"ข้าเห็นในจดหมายลงวันที่ไว้เป็นวันที่หกเดือนหก. ในยามนี้เป็นเดือนแปดแล้ว เหตุใดจดหมายถึงเพิ่งมาถึงได้กัน ?" หยุนชางพลันหยิบจดหมายที่พับไว้ข้างกายขึ้นมา
"รายงานพระชายา พวกกระหม่อมได้รับจดหมายมาวันที่แปดเดือนหกแล้วพะยะค่ะ หากแต่ระหว่างทางพวกกระหม่อมโดนทั้งไล่ล่าและสกัดกั้นในทุกๆ ทาง พวกกระหม่อมจึงต้องผลัดเปลี่ยนคนถึงยี่สิบหกคน กระหม่อมถึงสามารถนำจดหมายมามอบให้พระชายาได้สำเร็จพะยะค่ะ " องครักษ์เงาผู้นั้นพลางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
หยุนชางตกตะลึงไปครู่หนึ่ง โดนไล่ล่างั้นหรือ?
"ผู้ที่ตามไล่ล่าพวกเจ้าเป็นคนฝั่งใดกัน ?"หยุนชางพลันถามขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
องครักษ์เงาผู้นั้นพลันส่ายหน้าไปมา น้ำเสียงที่แผ่วเบา กล่าวออกมาว่า "ฝีมือมิด้อย กำลังพลยังมีมาก ราวร้อยคนได้พะยค่ะ บนร่างกายมิได้มีสิ่งใดสามารถใช้บ่งบอกตัวตนหรือสิ่งใดได้ หากแต่ฟังจากสำเนียงนั้น. คล้ายว่าเป็นคนแคว้นเซี่ยพะยะค่ะ"
คนแคว้นเซี่ย
หยุนชางหลี่ตาลงเล็กน้อย ภายในใจกำลังคาดเดาไปต่างๆ นานา
"ลำบากพวกเจ้าแล้ว ในแคว้นหนิงได้พบเห็นจิ่นกุ้ยเฟยบ้างหรือไม่. จิ่นกุ้ยเฟยสบายดีหรือไม่ ?"หยุนชางสอบถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"ทุกครั้งที่กลับไปยังแคว้นหนิง เมื่อจิ่นกุ้ยเฟยเห็นป้ายประจำตัวของพวกกระหม่อม มักจะเรียกให้เข้าไปพบทุกครั้งพะยะค่ะ กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงสบายดีเป็นอย่างมากพะยะค่ะ. ครั้งนี้ยังได้พบเห็นองค์ชายน้อยเฉิ่นซีอีกด้วย องค์ชายน้อยในยามนี้สามารถเดินได้ด้วยตัวคนเดียวแล้วพะยะค่ะ อีกทั้งยังกตัญญูรู้คุณต่อกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเป็นอย่างมาก"องครักษ์เงาพลันกล่าวออกมา
หยุนชางแย้มยิ้มเล็กน้อย เมื่อรู้ว่าเสด็จแม่สบายดีเช่นนี้ ในแววตาล้วนมีแต่ความปิติยินดี "เกรงว่าจะเป็นเด็กอายุขวบครึ่งแล้วกระมัง. จะรู้จักกตัญญูรู้คุณได้เช่นไรกัน"
องครักษ์เงาพลันรีบกล่าวออกมาว่า. "เมื่อครั้งที่กระหม่อมถูกกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเรียกพบในอุทยานหลวงนั้น เหนียงเหนียงยังได้พาองค์ชายน้อยมาด้วยพะยะค่ะ กระหม่อมเห็นกุ้ยเหยเหนียงเหนียงอุ้มองค์ชายน้อยเข้าไปในศาลา เมื่อกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงวางองค์ชายน้อยลงแล้ว องค์ชายน้อยจึงรีบเดินมาที่ข้างกายกุ้ยเหยเหนียงเหนียง พร้อมทั้งบีบนวดมือให้กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงอีกและยังบีบนวดที่เท้าให้กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงอีกด้วยพะยะค่ะ ราวกลับว่าจะกลัวกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงจะเหน็ดเหนื่อย "
หยุนชางได้ยินเช่นนั้นพลันหัวเราะออกมา น้องชายของนางช่างฉลาดเฉลียวเกินไปหรือไม่ ดีจริงๆ ที่เสด็จแม่มีเฉินซีอยู่ข้างกายเช่นนี้ นางจะได้ไม่เหงามากนัก
หยุนชางพยักหน้าลงเล็กน้อย และจึงให้องครักษ์เงาถอยกายออกไป
"ไม่กี่วันมานี้ พระชายาล้วนแต่กังวลถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแคว้นหนิง เมื่อได้ยินองครักษ์เงากล่าวออกมาเช่นนี้ ก็คลายความกังวลลงได้แล้วใช่หรือไม่เพคะ ?" ฉินยีพลางกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
"ใช่แล้ว. ถึงแม้ว่าเสด็จพ่อจะรักเสด็จแม่. หากแต่เขาก็ยังต้องเห็นแก่ประเทศชาติมากกว่าเสด็จแม่มากนัก. เฉินซีเป็นถึงองค์ชายเพียงผู้เดียวในแคว้นหนิงเช่นนี้ ย่อมต้องเป็นที่โปรดปรานเป็นธรรมดา ข้ากังวลเพียงแต่เสด็จแม่เพียงผู้เดียวเท่านั้น. หากในวังหลังยังมีนางสนมคนอื่นอยู่ด้วย อย่างไรเสด็จแม่ย่อมไม่สามารถวางใจลงได้ อีกทั้งเสด็จแม่ย่อมไม่ความสุขอีกด้วย ข้าไม่เพียงแต่กังวลว่าเสด็จแม่จะไม่สบายใจเท่านั้น. ข้ายังกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับนางอีกด้วย" หยุนชางพลันถอนหายใจออกมาเบาๆ
ฉินยีได้ยินหยุนชางกล่าวออกมาเช่นนี้ จึงเงียบลง เพียงครู่หนึ่งจึงกล่าวขึ้นมาอีกว่า "เพคะ นายท่านใช้ชีวิตที่ยากลำบากมามากพอแล้ว"
ชั่วขณะนั้น. ทั้งสองคนก็มิได้เอ่ยคำพูดอันใดออกมาอีก
หยุนชางจึงเดินไปนั่งลงบนตั่งนิ่มๆ พร้อมเปิดจดหมายอ่านอีกหลายรอบ ด้วยความเหม่อลอย
ผ่านไปไม่นาน เฉี่ยนจั๋วพลันเดินขึ้นมา พร้อมกล่าวว่า "พระชายา ได้เวลารับสำรับแล้วเพคะ"
หยุนชางพยักหน้าลงเล็กน้อย พลันเงยหน้าขึ้นไปตอบเฉี่ยนจั๋ว "ได้. ข้ากำลังจะลงไป เจ้ารีบไปบอกท่านอ๋องที่ห้องตำราเสีย"
เมื่อลั่วชิงเหยียนกลับมาที่เรือนหนานย่วนนั้น. หยุนชางก็ได้สั่งให้คนวางสำรับอาหารลงหมดแล้ว เมื่อรับสำรับอาหารเสร็จ ลั่วชิงเหยียนก็มิได้กลับไปที่หอตำราแต่อย่างใด ท้องฟ้าค่อยมืดลง วันนี้ลั่วชิงเหยียนดูอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง พลางดึงมือของหยุนชางพร้อมทั้งสั่งคนให้เตรียมเรือลำเล็กไว้ เพื่อไปล่องเรือในทะเลสาบ หยุนชางมิได้ขัดขวางอารมณ์ของลั่วชิงเหยียนแต่อย่างใด พร้อมทั้งยังสั่งให้คนเตรียมสุราดอกท้อมาอีกหนึ่งกา พร้อมวางลงบนเรือ
ลั่วชิงเหยียนจึงค่อยๆพยุ่งหยุนชางลงเรือ พร้อมทั้งปฏิเสธข้ารับใช้ที่จะมาพายเรือจากพ่อบ้าน แล้วลงมือพายเรือด้วยตนเอง เมื่อเข้าสู่ทะเลสาบแล้ว บริเวณที่มีดอกบัวขึ้นเยอะๆนั้น เรือไม่สามาถพายเข้าไปได้ ลั่วชิงเหยียนจึงได้แต่พายเรืออกจากบริเวณที่มีกอบัวขึ้นเยอะๆและพายไปยังบริเวณที่มีดอกบัวขึ้นน้อย ๆ แทน
ลั่วชิงเหยียนเพียงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ มิได้ใจกรุ่นโกรธแต่อย่างใด. เมื่อเห็นหยุนชางหัวเราะออกมาด้วยความดีใจนั้น จึงดึงนางเข้ามาสู่ในอ้อมกอด เรือลำเล็กเมื่อเกิดเหตุการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ทั่วทั้งเรือจึงได้สั่นคลอนไปมา ทำให้หยุนชางตกใจเสียจนโอบกอดลั่วชิงเหยียนไม่ได้ เมื่อสติกลับมานั้น จึงเงยหน้าขึ้นไปมองลั่วชิงเหยียนพร้อมถลึงตาใส่
หากแต่การถลึงตาเช่นนั้นมิได้สร้างความหวาดกลัวอันใดให้กับลั่วชิงเหยียนเลยแม้แต่น้อย ลั่วชิงเหยียนเพียงแค่กระตุกยิ้มขึ้นที่มุมปากเท่านั้น พร้อมกระซิบที่ข้างหูหยุนชางว่า "หัวเราะพอแล้วหรือ ?"
หยุนชางพลันรีบร้อนพบพยักหน้า "หัวเราะพอแล้วเพคะ. พอแล้ว"
เพียงครู่หนึ่งจึงกระพริบตาจ้องมองไปที่ลั่วชิงเหยียน "เช่นนั้น เรื่องที่ท่านอ๋องอารมณ์ดีในวันนี้ เพราะได้รับข่าวว่าฮวาฮองเฮากำลังกลับมาที่วังอย่างนั้นหรือเพคะ ?"
ลั่วชิงเหยียนพลันถอนหายใจออกมา "ตอนนี้เจ้าไม่เกรงกลัวข้าแล้วใช่หรือไม่ ? ไม่กลัวข้าจะโกรธเคืองเจ้างั้นหรือ ?"
หยุนชางเมื่อได้ยินลั่วชิงเหยียนถามขึ้นมาด้วยสีหน้าที่จริงจังเช่นนี้. จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบกลลับไปว่า "หืม. เสด็จอาทำหน้าโกรธเคืองให้หม่อมฉันดูหน่อยเร็ว ? หม่อมฉันลืมไปแล้วว่า เวลาเสด็จอาทำหน้าโกรธเคืองเป็นเช่นไร"
ลั่วชิงเหยียนอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หยุนชางในยามนี้จับจุดอ่อนของเขาได้อยู่หมัด อีกทั้งยังพูดประโยคเช่นนี้ออกมาอีก จึงอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปปิดปากของหยุนชางด้วยปากของเขา
หยุนชางพลันเบิกตากว้าง "อื้ออื้อ" น้ำเสียงที่อู้อี้ดังออกมาเล็กน้อยเพียงครู่หนึ่งจึงได้เงียบลง
ลั่วชิงเหยียนจึงปล่อยนางออก พร้อมเลิกคิ้วขึ้นเป็นคำถามว่า "ยังอยากหัวเราะอยู่หรือไม่?"
หยุนชางะลางรีบร้อนส่ายหน้า พร้อมยกมือขึ้นไปลูบบนท้องของนาง พร้อมส่งเสียงพึมพำเบาๆว่า "โอ้. เด็กน้อยของแม่. พ่อของเจ้าชอบกล่าวว่าแม่ชอบหัวเราะเขา? พ่อของเจ้ายังชอบรังแกแม่ของเจ้ายิ่งนัก นิสัยไม่ดีจริงเชียว "
"รังแก? "ลั่วชิงเหยียนพลันเลิกคิ้วขึ้น พร้อมทบทวนคำกล่าวหาของหยุนชางทั้งสองคำ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวออกมาว่า "หากคิดดูแล้ว. ไม่กี่วันมานี้ ข้ายุ่งวุ่นวายกับการจัดการเอกสารมากนัก ข้าไม่ได้รังแกเจ้ามาสามสี่วันแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่ดีเป็นอย่างยิ่ง หากข้าพายเรือเข้าไปในดงดอกบัวให้ลึกอีกหน่อย ให้ดอกบัวทั้งหลายคอยบดบังไว้ให้เช่นนี้ ย่อมไม่มีผู้ใดเห็นว่าพวกเรากำลังทำอันใดกันอยู่? ข้ายังไม่เคยลิ้มลองมาก่อนเช่นกัน ในเรือเช่นนี้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...