"คุณกำลังทำอะไร? ตัวเองพูดออกมาแบบนั้นกลัวคนอื่นได้ยินหรือไง?"
หลี่ลี่ชิงต้องการเข้ามาเพื่อคว้าโทรศัพท์ของฉัน แต่หลี่เจียนีได้เข้ามาขวางไว้
ฉันเงยหน้ามองหลินเจี้ยนเฟิง เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้นและทำเหมือนไม่มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น เขาเอื้อมมือมาคว้ามือหลี่ลี่ชิงและเดินจากไปอย่างเงียบๆ
เมื่อทั้งสองจากไป ก็เหลือพวกเราเพียงไม่กี่คน
พูดตามความจริง ฉันไม่ได้คาดคิดว่าการมาทำงานนอกสถานที่นั้นจะเกิดเรื่องราวที่น่าอึดอัดเช่นนี้
"บนร่างกายของซูยุ่นไม่มีอะไรที่ปลอม โง่เง่า!"
ทันใดนั้นเสียงของลู่จือสิงก็ดังขึ้น ในช่วงเวลานั้นฉันจึงได้สติในทันทีและปิดการบันทึกเสียงอย่างรวดเร็ว
"ขอโทษด้วยทำให้พวกคุณเห็นเรื่องน่าอายจนได้"
หลังจากพูดจบ ฉันก็เงยหน้าขึ้นและเหลือบมองอู๋เหม่ย "คุณอู๋ ใช้คำพูดของคุณ คืนให้คุณก็แล้วกัน : คนอะไร!"
เมื่อสิ้นเสียงฉัน สีหน้าของอู๋เหม่ยก็ซีดแข็ง
เธอไม่พูดอะไร เธอเพียงแต่หยิบกระเป๋าของตัวเองแล้วเดินออกไป
ภายในห้องวีไอพีจึงเหลือเพียงแค่3คน
ฉันเหลือบมองไปยังจ้าวอี้และผู้ชายอีกสองคน "ในระยะนี้ลำบากพวกคุณแล้วและรบกวนพวกคุณดูแลฉันกับเจียนีด้วย พรุ่งนี้พวกเราก็ไปแล้ว หลังจากนี้อาจไม่มีโอกาสเจอกันอีก ขอให้ในอนาคตพวกคุณคิดสิ่งใดก็สมความปรารถนา"
หลังจากกล่าวจบ ฉันก็มองเจียนีและกล่าวว่า "เจียนี พวกเราไปกันเถอะ"
การบันทึกเสียงที่ฉันปล่อยออกมาทำให้หลายคนนั้นคาดไม่ถึง เมื่อฉันและหลี่เจียนีออกมานั้นก็ไม่มีใครกล่าวอะไรเลย
ในช่วงสองสามวันนี้มีคนได้ติดต่อมาและฉันก็พบว่าในบรรดาห้าคนที่ทำงานกับเรา ไม่รู้ว่าอู๋เหม่ยและหลี่ลี่ชิงนั้นได้รับเลือกให้เข้าร่วมโครงการนี้ได้อย่างไร ความเป็นจริงพวกเธอนั้นไม่มีความสามารถมากพอในการทำงาน พวกเธอคอยเอาแต่เล่นงานฉัน
หลินเจี้ยนเฟิงนั้นมีความสามารถบางอย่าง ไม่งั้นเขาคงเป็นผู้จัดการไม่ได้ แต่นิสัยของเขานั้นแย่เกินเยียวยาจริงๆ
"ซูยุ่น ผลงานของคุณนั้นช่างบันเทิงจริงๆ!"
ฉันก้มมองไปยังโทรศัพท์และไม่ต้องการที่จะพูดคุยคำถามนี้ เพราะประโยคสุดท้ายเป็นเสียงของลู่จือสิงและไม่รู้ว่าต้องจัดการอย่างไรดี แต่ก็ช่างมันเพราะว่าฉันได้ปล่อยเสียงบันทึกออกไปแล้ว
ถ้าหากว่าหลี่เจียนีนั้นได้จับสังเกตุแล้วเธอมาถามฉัน ฉันก็คงไม่รู้จะตอบเธออย่างไร
เพียงบางครั้ง หากว่ากังวลกับเรื่องใด เรื่องนั้นอาจจะเกิดขึ้นจริง
เมื่อเห็นฉันไม่พูดอะไร หลี่เจียนีก็ไม่ได้ใส่ใจ เธอพูดต่อด้วยความกระตือรือร้น "ใช่แล้วซูยุ่น หากว่าฉันฟังไม่ผิด ประโยคสุดท้าย นั่นคือเสียงของประธานลู่จือสิงใช่หรือเปล่า?"
คุณดูสิ กลัวอะไรมักได้เจอเรื่องแบบนั้นจริงๆ
ฉันหันหน้าไปมองเธอ "คุณฟังผิดแล้ว ไม่ใช่"
"งั้นเสียงใครล่ะ? เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าบนร่างกายคุณไม่มีอะไรที่ปลอม? ซูยุ่น ทำไมฉันถึงคิดว่าคุณกำลังปกปิดอะไรกับฉันอยู่?"
ลมหายใจเพียงครั้งเดียวของเธอกลับถามคำถามได้มากมาย ฉันไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนั้นอย่างไรดี จึงตอบเธออย่างส่งๆไป "คุณคิดมากไปแล้ว โอ้ ฉันเริ่มง่วงแล้วล่ะ งีบสักหน่อยดีกว่า"
"แต่อีกเดี๋ยวก็ถึงโรงแรมแล้วนะ คุณ----"
ฉันไม่สนใจเธอ ฉันหลับตาลงและพิงกระจก แสร้งทำเป็นว่าฉันนั้นกำลังหลับ
เมื่อวานเกิดเรื่องราววุ่นวาย วันถัดมาเมื่อฉันและหลี่เจียนีจะเดินทางกลับก็ไม่มีรถขับไปส่ง
แต่เราสองคนก็ไม่ได้ใส่ใจ อย่างไรก็ตามเราก็ไม่ได้จะติดต่อกันอยู่แล้ว มากที่สุดก็คงจะเป็นแค่ช่องทางออนไลน์
เมื่อถึงเมืองDก็เป็นเวลาบ่ายโมงแล้ว เราทั้งสองนั้นไม่ได้ทานอาหารบนเครื่องบิน เมื่อออกมาจากสนามบิน หลี่เจียนีก็ลากฉันออกไปทานอาหาร หนึ่งอาทิตย์เต็มที่ฉันไม่ได้เจอเป้ยเปย จะมีจิตใจที่ไหนไปทานข้าวกับเธอกันล่ะ
"ไม่แล้วล่ะ ที่บ้านฉันเกิดเรื่องนิดหน่อย ฉันต้องกลับบ้านก่อน"
ก่อนการเดินทางไปทำงานครั้งนี้ ฉันและหลี่เจียนีนั้นก็ไม่ได้สนิทสนมกันอยู่แล้ว เธอเองก็ไม่ได้รู้จักฉันมากนัก
เมื่อฉันพูดแบบนั้นออกไป เธอก็ไม่ได้ตื้อฉัน "ก็ได้ งั้นกลับบ้านดีๆนะ อย่าลืมไปโรงพยาบาลดูอาการที่มือคุณด้วย"
เขาส่ายหน้าเบาๆไม่ตอบรับคำพูดของฉัน "ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีไหม?"
ฉันนิ่งไปชั่วครู่และหลังจากนั้นไม่นานก็พยักหน้า "ผ่านไปด้วยดี แผนการได้กำหนดแล้วเรียบร้อย อาทิตย์หน้าต้องกลับไปเตรียมเริ่มดำเนินงาน อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าน่าจะยุ่งมาก"
เขาพยักหน้า มองมาที่ฉันราวกับว่าเขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้พูด
ในขณะนั้นฉันเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย ฉันมองเขาและขมวดคิ้ว "เป็นอะไรไป?"
"ลู่จือสิงยังมาหาเรื่องคุณหรือเปล่า?"
ฉันผงะไปชั่วขณะ หลายวันนี้ฉันบังคับตัวเองให้หมกมุ่นอยู่กับงาน ตามจริงแล้ว ปัญหาต่างๆนั้นทำให้ฉันลืมผู้ชายที่ชื่อลู่จือสิงไปแล้ว
แต่ความจำของฉันนั้นดีมาก เมื่อฉีซิ่วหรานพูดถึงเรื่องนี้ ฉันก็จำเรื่องในคืนนั้นได้ในทันที ฉันก้มหน้ามองชามข้าวที่ว่างเปล่าและส่ายหน้า "เปล่า ฉันไม่ได้เจอเขาเลย"
ความจริงแล้ว นอกจากคืนนั้นแล้วยังมีคืนอาหารค่ำเมื่อวานอีกด้วย และฉันก็ไม่เคยเห็นเขาอีกเลย
เขาพยักหน้า "คุณนั่งเครื่องบินกลับมาคงจะเหนื่อยมาก ไปอาบน้ำผ่อนคลายหน่อยไหม"
เขาพูดมีเหตุผล ฉันตอบรับจากนั้นฉันก็ลุกขึ้นและเดินไปหยิบเสื้อผ้า
"โอย---"
เมื่อฉันออกมานั้นไม่ได้ระวังจึงชนเข้ากับประตู เจ็บแทบแย่ และฉันเดินชนเข้ากับแผลพอดี เจ็บมากจนน้ำตาแทบร่วง
"เป็นอะไรหรือเปล่า?"
จู่ๆฉีซิ่วหรานที่นั่งอยู่บนโซฟาก็เดินเข้ามา เขายื่นมือออกมาเพื่อดึงฉัน ฉันไม่ทันระวังตัว มือของเขานั้นก็ได้สัมผัสมือฉัน
และมือเขานั้นสัมผัสโดนแผลของฉัน ฉันจึงรีบปัดมือเขาออกในทันที "เจ็บ"
สีหน้าของฉีซิ่วหรานเปลี่ยนไปและเขามองฉันด้วยใบหน้าที่แสดงถึงการขอโทษ "ขอโทษ มือของคุณเป็นอะไร?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้