หลินโยวหรานก้มศีรษะลง เหยียดมือออกมาอย่างเงียบๆ หยุนชางใช้สองนิ้วแตะที่ข้อมือ ค่อยๆตรวจชีพจรของนาง ก่อนที่จะพูดว่า "หมอหลวงคงสั่งยาให้เจ้าแล้ว ให้นางกำนัลต้มยา ในวังนี้ ไม่ว่าเจ้าจะทรมานตัวเองมากแค่ไหน ก็ไม่มีใครมาสงสาร สิ่งที่เจ้าจะได้รับ ไม่มีอะไรมากไปกว่าเสียงเยาะเย้ยจากคู่ต่อสู้ของเจ้า"
ร่างกายของหลินโยวหรานสั่นเบาๆตลอด และเมื่อนางได้ยินคำพูด นางก็ขึ้นเสียงของนางด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "มานี่"
นางกำนัลรีบเดินเข้ามา และหลินโยวหรานสั่งให้นางกำนัลไปต้มยา หลังจากสั่งการ นางมองที่ข้อมือด้วยความเหม่อลอย
หยุนชางดื่มชา ไม่สามารถทนดูท่าทีที่หมดอาลัยตายอยากของนางได้ นางจึงลุกขึ้นและเดินออกจากห้องโถงชั้นใน
หนิงเชียนไม่อยู่แล้ว ตำหนักเซียงจู๋มิได้ครึกครื้นเหมือนแต่เดิม ตอนนี้มันค่อนข้างรกร้างมาก และวัชพืชในลานไม่ได้รับการดูแล แต่มีดอกไม้สีม่วงที่ไม่รู้จักชื่อบานอยู่ในสวนเป็นหย่อมใหญ่
"เห็นได้ชัดว่าพระชายาทรงห่วงใยฮุ่ยจาวอี๋ แต่กลับตรัสด้วยความไม่แยแสและเย็นชาเยี่ยงนี้ มิกลัวฮุ่ยจาวอี๋จะโกรธเกลียดหรือเพคะ?" ฉินยีกระซิบข้างหลังหยุนชาง
หยุนชางยิ้มและส่ายหัว "พวกเรา ปกป้องนางเกินไป เมื่อก่อนเอาแต่คิดว่า ต้องเอานางมาเพื่อเสียสละ เป็นนกที่อยู่เหนือสิ่งอื่นใด และทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับนาง ปรากฎว่า ตามใจนางทุกสิ่งอย่าง อยู่ในวังหลังนี้มันช่วยอะไรไม่ได้เลย ตอนนี้ฮองเฮาฮวากลับมาแล้ว นางกับข้า ก็ไม่มีความหมายอะไรมาก และจุดจบของนางก็อยู่ในมือของนางเองทั้งหมด ถ้าข้าไม่ปลุกนางขึ้นมาในตอนนี้ มันจะสายเกินไป"
หยุนชางบอกว่าจะค้างคืนในวัง ดังนั้นจึงให้ฉินยีจัดห้องในตำหนักเซียงจู๋ โชคดีที่ตอนนี้ตำหนักเซียงจู๋โล่งกว่าเดิม และพอมีห้องว่าง
ไม่นานหลังจากนั้น ลั่วชิงเหยียนก็มารับนางหยุนชางบอกรายละเอียดเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กับลั่วชิงเหยียน ลั่วชิงเหยียนเห็นว่าหยุนชางได้ตัดสินใจแล้ว ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า "ถ้าเช่นนั้น ข้าก็จะอยู่ที่ตำหนักหารือเพื่อจัดการกับเรื่องของราชสำนักด้วยล่ะกัน! ช่วงนี้ก็มีเรื่องมากมายพอควร คืนนี้ ข้าก็จะไม่กลับจวนเช่นกัน"
หยุนชางรู้ดีว่าลั่วชิงเหยียนเป็นห่วงนาง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงตอบรับด้วยรอยยิ้ม "เพคะ ถ้ามีข่าวอะไรเพิ่มเติม ข้าจะส่งคนไปรายงานท่านที่ตำหนักหารือนะเพคะ"
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าเบาๆแล้วเดินกลับไปที่ตำหนักหารือ
ทันทีที่ลั่วชิงเหยียนจากไป หยุนชางก็เข้าไปในห้องที่นางกำนัลคนนั้นพักอยู่อีกครั้ง เมื่อเห็นท่าทีของนางกำนัล ดูเหมือนจะดีขึ้น เมื่อเห็นหยุนชางเข้ามา นางกำนัลก็ลดคอลงและรับคำนับ
หยุนชางนั่งลง และจ้องที่นางอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "ข้ายังไม่รู้ว่าเจ้าชื่ออะไร"
นางกำนัลตัวสั่นอีกครั้ง และรีบพูดว่า "หม่อมฉันชื่อหมิงสุ่ยเพคะ เป็นนางกำนัลในตำหนักจงชุ่ย"
หยุนชางพยักหน้า ไม่น่าแปลกใจ ตำหนักอื่นที่มีนายหญิงล้วนมีเวลาเข้าออกที่เข้มงวด เมื่อถึงเวลา นางกำนัลจะไม่สามารถเข้าออกตามใจชอบ ตำหนักจงชุ่ยเป็นตำหนักที่หญิงดีงาม(หญิงสาวที่ถูกส่งมาร่วมคัดเลือกจากทั่วแผ่นดิน)อาศัยอยู่ก่อนที่จะได้รับแต่งตั้ง ตอนนี้เซี่ยหวนอวี่ได้ถอดถอนวังหลัง หญิงดีงามส่วนใหญ่ที่ได้รับการคัดเลือกเมื่อปีที่แล้ว คงจะถูกส่งออกจากวังแล้ว ตอนนี้ในตำหนักจงชุ่ยไม่มีผู้คน และนี่คือเหตุผลที่นางกำนัลถือโอกาสแอบพบคู่รักทุกคืน
"เอาความดีความชอบหักล้างความผิดนั้นไม่ยาก ประเดี๋ยวเจ้ากลับไปที่ตำหนักจงชุ่ย ถ้ามีคนถาม เจ้าก็บอกว่าข้ารักษาเจ้าจนหายดีแล้ว ทุกอย่างเป็นปกติ อย่าได้ให้ใครเห็นความผิดปกติ ในตอนกลางคืน..." หยุนชางหรี่ตา พูดด้วยรอยยิ้มว่า "ข้าต้องการให้เจ้า แสร้งทำเป็นว่าวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วไปพบหวังซู่คนนั้นตามปกติ"
"คือ..." หมิงสุ่ยขมวดคิ้ว ดูเหมือนลำบากใจเล็กน้อย
หยุนชางยิ้มและพูดว่า "เขาปกปิดและหลอกลวงเจ้าทุกอย่าง หรือว่าเจ้ายังต้องการปกป้องเขาอีก อีกทั้งตอนนี้เจ้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว"
"หม่อมฉันเต็มใจ หม่อมฉันเต็มใจเพคะ" หมิงสุ่ยกล่าวอย่างรวดเร็ว
เมื่อนางเห็นท่าทีของฮุ่ยจาวอี๋ เสิ่นซู่เฟยดูเหมือนจะร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ และรีบเสด็จไปที่ข้างเตียงอย่างรวดเร็ว "อ่า เกิดอะไรขึ้นกับฮุ่ยจาวอี๋ ดูตานี้สิ ทำไมมันถึงเป็นแดงเช่นนี้ ดูเจ้าเยี่ยงนี้ ตรอมใจจนไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว"
เสิ่นซู่เฟยถอนหายใจ และตรัสว่า "ข้ารู้ว่าน้องหญิงเสียพระทัยที่สูญเสียลูก แต่น้องหญิงยังอ่อนเยาว์ ยังสามารถมีลูกได้ แต่ถ้าเสียสุขภาพ มันจะไม่คุ้มกับการสูญเสียนะ น้องหญิงยังอยู่ช่วงอยู่ไฟ อย่าได้หลั่งน้ำตาเชียว มิฉะนั้น ในอนาคตถ้าแค่โดนลม ก็จะหลั่งน้ำตาพร้อมสายลมเอาได้"
ฮุ่ยจาวอี๋ก้มศีรษะลง และปลายจมูกของนางก็แดงเล็กน้อย ผ่านไปนานพอควร จึงตอบรับด้วยเสียงอันแหบแห้ง "ขอบพระทัยซู่เฟยเหนียงเหนียงที่ทรงเป็นห่วง หม่อมฉันมิเป็นไรเพคะ"
"ขนาดนี้แล้วยังบอกว่าไม่เป็นไร ลำบากเจ้าแล้ว" เสิ่นซู่เฟยถอนหายใจเบาๆ "ช่วงนี้เจ้าอย่าได้คิดอะไรทั้งนั้น ทักษะทางการแพทย์ของพระชายารุ่ยนั้นยอดเยี่ยม นางสามารถปรับร่างกายให้เจ้ากลับมาเหมือนดังเดิมได้ ฝ่าบาทจะเสด็จกลับมาในเร็ววัน ตอนที่น้องหญิงเข้าวังก็เป็นที่โปรดปรานยิ่งนัก หลังจากที่ฝ่าบาทเสด็จกลับมา พระองค์จะทรงยังโปรดน้องหญิงเป็นแน่นอน ถึงตอนนั้นร่างกายของเจ้ากลับสู่สภาพเดิม ก็ย่อมจะมีลูกได้อีกเป็นแน่"
หยุนชางฟังเสิ่นซู่เฟยตัสเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่อยากจะหัวเราะออกมา แม้ว่าเสิ่นซู่เฟยเป็นเพียงองครักษ์ลับ แต่นางเป็นนางสนมมาหลายปีในวัง เกรงว่าคงจะลืมไปว่า ตนเองเป็นเพียงองครักษ์ลับเท่านั้น
แผนอุบายนี้ยอดเยี่ยมนัก นางรู้ว่าเซี่ยหวนอวี่ทรงรักฮองเฮาฮวามากแค่ไหน ฮองเฮาฮวาเพิ่งเสด็จกลับวัง เกรงว่าเซี่ยหวนอวี่คงจะไม่ย่างกรายเข้าวังหลังเป็นสักพักใหญ่แน่ ณ เวลานี้ นางเตรียมการให้หลินโยวหรานไปแย่งความโปรดปราน คือต้องการชีวิตหลินโยวหรานชัดๆ
หลินโยวหรานไม่ใช่คนโง่ ได้ยินสิ่งที่เสิ่นซู่เฟยตรัสมา นางดูเหมือนกำลังร้องไห้อีก กัดริมฝีปาก พูดด้วยเสียงสะอื้นเล็กน้อย "ตอนนี้หม่อมฉันก็ไม่มีคำขอใดๆอีกแล้วเพคะ แค่อยากจะใช้ชีวิตบั้นปลายในวังก็เพียงพอเพคะ"
เสิ่นซู่เฟยรีบตรัสอีกว่า "ชีวิตน้องหญิงที่รุ่งโรจน์ ไฉนต้องตรัสคำพูดที่ทำให้หมดกำลังใจเยี่ยงนี้ อัปมงคล อัปมงคลนัก น้องหญิงอย่าได้คิดฟุ้งซ่านอีกเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ รักษาร่างกายเจ้าให้ดีๆ"
"ขอบพระทัยซู่เฟยเหนียงเหนียงที่ทรงเป็นห่วงเพคะ หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ" หลินโยวหรานตอบด้วยเสียงแหบแห้ง
เสิ่นซู่เฟยคุยสนทนากับหลินโยวหรานอยู่พักหนึ่งก่อนเสด็จออกจากตำหนักเซียงจู๋ ทันทีที่เสิ่นซู่เฟยจากไป หลินโยวหรานก็เงียบลงอีกครั้ง ดวงตาของนางเต็มไปความว่างเปล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...