ฉินยีอึ้งค้างอยู่นานก่อนจะรีบพูดขึ้นว่า "เจ้าไปถามสายลับเสียว่าพระชายาออกจากตำหนักไปหรือไม่ ข้าจะไปรายงานท่านอ๋อง"
เฉี่ยนจั๋วมีสีหน้าซีดเผือดนานแล้ว เมื่อวานนางอยู่กับพระชายาตลอด หากเกิดอะไรขึ้นกับพระชายาแล้วล่ะก็ นางไม่กล้าคิดเลยจริงๆ เมื่อได้ยินคำพูดของฉินยี นางก็รีบพยักหน้า เมื่อฉินยีเดินออกไป เฉี่ยนจั๋วก็หยิบนกหวีดที่ใช้สื่อสารกับสายลับออกมาเป่า
ลั่วชิงเหยียนรออยู่ด้านนอกตำหนักเซียงจู๋ เมื่อเห็นฉินยีเดินเข้ามา ดวงตาของเขาก็อ่อนลงเล็กน้อย เขาเห็นว่าฉินยีก้าวพลาดยามลงบันไดจากระยะไกลจนเกือบจะล้มก็ขมวดคิ้วขึ้น ยามฉินยีเข้ามาใกล้อีกเล็กน้อย เมื่อเห็นใบหน้าของนาง ลั่วชิงเหยียนก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอยู่ในใจ
"ท่านอ๋อง..." ฉินยียังคงห่างออกไปเล็กน้อย เสียงของนางแฝงไปด้วยแววตื่นตระหนก "พระชายาหายตัวไปเพคะ"
ท่าทางของลั่วชิงเหยียนค่อยๆ เย็นชาขึ้น ดวงตาของเขาเยียบเย็นราวกับน้ำแข็ง เขาสาวเท้าก้าวเข้าไปในประตูของตำหนักเซียงจู๋ เสียงของเขาเย็นชาจนทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น "เกิดอะไรขึ้น?"
ฉินยีรีบตอบ "เมื่อวานพวกหม่อมฉันและพระชายากลับมาพร้อมกัน หลังจากที่กลับมาแล้ว พระชายาก็นั่งเล่นอยู่ชั่วครู่ หม่อมฉันก็ปรนนิบัติพระชายาเข้านอน จากนั้นหม่อมฉันก็นำคำพูดไปบอกตามคำสั่งพระชายา ส่วนเฉี่ยนจั๋วดูแลนางอยู่ในตำหนัก ผ้าม่านบนเตียงถูกปิดลง พวกหม่อมฉันไม่เห็นข้างในจึงคิดว่านางยังตื่น เมื่อครู่ท่านอ๋องมา หม่อมฉันจึงไปปลุกพระชายา แต่กลับพบว่าไม่มีคนอยู่บนเตียงเพคะ"
"ท่านอ๋อง ทางนี้เพคะ" ฉินยีนำลั่วชิงเหยียนไปที่ห้องนอน เฉี่ยนจั๋วยืนหน้าซีดเผือดอยู่ท่ามกลางเหล่าสายลับ เมื่อเห็นลั่วชิงเหยียนเดินเข้ามานางก็ตัวสั่นและรีบกล่าวว่า "ท่านอ๋อง"
ลั่วชิงเหยียนขมวดคิ้ว ใบหน้าของเขาเย็นชาจนไม่มีใครกล้ามอง
"ว่ามาเถอะ เกิดอะไรขึ้น? คนทั้งคนจะหายตัวไปต่อหน้าต่อตาพวกเจ้าได้อย่างไร?"
เฉี่ยนจั๋วรีบตอบว่า "หลังจากที่พระชายาเข้านอนเมื่อวานนี้ หม่อมฉันก็อยู่ในห้องตลอดและไม่พบความผิดปกติแม้แต่น้อย เมื่อตื่นมาตอนเช้า หม่อมฉันยังคิดว่าเมื่อตื่นแล้วพระชายาคงจะต้องหิวแน่ เมื่อตื่นขึ้นจึงไปที่ครัวเพื่อดูอาหารเช้า ระหว่างนี้สายลับก็เฝ้าอยู่ในบริเวณใกล้ๆ ตลอดก็ไม่เห็นว่ามีใครเข้าออก..."
ลั่วชิงเหยียนเดินไปยังเตียง ม่านถูกเปิดไว้แล้ว ผ้าห่มบนเตียงยังคงยุ่งเหยิงเล็กน้อย ลั่วชิงเหยียนเอื้อมมือไปสำรวจที่เตียง หลังจากเงียบไปนาน เขาก็กล่าวว่า "บนเตียงยังมีความอบอุ่นเหลืออยู่บ้าง คงเพิ่งเกิดเรื่องขึ้นได้ไม่นาน ดังนั้น พวกเจ้าหมายความว่าพระชายาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยภายใต้การคุ้มกันที่หนาแน่นเช่นนี้หรือ?"
เฉี่ยนจั๋วยังมีอะไรจะพูดแต่ลั่วชิงเหยียนกลับตวาดขึ้น "ทหาร"
ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนสายลับคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก ลั่วชิงเหยียนรีบพูดว่า "เรียกนกอินทรีมาที่นี่"
สายลับผู้นั้นรับคำอย่างรวดเร็วและเดินออกจากห้องไป ลั่วชิงเหยียนเดินตามออกไปด้วย สายลับวางมือลงบนริมฝีปากแล้วออกแรงเป่าเกิดเป็นเสียงผิวปากยาว
ไม่นานก็มีนกอินทรีสองตัวบินโฉบอยู่บนท้องฟ้า จากนั้นก็โผมาเกาะลงบนไหล่ของสายลับผู้นั้น เขายื่นมือป้อนยาเม็ดสีน้ำตาลสองเม็ดให้แก่นกอินทรีทั้งสอง พวกมันกลืนลงไปแล้วจึงกระพือปีกบินขึ้นไปอีกครั้ง
"ตามไป" ลั่วชิงเหยียนหันมามองฉินยี เฉี่ยนจั๋วและสายลับสองสามคนที่ยืนอยู่ที่ประตูสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
เมื่อลั่วชิงเหยียนพูดจบ เขาก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดหายไป ทุกคนต่างตกตะลึง ฉินยีคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า "อินทรีสองตัวนั้นได้รับการฝึกฝนมาให้สามารถตามหาพระชายาได้ เจ้าควรตามนกอินทรีทั้งสองไป"
เมื่อเฉี่ยนจั๋วได้ยินเช่นนั้นก็รับคำอย่างรวดเร็วและรีบตามไป
นกอินทรีนั้นบินเร็วมาก แม้ว่าทุกคนจะเป็นยอดฝีมือแต่ก็ไล่ตามอย่างยากลำบาก ยามนี้แม้ว่าจะมีใครลักพาตัวนางไปก็คงจะไปได้ไม่ไกลนัก เพียงผ่านไปราวสิบห้านาที ทุกคนเห็นนกอินทรีทั้งสองหยุดและบินโฉบอยู่บนท้องฟ้า
เฉี่ยนจั๋วหอบหายใจเล็กน้อย ใช้เวลาสักครู่จึงค่อยๆ สงบลง เมื่อนางเงยหน้าขึ้นก็เห็นลั่วชิงเหยียนขมวดคิ้ว เฉี่ยนจั๋วมองตามสายตาของเขาไปแววตาก็ฉายแววประหลาดใจ เหนือประตูนั้นมีอักษรคำว่าจวนรุ่ยอ๋องส่องแสงเจิดจ้าในยามรุ่งอรุณ...
เขารู้จักองค์หญิงไท่อันผู้นั้น ก่อนหน้านี้นางก็เคยเล่นงานหยุนชางและเขามาแล้ว อีกทั้งยังพยายามหลอกล่อเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
"องค์หญิงไท่อันอยู่ในจวนหรือไม่?" ลั่วชิงเหยียนถามพลางขมวดคิ้ว
ฉินยีส่ายหัวและกล่าวว่า "หม่อมฉันไม่พบองค์หญิงไท่อันเพคะ"
ลั่วชิงเหยียนใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า "เรื่องอุโมงค์นั้นค่อยว่ากันทีหลัง พระชายาอยู่ในจวนรุ่ยอ๋อง สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการตามหานางให้พบโดยเร็วที่สุด"
ฉินยีได้ยินเช่นนี้ก็เงยหน้าขึ้นมองและเขานกอินทรีสองตัวบินโฉบอยู่เหนือจวนรุ่ยอ๋อง ฉินยีขมวดคิ้วและเอ่ยเบาๆ "แปลกจริง แต่ก่อนนกอินทรีสองตัวนี้สามารถหาสถานที่ที่พระชายาอยู่ได้เลยเพื่อส่งจดหมาย เหตุใดวันนี้ถึงเพียงบินวนเวียนอยู่รอบจวนเท่า? จวนรุ่ยอ๋องใหญ่ถึงเพียงนี้..."
ลั่วชิงเหยียนอึ้งไปและพลันกำหมัดแน่น "ถุงหอมดอกบ๊วยที่พระชายาพกติดตัวในยามปกติจะปล่อยกลิ่นที่มีแต่นกอินทรีเท่านั้นที่สามารถดมกลิ่นได้ พวกมันอาศัยกลิ่นหอมนี้และเป็นเช่นนี้ก็มีความเป็นไปได้เพียงสองอย่างเท่านั้น ประการแรกคือกลิ่นนั้นหายไปเมื่อถึงจวนรุ่ยอ๋อง อีกประการคือนางถูกขังอยู่ในที่ปิดทึบที่กลิ่นหอมไม่สามารถกระจายออกมาได้"
สถานที่ปิดทึบ?
ฉินยีใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง จวนรุ่ยอ๋องนั้นมีขนาดไม่เล็กเลย หากพูดถึงสถานที่ปิดมิดชิดแล้วก็มีเพียงสามแห่งคือโกดัง ห้องเก็บธัญพืชและห้องเก็บน้ำแข็ง
ฉินยีบอกความคิดของตนเองกับลั่วชิงเหยียนแล้ว ดวงตาของลั่วชิงเหยียนก็เปล่งประกายอำมหิต เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย "เจ้าพาข้าไปที่ห้องเก็บน้ำแข็ง"
ฉินยีก็ตั้งใจที่จะไปที่ห้องเก็บน้ำแข็งเช่นกัน ห้องเก็บน้ำแข็งนั้นนางเคยเข้าไปเอาก้อนน้ำแข็งมาก่อน น้องเก็บน้ำแข็งนั้นใหญ่มาก มีก้อนน้ำแข็งก้อนใหญ่อยู่ทุกหนทุกแห่ง ทันทีที่นางเดินเข้าไปก็รู้สึกว่าเย็นเข้าไปถึงกระดูกจนเจ็บปวด ทั้งสามที่นั้นมีเพียงห้องเก็บน้ำแข็งที่ทำให้มีอันตรายถึงชีวิตได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...