หยุนชางยิ้มอย่างเย็นชา ลุกขึ้นยืน "เห็นแล้วใช่ไหม เหล่านางสนมในวังหลัง ต่างรู้วิธีฆ่าคนโดยทางอ้อม ครั้งนี้ ฝ่าบาทเสด็จกลับวังพร้อมกับฮองเฮาฮวา ตอนที่ฮองเฮาฮวาอยู่ ฝ่าบาททรงมีพระนางเพียงพระองค์เดียว ในที่สุดก็ได้พบกันอีกหลังจากพลัดพราก และจะยิ่งเฝ้าระวังรักษามากกว่าเดิม ถ้าเจ้าเข้าไปแทรกแซงในเวลานี้ เกรงว่าจะพ่ายแพ้อย่างราบคาบ เสิ่นซู่เฟยทรงรู้เรื่องนี้ แต่ก็ยังให้เจ้าไปแย่งความโปรดปราน..."
หลินโยวหรานก้มศีรษะ กัดริมฝีปากไว้และยังคงไม่พูดอะไร
หยุนชางไม่อยากพูดมากความกับนาง หันหลังกลับและออกจากห้องโถงชั้นใน
ฟ้าเริ่มมืด วันนี้หยุนชางไม่ได้นอนพักกลางวัน จึงรู้สึกง่วงเล็กน้อย กลางดึกยังมีงานสำคัญต้องทำ นางจึงนอนแต่หัวค่ำ เข้านอนก่อน
ค่ำคืนในวังก็เงียบมากเช่นกัน มีเพียงได้ยินเสียงชุดเกราะของทหารองครักษ์ลาดตระเวนเป็นครั้งคราว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ กลับได้ยินเสียงเอะอะลางๆ เฉี่ยนจั๋วและฉินยีที่กำลังหลับอยู่ที่โต๊ะในห้องตื่นขึ้นพร้อมกัน พวกนางตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่ง เฉี่ยนจั๋วก็รีบออกจากห้อง ฉินยีรีบเดินไปที่เตียงและปลุกหยุนชางว่า "พระชายา พระชายาเพคะ"
หยุนชางลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย มองไปที่ฉินยี ฉินยีรีบพูดออกมาว่า "พระชายา ข้างนอกมีการเคลื่อนไหวแล้วเพคะ"
หยุนชางชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยี้ตาและลุกขึ้นนั่ง
ฉินยีรีบสวมเสื้อผ้าให้หยุนชาง และหวีมวยทรงง่ายๆให้นาง จากนั้นก็ช่วยพยุงหยุนชางลงจากเตียง สวมรองเท้าให้นาง หยุนชางตาสว่างขึ้นเล็กน้อย กำลังฟังความเคลื่อนไหวจากภายนอก
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เฉี่ยนจั๋วก็รีบกลับมาและกระซิบว่า "พระชายา เรียบร้อยแล้วเพคะ"
หยุนชางพยักหน้า เปิดม่านอย่างรวดเร็วและเดินออกไป เดินไปถึงที่ลานบ้าน หยุนชางก็พบโคมไฟในห้องนอนของหลินโยวหรานยังสว่างอยู่ หน้าต่างถูกผลักออก และหลินโยวหรานยืนอยู่ข้างเตียงมองมาที่หยุนชาง
หยุนชางขมวดคิ้ว "เจ้าโดนลมมิได้ เข้าไปข้างใน"
หลินโยวหรานชะงัก พยักหน้า แล้วปิดหน้าต่างลง
หยุนชางรีบพาฉินยีและเฉี่ยนจั๋วไปที่ตำหนักนอกของตำหนักจิ่งหยาง เห็นว่าตำหนักจิ่งหยางถูกล้อมรอบด้วยทหารองครักษ์ ทหารองครักษ์ต่างถือคบเพลิงอยู่ในมือ หยุนชางมองผ่านแสงไฟ มีคนมากมายในตำหนักจิ่งหยาง ถูกล้อมรอบด้วยทหารองครักษ์ พวกเขานั่งยองๆบนพื้นโดยเอามือกุมศีรษะไว้
ลั่วชิงเหยียนก็อยู่ด้วย หยุนชางเดินไปที่ด้านข้างของลั่วชิงเหยียน ขมวดคิ้วและมองสถานการณ์ในห้องโถง "ดูๆแล้วเหมือนว่ามีคนไม่มากนัก"
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าเบาๆ "ไม่ถึงร้อยคน แต่ข้าได้ให้ทหารองครักษ์ไปล้อมตำหนักต่างๆที่ไร้คนทั้งหมดไว้แล้ว และจะไม่ยอมให้ใครหนีไปได้"
หยุนชางผงะไป นางไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย และอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองลั่วชิงเหยียน มุมปากเผยรอยยิ้มเล็กน้อย "ท่านอ๋องคิดรอบคอบยิ่งนัก"
ลั่วชิงเหยียนเอื้อมมือออกไปโอบกอดหยุนชาง ขมวดคิ้วเบาๆ "ทำไมใส่แค่นี้ ตอนกลางคืนอากาศเย็นนัก" จากนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ ตอนนี้หยุนชางอยู่ในวัง เกรงว่านางจะไม่มีเสื้อผ้าที่พอดี เขาจึงถอดเสื้อคลุมออกแล้วคลุมให้หยุนชาง
หยุนชางเงยหน้าขึ้นและยิ้มเบาๆให้กับลั่วชิงเหยียน ดวงตาที่อ่อนโยนแฝงความเหนื่อยล้า
มีเสียงฝีเท้าและเสียงชุดเกราะกระทบกันดังมา หยุนชางและลั่วชิงเหยียนหันไปพร้อมกัน เห็นชายคนหนึ่งที่แต่งตัวราวหัวหน้าทหารองครักษ์เดินเข้ามา ทำความเคารพและรายงานว่า "ท่านอ๋อง ข้าน้อยได้พบคนจำนวนไม่น้อยที่ตำหนักเป่าเหอ ตำหนักจิ่งเหริน ตำหนักเฉิงเฉียน และตำหนักอี้คุน และพบเตาหลอมในห้องที่ลับตาของขันทีด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าเบาๆ "มีทั้งหมดกี่คน?"
"ห้าร้อยแปดสิบสี่คนพ่ะย่ะค่ะ" ชายคนนั้นตอบอย่างรวดเร็ว
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าเบาๆ "บวกกับตำหนักจิ่งหยางแห่งนี้ จำนวนคนไม่ต่างกันมากนัก"
"มัดตัวทุกคน และส่งตัวไปที่คุก" ลั่วชิงเหยียนกล่าวเบาๆ
หยุนชางแอบหัวเราะในใจ เมื่อเทียบกับการแสดงสีหน้าที่เย็นชา เกรงว่าเสิ่นซู่เฟยนางจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลั่วชิงเหยียน
"ตอนที่ฝ่าบาทเสด็จออกจากเมืองจิ่น พระองค์ได้มอบวังหลังให้กับเสิ่นซู่เฟย เสิ่นซู่เฟยจัดการวังหลังอย่างมีระเบียบตามกฏเกณฑ์นัก มีผู้คนอีกหกเจ็ดร้อยคนที่ไม่ทราบที่มาอยู่ในวัง แต่เสิ่นซู่เฟยมิทรงทราบอะไรเลย"
"คนที่ไม่ทราบที่มา" เสิ่นซู่เฟยดูแปลกใจเล็กน้อย "คนที่ไม่ทราบที่มาอะไรกัน?"
ลั่วชิงเหยียนไม่ใช่คนที่มีความอดทน เขาเยาะเย้ย "เสิ่นซู่เฟยมิใช่ได้ยินว่าคืนนี้วังหลังมีวุ่นวายมากหรือ? หรือว่าคนของซู่เฟยเหนียงเหนียงมิได้รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นกับซู่เฟยเหนียงเหนียงเลยหรือ"
หลังจากที่ลั่วชิงเหยียนพูดจบ เขาก็โอบหยุนชางโดยตรงและเดินอ้อมเสิ่นซู่เฟย เดินมุ่งไปที่ตำหนักเซียงจู๋โดยไม่หันกลับมามอง
หยุนชางอดไม่ได้ที่จะเกี่ยวมุมปากของนาง หัวเราะจนร่างกายของนางสั่นเล็กน้อย ลั่วชิงเหยียนคนๆนี้ บางครั้งเวลาที่เขาพูดก็ทำให้คนน่ารำคาญนัก แต่หยุนชางกลับรู้สึกว่า นิสัยเยี่ยงนี้ของลั่วชิงเหยียน นางรู้สึกชอบมากยิ่งนัก
เขาส่งหยุนชางถึงประตูตำหนักเซียงจู๋แล้ว ก็จากไป ฉินยีช่วยพยุงหยุนชางกลับเข้าไปในห้องโถง ช่วยหยุนชางแก้เสื้อคลุม หยิบหวีขึ้นและกระซิบเบาๆ "เมื่อครู่นางกำนัลที่เราวางไว้ข้างเสิ่นซู่เฟย มอบสิ่งนี้ให้หม่อมฉันเพคะ"
ฉินยียื่นมือออก ถือกระดาษแผ่นหนึ่งแน่นอยู่ในมือ
"เขียนว่าอะไร" หยุนชางหยิบหวีในมือของฉินยี หวีผมของตัวเองและถามอย่างใจลอย
ฉินยีเปิดดู ขมวดคิ้วและพูดเบาๆว่า "บ่ายวันนี้หลังจากที่พระชายาและพระชายาอ๋องเจ็ดออกจากวังซู่หย่าด้วยกัน ไม่นานหลังจากนั้น พระชายาอ๋องเจ็ดก็ย้อนกลับไปที่วังซู่หย่าอีกครั้ง"
มือหยุนชางที่หวีผมอยู่หยุดชะงัก ยิ้มและพูดว่า "แล้วว่าอย่างไรบ้างล่ะ"
ฉินยีส่ายหัวและพูดว่า "มิได้แจ้งอะไรเพคะ นางกำนัลคนนั้นคอยรับใช้เฉพาะห้องโถงด้านนอกของวังซู่หย่าเท่านั้น เกรงว่าจะไม่มีทางรู้ว่าพวกนางคุยอะไรกัน แต่ทว่า พระชายาอ๋องเจ็ดผู้นี้มิใช่คนของจวนกั๋วกงหรือเพคะ ทำไม..."
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...