ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง นิยาย บท 815

หมอหลวง หมอตพแยและท่านหมอมาถึงเรียบร้อยแล้ว หยุนชางนั่งเงียบๆ อยู่นอกตำหนัก มิได้เข้าไปด้านใน จนในสี่ชั่วโมงต่อมา หยุนชางจึงได้ยินเสียงร้องไห้ที่เศร้าโศกของหลินโยวหรานดังมาจากห้องโถง

มือของหยุนชางสั่นเล็กน้อย นางเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นดาวเต็มฟ้า ยังมีชีวิตอยู่ก็ย่อมดี

หยุนชางยืนขึ้นเหลือบมองไปที่ลั่วชิงเหยียน จากนั้นก็เดินออกจากตำหนักไปอย่างช้าๆ

"อีกประเดี๋ยวก็เช้าแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องไปกับข้าหรอก ข้ากลับเองได้" หยุนชางอมยิ้ม ดูสงบอย่างมาก

ลั่วชิงเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบว่า "ข้าไปส่งเจ้าที่หน้าประตูวังเสียดีกว่า"

หยุนชางพยักหน้าเบา ๆ และเดินไปทางประตูวังพร้อมลั่วชิงเหยียน มีร่องรอยของดวงจันทร์อยู่บนท้องฟ้า มีดวงดาวริบหรี่เต็มฟ้า ลั่วชิงเหยียนจับมือหยุนชางเอาๆ และกล่าวเบาๆ ว่า "อย่าได้คิดมาก"

หยุนชางได้ยินเช่นนี้จึงอมยิ้มขึ้นมาและพยักหน้า "ข้าทราบแล้ว"

เมื่อไปถึงทางบันไดยาวๆ หน้าตำหนักไท่จี๋ หยุนชางก็หยุดลั่วชิงเหยียนเอาไว้ จากนั้นก็เดินไปทางประตูวังพร้อมรอยยิ้ม ต้องรออีกครึ่งชั่วโมงจึงจะถึงเวลาว่าราชกิจยามเช้า ที่ประตูวังมีคนที่ตื่นเช้าเพื่อนขนของเข้าวังเดินไปมาอยู่ แต่ด้วยเหตุที่เวลายังเช้ามาก ทหารหน้าประตูจึงไม่กล้าปล่อยใครเข้าออกอย่างง่ายดาย ฉะนั้นจึงสั่งให้หยุนชางแสดงป้ายจำตัว

นางกำนัลที่การตรวจสอบเอนกายบนเกวียนและหาว พูดเบา ๆ กับทหารเฝ้าประตูวังว่า "ช่วงที่ผ่านมานี้คนในพระราชวังน้อยลงอย่างมาก พืชผักที่ต้องการก็ลดลงเช่นกัน แต่ข้ากลับรู้สึกว่าของที่อยู่บนรถนั้นหนักเท่าเดิมเลย"

ทหารยิ้มและตอบว่า "เพราะว่ากำลังแรงของเจ้าน้อยลงรึเปล่า "ขณะที่พูดก็ให้นางกำนัลนั้นลงนามลงบนสมุดบันทึกเข้าออก และจึงปล่อยเข้าวังไป

หยุนชางจ้องมองเกวียนที่มีตะกร้าหลายใบวางอยู่ นางขมวดคิ้ว ของในตะกร้านั้นมีไม่มากเท่าไหร่ แต่ดูท่าทีการเคลื่อนไหวของนางกำนัลนั้นกลับดูหนักมาก

หยุนชางกำลังมองดูนางกำนัลนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงของทหารดังขึ้น "เรียบร้อยแล้วขอรับ ออกจากพระราชวังได้ขอรับ พระชายาเชิญขอรับ"

หยุนชางจึงหันกลับไป พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม และเดินออกจากประตูวังพร้อมกับฉินยีและเฉี่ยนจั๋ว

จนกระทั่งขึ้นรถม้าไป หยุนชางยังคงเหม่อลอย ฉินยีพยุงหยุนชางขึ้นรถม้า จากนั้นนางก็เข้าไปด้วย เมื่อเห็นว่าหยุนชางเหม่อลอยเล็กน้อย จึงกล่าวด้วยเสียงที่อ่อนโยนว่า "มีกับดักอยู่ทุกหนทุกแห่งในวังหลังนี้เลยเพคะ และนี่มิใช่ความผิดของพระชายาแต่อย่างใดเพคะ แต่นางประมาทเกินไปเองเพคะ พระชายาช่วยชีวิตนางเอาไว้ นี่เป็นบุญวาสนาของนางอย่างยิ่งแล้วเพคะ ฉะนั้นพระชายามิต้องโทษตัวเองนะเพคะ"

หยุนชางพยักหน้าเบา ๆ ก้มศีรษะลงเป็นเวลานานโดยไม่พูด

เมื่อกลับไปถึงจวน หยุนชางดูเหมือนเหนื่อยล้าอย่างมาก เหมือนฉินยีปล่อยม่านลูกปัดลง และถอดเสื้อชั้นนอกออก นางจึงเกียจคร้านที่จะล้างหน้าล้างตัวแต่นอนลงบนเตียงในทันที

แม้ว่าจะรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก แต่เมื่อนอนอยู่บนเตียงจริงๆ แล้วก็นอนไม่หลับ หยุนชางขมวดคิ้ว ดวงตาของนางเศร้าหมองเล็กน้อย นางหลับตาลงเป็นเวลานานแต่ก็ไม่ง่วงนอนเลย ฉะนั้นนางจึงเงยหน้าแล้วมองไปที่ดอกบ๊วยที่ปักอยู่บนม่านเตียง

หลังจากเฝ้าดูอยู่นาน ในที่สุดก็รู้สึกง่วงเล็กน้อย จึงหลับตาลง ในขณะที่ครึ่งตื่นครึ่งหลับ ภาพหน้าประตูวังก็ปรากฏในความคิดของนางอยู่เสมอ

"ช่วงที่ผ่านมานี้คนในพระราชวังน้อยลงอย่างมาก พืชผักที่ต้องการก็ลดลงเช่นกัน แต่ข้ากลับรู้สึกว่าของที่อยู่บนรถนั้นหนักเท่าเดิมเลย"

เสียงของนางกำนัลยังคงดังก้องอยู่ในความคิดของหยุนชาง

หลังจากฉินยีฟังเฉี่ยนจั๋วกล่าวจบแล้ว นางก็กล่าวอีกครั้งว่า "เมื่อตอนอยู่หน้าประตูวัง หม่อมฉันได้ยินนางกำนัลที่เข้าออกวังพูดคุยกับทหาร จากนั้นระหว่างทางที่กลับท่านก็ดูครุ่นคิดเรื่องบางอย่างตลอดทางเพคะ"

"เช่นนั้นหรือ?" ลั่วชิงเหยียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "พวกเขาพูดเรื่องอะไรกัน?"

ฉินยีครุ่นคิดถึงอีกครั้งแล้วตอบอย่างนุ่มนวลว่า "ดูเหมือนว่านางกำนัลนั้นจะบ่นว่า ช่วงนี้คนในวังน้อยลงเรื่อยๆ แต่น้ำหนักของผักที่ส่งเข้าวังทุกวันกลับไม่ได้ลดลงเลยเพคะ"

"คนน้อยลง แต่ผักเท่าเดิมหรือ?" ลั่วชิงเหยียนขมวดคิ้วและพึมพำกับตัวเอง เขาเงียบไปไม่นานจึงเกิดประกายในแววตาขึ้นมา "ข้ารู้แล้ว"

หลังจากพูดจบ เขาก็รีบกล่าวต่อฉินยีและเฉี่ยนจั๋วว่า "ข้าจะต้องไปจัดการกิจบางอย่างที่ห้องหนังสือ หากว่าพระชายาตื่นแล้ว ก็ให้ท่านมาพบข้าที่ห้องหนังสือ กล่าวไปว่าข้ามีเรื่องจะหารือกับนาง"

ฉินยีและเฉี่ยนจั๋วรีบตอบกลับ ลั่วชิงเหยียนจึงลุกขึ้นยืนแล้วออกจากห้องไป และลงไปชั้นล่าง

ในที่สุดตกค่ำหยุนชางก็ตื่นขึ้นมาแล้ว ขณะที่นางตามฉินยีเข้าไปแต่งกายให้นาง นางยังคงดูเหม่อลอยเล็กน้อย ฉินยีสวมรองเท้าให้หยุนชาง แต่คิดในใจว่าวันนี้ดึกมากแล้ว หยุนชางคงไม่ออกไปไหนแล้วกระมั้ง นางก็จะแปรงผมให้นางเป็นทรงธรรมดา แล้วปักด้วยปิ่นดอกบัว

"ท่านอ๋องกลับจวนแล้วเพคะ หากว่าพระชายาตื่นแล้ว ท่านขอให้ไปพบท่านที่ห้องหนังสือเพคะ ท่านกล่าวว่ามีเรื่องต้องการหารือกับพระชายาเพคะ" ฉินยีแต่งการให้หยุนชางเรียบร้อยแล้วกล่าว

หยุนชางลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของนางดีใจเล็กน้อย "พอดีเลย ข้าเองก็มีเรื่องจะกล่าวกับเขาเหมือนกัน" ขณะที่กล่าวเช่นนี้ นางก็เดินออกจากห้องไป

"พระชายาอย่างได้เร่งรีบเพคะ วันนี้พระชายายังมิได้รับประทานอาหาร หม่อมฉันสั่งให้คนใช้ต้มซุปถั่วแดงเอาไว้เพคะ พระชายาทรงรับประทานก่อนเถิดเพคะ" ฉินยีกล่าว จากนั้นก็สั่งแล้วมีสาวใช้ถือถาดเข้ามา บนถาดนั้นมีซุปถั่วแดงวางอยู่หนึ่งถ้วย หยุนชางยกซุปถั่วแดงขึ้นแล้วดื่มจนหมด จากนั้นก็วางถ้วยไว้ข้างๆ แล้วออกจากห้องและลงไปข้างล่างอย่างเร่งรีบ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง