หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 139

คำพูดของเขาทำให้ฉันมึนงงเล็กน้อย สายตาคู่นั้นมองจนทำให้ทรวงอกเจ็บปวด แต่ฉันยังก็เปิดปากพูดออกมาสองคำ “อดีตสามี”

“อดีตสามี?”

ลู่จือสิงปล่อยมือออก ถอยออกไปสองก้าว หลังจากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา “ฮ่าฮ่าฮ่า ดีจริงๆ อดีตสามี!”

ฉันเม้นริมฝีปาก เพียงแค่รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองคล้ายกับถูกคนหยิบอาวุธทุบเสียดสีเข้ามา เจ็บปวดมาก

เขาหัวเราะ สีหน้าก็มืดครึ้มขึ้นมา “คุณพูดถูกแล้ว ซูยุ่น ผมไม่ใช่เหรอที่เป็นอดีตสามีของคุณ?!”

พูดพลาง เขาหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา หันตัวกลับเข้าไปในห้องอาบน้ำ

“ปัง”เสียงดังขึ้น ประตูห้องอาบน้ำถูกเขาปิดจนสั่นสะเทือน

ฉันมองที่ประตูห้องอาบน้ำ ยืนอยู่ตรงนั้น ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ

เร็วมาก ลู่จือสิงก็ออกมา ไม่ได้มองมาที่ฉัน ก้าวเท้าเดินผ่านหน้าฉันไป

“ปัง”

เป็นเสียงปิดประตูอีกครั้ง ฉันรู้ว่าลู่จือสิงไปแล้ว

ข้างในห้องที่มีความกว้างยี่สิบสี่ตารางเมตรกว่าๆเหลือแค่ฉันเพียงคนเดียว ผ้าปูที่นอนบนเตียงถูกทำให้ยุ่งเหยิง ดูเหมือนว่ายังคงมองเห็นร่องรอยความบ้าคลั่งเมื่อคืนของฉันกับลู่จือสิง

ลู่จือสิงไปแล้ว ถูกฉันทำให้โมโหแล้วออกไป

ฉันควรจะดีใจถึงจะถูก แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ฉันกลับรู้สึกเหมือนมีอะไรหล่นหาย เดินไปนั่งลงบนเตียง คิดไม่ออกว่าตัวเองควรจะต้องทำอย่างไรถึงจะดี

ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ฉับพลันนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ฉันงงงวยไปเล็กน้อยมองดูเวลา แปดโมงแล้ว

“ซูยุ่น เธอตื่นหรือยัง?”

เสียงของหลี่เจียนีดังเข้ามาจากด้านนอก ฉันได้สติกลับมา รีบลุกขึ้นไปเปิดประตู “เจียนี”

“เธอ——”

เธอมองมาที่ฉัน ฉันขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม ฉับพลันนั้นก็รู้ว่าตัวเองยังไม่ได้แต่งหน้า

“เธอรอฉันสักครู่ ฉันเร็วมาก วันนี้ตื่นสายนิดหน่อย”

หลี่เจียนีพยักหน้า “ได้สิ ถ้าอย่างนั้นเธอก็รีบหน่อย”

ฉันไม่ได้พูดอะไรอีก หยิบเครื่องสำอางเดินเข้าไปแต่งหน้าในห้องอาบน้ำ

มีเวลาไม่เพียงพอ ฉันเพียงแค่แต่งหน้าเรียบง่ายใช้เวลาแค่สิบนาที

ในเวลาที่ลงไปชั้นล่างกับหลี่เจียนีก็แปดโมงยี่สิบ กินอาหารเช้าเสร็จก็แปดโมงสี่สิบนาทีพอดี

เพราะว่าฝ่ายที่ร่วมงานด้วยจองโรงแรมให้กับพวกเราและก็อยู่ใกล้บริษัทของพวกเขา พวกเราเดินเท้าเข้าไปก็ใช้เวลาประมาณสิบนาที

“คุณซู ปวดหัวไหม?”

พวกเราเพิ่งจะเข้าไปในลิฟท์ ก็พบกับหลินเจี้ยนเฟิงโดยบังเอิญ

เป็นคนที่รับผิดชอบกิจกรรมครั้งนี้ ฉันพยักหน้า “ไม่มีอะไรมาก ขอบคุณผู้จัดการหลินมากที่เป็นห่วง”

เขายิ้มเล็กน้อย หันหน้ากลับไปถามหลี่เจียนีเมื่อคืนนอนหลับสบายไหม

ฉันยืนอยู่ในลิฟท์ ในหัวสมองเต็มไปด้วยแววตาสุดท้ายนั้นของลู่จือสิง

ฉับพลันนั้นฉันรู้สึกว่าตัวเองเลวทรามมาก

“ซูยุ่น?”

หลี่เจียนีดึงฉันเล็กน้อย ฉันเพิ่งจะตอบสนองกลับมา เดิมทีลิฟท์ถึงชั้นบนแล้ว

ฉันยิ้มออกมา “ขอโทษค่ะ พอดีคิดเรื่องบางอย่างเพลินไปหน่อย”

“คิดเรื่องโครงการกิจกรรมครั้งนี้เหรอ?”

ในช่วงเวลาฉับพลันนั้นหลินเจี้ยนเฟิงก็พูดแทรกขึ้นมา ฉันมองไปที่เขา ไม่ได้ปฏิเสธ “ใช่ค่ะ”

“คุณซูตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่จริงๆ”

ฉันยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้ตอบกลับ

เขาเข้าใจผิดแล้ว แต่ว่าฉันก็ทำได้เพียงให้เขาเข้าใจผิด

เขาเห็นว่าฉันไม่อยากจะพูดเยอะ ก็ไม่ได้ถาม

เวลาช่วงกลางวันพวกเราก็โต้เถียงจนดุเดือดขึ้น คืนนี้หลินเจี้ยนเฟิงเสนอให้พวกเราไปรับประทานอาหารและร้องเพลงให้ผ่อนคลายจิตใจ

ฉันก็รู้สึกว่าบรรยากาศเมื่อตอนกลางวันขึงตึงเล็กน้อย คิดไปคิดมา ก็ไม่ได้พูดอะไร

เวลาสามทุ่มฉีซิ่วหรานโทรศัพท์เข้ามา ฉันมองไปที่หลี่เจียนี บอกกับเธอว่าฉันจะไปรับสายโทรศัพท์

ฉีซิ่วหรานจะโทรศัพท์เข้ามาเวลานี้ ครึ่งหนึ่งจะให้เวลาฉันพูดคุยกับเป้ยเปย. บางครั้งให้เป้ยเปยเรียกชื่อฉัน

ได้ยินเสียงของเป้ยเปย ทั้งวันที่เหนื่อยล้า ฉับพลันนั้นฉันก็รู้สึกว่าไม่เป็นไร

พูดคุยกันครึ่งชั่วโมง เวลาก็สี่ทุ่มแล้ว ฉันไม่อยากเข้าไปอีก

“แฟน?”

ไม่รู้ว่าหลินเจี้ยนเฟิงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันชะงักไปเล็กน้อย ยิ้มและส่ายหน้า “เพื่อนค่ะ”

เขาพยักหน้า มองดูนาฬิกาข้อมือ “เวลาพอประมาณแล้ว คุณกับคุณหลี่อยากกลับไปก่อนไหม?”

คำพูดของเขาพอดีกับที่ฉันคิด “ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวกลับก่อนนะคะ”

“ให้ผมไปส่งพวกคุณสิ ที่นี้กลับไปต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมง”

ถ้าหากว่าฉันคนเดียว ฉันก็ปฏิเสธอย่างแน่นอน แต่ว่ายังมีเจียนี

ไม่ได้ลังเล ฉันก็พยักหน้า

หลังจากที่พูดคุยกับคนอื่นๆ พวกเราก็กลับ

“พรุ่งนี้พวกคุณไม่ต้องมาตอนเช้าก็ได้ พวกเรามีประชุม

เพิ่งจะลงรถ ก็ได้ยินเสียงของหลินเจี้ยนเฟิง

ฉันกับหลี่เจียนีมองหน้ากัน “ขอบคุณมากค่ะ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้พวกเราไปช้าหนึ่งชั่วโมง”

หลังจากแยกจากหลินเจี้ยนเฟิง ฉับพลันนั้นหลี่เจียนีจ้องมองฉันเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ชั่วครู่หนึ่ง “ซูยุ่น ไม่ใช่ผู้จัดการหลินชอบเธอแล้วนะ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้