤดูที่ดอกบัวออกดอกเช่นนี้อีกด้วย

หยุนชางกลับมายังเรือนหนานย่วนเช่นใด ขึ้นมานอนบนเตียงได้เช่นไร หยุนชางไม่รู้เรื่องเลยทั้งสิ้น รู้เพียงแค่ว่า นางตื่นมายามอู่ของอีกวันหนึ่ง ทั้งฉินยีและเฉี่ยนจั๋วใบหน้าล้วนแต่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่กรุ้มกริ่มยิ่งนัก

หยุนชางที่ถูกพวกนางยิ้มล้อเลียนเช่นนี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความแดงก่ำ ภายในใจกับคิดว่า หากลั่วชิงเหยียนกลับมาเมื่อใด. ต้องทำให้เขาเห็นว่าเขากลั่นแกล้งนาง

ภายในโรงน้ำชาแห่งนี้มีนักเล่านิทานกำลังเล่านิทานอยู่ เมื่อไม้ปลุกสติถูกตบลง ก็พลันมีเรื่องเล่าเรื่องใหม่ขึ้นมาทันที "วันนี้พวกเรามิต้องพูดเรื่องไกลตัวเกินไป. พูดถึงเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนรู้กันในยามนี้ดีกว่า วันนี้มาพูดถึงเรื่องที่เป็นข่าวลือในเมืองจิ่นกัน ฝ่าบาทกำลังเริ่มสะสางวังหลังแล้ว ได้ยินมาว่า นางสนมที่มิได้ถวายตัวในวังหลังทั้งหมดนั้น ถูกส่งออกมาหมดเลย วันนั้นข้ายังเห็นอีกว่า นางสนมที่ถูกไล่ออกมาจากตั้งแต่ถนนจูเชว่จนถึงประตูวังนั้น. หึหึ. นั้นเรียกว่าเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่เลยทีเดียว ตั้งแต่คนแรกที่เดินออกมา ยันคนสุดท้ายทีเดินออก ใช้เวลาไปถึงครึ่งชั่วยามเชียว"

ผู้คนล้วนแต่ส่งเสียงหัวเราะออกมา

"พูดอีกอย่างหนึ่งคือ สตรีที่ถูกคัดออกมานั้น อย่างไรย่อมต้องหาตระกูลที่ตบแต่งเข้าไปได้ยากยิ่ง หากแต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม. นางสนมเหล่านี้ที่ถูกส่งออกมา หลังจากกลับไปที่บ้าน มีประตูสิบบานถูกย่ำยีไปแล้วถึงเก้าบานเช่นนี้ อีกท้ังยังเป็นสตรีของฝ่าบาทอีก ถึงแม้ว่าพวกนางจะไม่ได้รับความโปรดปรานก็เถอะ "

"ไม่กี่วันก่อน ทางทิศตะวันตกของเมือง มีแม่นางตระกูลจ้วงมิใช่ยืนอยู่ที่หอซิ่วโหล่วเพื่อโยนบอลเลือกคู่หรอกหรือ? ปีที่แล้วแม่นางตระกูลจ้วงก็เข้าคัดเลือกนางสนมเช่นกัน ครั้งนี้เมื่อถูกส่งกลับมา ผู้คนที่ไปนั้นมีไม่ถึงพันคนก็มีเพียงแค่แปดร้อยคน ที่อยากจะตบแต่งด้วย น่าเสียดายที่แม่นางตระกูลจ้วงโชคไม่ดี. บอลลูกนั้นโยนไปอยู่ในมือของชายชราวัยหกสิบกว่าาปีเข้า"

ประตูห้องรับรองถูกเปิดออกมา พร้อมกับเสี่ยวเอ้อร์ที่พาหยุนชางเดินเข้าไปด้านใน. หยุนชางสั่งเพียงชาผลไม้และสั่งขนมมาด้วยอีกเพียงเล็กน้อย เมื่อสั่งเสร็จ เสี่ยวเอ้อร์จึงขอตัวออกไป

เสียงนักเล่านิทานด้านนอกยังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หยุนชางจึงสั่งให้เฉี่ยนจั๋วไปปิดประตูลง เสียงจึงค่อยๆแผ่วเบา หยุนชางนึกถึงเนื้อเรื่องที่นักเล่านิทานเล่ามาเมื่อครู่. เพียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงถามขึ้นมาว่า "พวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าครั้งนี้ที่ฝ่าบาทส่งนางสนมออกมาจากวังมีจำนวนเท่าใดกัน?"

ฉินยีพลันรีบร้อนตอบกลับไปว่า "นู๋ปี๋เพียงได้ยินมาเท่านั้นเพคะ. ได้ยินมาว่าประมาณหกร้อยกว่านาง. การคัดเลือกนางสนมในปีนี้จึงถูกคัดเข้าไปไม่มากนัก. ผู้ที่ได้รับความโปรดปรานจึงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น นอกนั้น ผู้ที่ได้ดีหน่อยก็ถูกแต่งตั้งยศให้ก็มีไม่มาก ผู้ที่ถูกส่งออกไปมีแต่นางสนมชั้นล่างเท่านั้นเพคะ"

"หกร้อยกว่าคนเชียวหรือ"หยุนชางพลันขมวดคิ้วลง มิคาดคิดเลยว่าจะมีคนมากถึงเพียงนี้. ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวขึ้นมาอีกว่า "เช่นนั้น ในเวลานี้วังหลวงห้องเรือนต่างๆ มิใช่ว่างมากกระนั้นหรือ?"

ฉินยีพยักหน้ารับคำ "มิใช่เพคะ? ในพระราชวังมีตำหนักถึงเก้าสิบกว่าตำหนัก ภายในหนึ่งตำหนักมีห้องถึงหนึ่งพันห้อง รวมทั้งหมดประมาณแปดพันกว่าห้อง สนมชั้นล่างนับเป็นนายท่าน จะมีเพียงห้องเดียวเท่านั้น. เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จะหายไปเพียงแค่เจ็ดร้อยกว่าห้องเท่านั้นเพคะ ผู้คนในวังก็มิได้ใช้ห้องหับมากนัก ในยามนี้วังหลังจึงมีที่ว่างเพียงแค่สิบห้องกับเก้าตำแหน่งที่ว่างลง"

สายตาของหยุนชางเต็มไปด้วยแววตาระยิบระยับ. และมิได้พูดอันใดออกมาอีกเลย สมองพลันครุ่นคิดอยู่ว่า ในยามนี้พระราชวังยังจะเหลือที่ว่างลงอีกหรือไม่?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง