ครั้งที่แล้วที่มีอะไรกับลู่จือสิงฉันมีอาการเมาเล็กน้อย ตอนนั้นจึงทำอย่างมีสติกึ่งหนึ่ง คลุมเครือกึ่งหนึ่ง จดจำรายละเอียดไม่ได้แน่ชัด
แต่ในครั้งนี้ฉันมีสติเต็มๆ ว่าแล้วเขาก็พลิกตัวฉันซ้ำไปซ้ำมา ขึ้นๆ ลงๆ ซ้ายๆ ขวาๆ ทำให้ฉันแทบจะเสียสติอยู่แล้ว
จนถึงช่วงสุดท้าย ฉันได้แต่ขอร้องเขาไม่หยุด แต่ทุกครั้งเขาจะกอดฉันเอาแต่พูดว่าใกล้จะเสร็จแล้ว ไอ้คำว่าใกล้จะเสร็จแล้วของเขาจริงๆ ก็คือ!
ลู่จือสิงสงสัยจะอดกลั้นจนบ้าไปแล้ว เมื่อคืนถึงจับฉันทำไปตั้งห้าครั้ง
สุดท้ายหลังจากที่เขาอุ้มฉันไปอาบน้ำล้างตัวเสร็จแล้ว ฉันก็หลับไป รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีในวันต่อมาฉันก็เหม่อมองเพดานอยู่ชั่วเวลาหนึ่งถึงจะนึกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนขึ้นมาได้
ฉันดูเวลาในโทรศัพท์แล้วสติก็แทบกระเจิง!
ลู่จือสิงถึงกับปิดนาฬิกาปลุกฉัน และตอนนี้ก็เป็นเวลาแปดโมงกว่าแล้ว ฉันกำลังจะไปทำงานสายแล้ว!
ฉันรีบลุกขึ้นจากเตียง ผลคือพอจะลุกขึ้น ขาทั้งสองข้างของฉันก็อ่อนยวบจนเกือบจะตกลงไปที่พื้นอยู่แล้ว
“คุณตื่นแล้วหรือครับ?”
ฉันออกมาจากห้องก็เห็นลู่จือสิงเดินถืออาหารเช้าเข้ามา
เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่ฉันขอร้องเขาอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยตัวฉัน ฉันก็อดไม่ได้ที่จะจ้องตาเขา: “ถ้ายังไม่ลุกขึ้นมาอีก ฉันจะต้องไปทำงานสายแล้วค่ะ!”
เขามองฉันจู่ๆ ก็ยิ้มออกมา: “ผมช่วยลางานให้คุณแล้วครับ”
“ลางาน?” ฉันขมวดคิ้วรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง: “คุณลางานให้ฉันอย่างไรคะ?”
“ก็โทรไปซิครับ ไม่งั้นจะลางานอย่างไร? ในเมื่อคุณตื่นแล้ว ก็ไปล้างหน้า แปรงฟัน ทานอาหารเช้า เสร็จแล้วค่อยไปนอนต่ออีกสักรอบนะครับ”
เขาพูดจบก็ดันตัวฉันเข้าไปในห้องน้ำ ในที่สุดฉันก็นึกออกว่าตรงไหนที่มันไม่ถูกต้อง: “คุณโทรไปที่บริษัทเพื่อขอลางานด้วยตัวเองหรือคะ?”
“ใช่ครับ”
ฉันกัดฟันกรอดๆ จากนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยความหวังสุดท้ายที่แสนบางเบาว่า: “คุณพูดไปว่าอย่างไรคะ?”
“ผมบอกไปว่าเมื่อคืนคุณเหนื่อยมากครับ”
เขากำลังยิ้มอยู่ ฉันเห็นรอยยิ้มของเขาแล้วก็เดินไปข้างหน้าแทบอยากจะฉีกร่างเขาเสียให้ได้: “ลู่จือสิง คุณทำแบบนี้ได้อย่างไรคะ!”
จนปัญญาด้วยความสูงฉันไม่ถึง เรี่ยวแรงก็ไม่มี เขาใช้มือข้างเดียวก็ขวางตัวฉันไว้ได้แล้ว แถมยังก้มศีรษะลงมาจูบฉันอีก: “หลอกคุณนะ ผมบอกไปว่าคุณไม่สบายครับ”
ได้ยินเขาพูดดังนั้นฉันก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
เมื่อคืนหักโหมไปมาก แล้วตอนนี้ฉันก็ไม่สบายตัวเหลือเกิน ทั้งเนื้อทั้งตัวอ่อนปวกเปียกไปหมด ไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย
จึงมาคิดๆ ดูช่วงนี้ฉันอยู่ในช่วงถ่ายโอนงาน งานก็ไม่ได้มีอะไรมากแล้ว จึงหยุดความคิดที่จะไปทำงาน
ด้วยความที่เมื่อคืนออกแรงมากเกินไป พอทานอาหารเสร็จฉันก็ยังง่วงอยู่ จึงเข้าห้องไปนอนต่ออีกรอบ
ตื่นมาอีกทีก็เป็นเวลาเที่ยง ลู่จือสิงกำลังเล่นกับเป้ยเปยอยู่ ฉันนวดขมับแล้วก็ถามเขาไปว่า: “แล้วป้าฝานล่ะคะ?”
เขาเงยหน้าขึ้นมามองฉัน “ผมให้ป้าฝานหยุดงานหนึ่งวันครับ”
ฉันอ้าปากค้างคิดจะพูดอะไรออกมา แต่สุดท้ายก็ปล่อยไปดีกว่า
“คุณหิวหรือเปล่าครับ?”
ฉันกำลังจะถาม เขาก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
“หิวค่ะ ฉันจะไปทำอาหารนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมสั่งให้คนเอามาส่งแล้วครับ”
พอพูดจบ ออดประตูก็ดังขึ้นมาทันที
ฉันมองเขาจากนั้นก็หมุนตัวไปเปิดประตู เป็นคนมาส่งอาหารจริงๆ ด้วย
ยากนักที่จะได้ทานอาหารอยู่ในบ้าน ฉันและลู่จือสิงใช้เวลาทั้งวันอยู่ด้วยกันกับเป้ยเปยที่บ้าน
เนื่องจากกลางวันนอนเยอะไปสักหน่อย ตกดึกถึงเวลานอนแล้วฉันก็ยังไม่รู้สึกง่วง
ตรงกันข้ามกับลู่จือสิง “คุณยังไม่นอนอีกหรือครับ?”
พอนึกถึงพฤติกรรมเลวร้ายของเขาเมื่อคืน ฉันก็หวาดระแวงขึ้นมา: “ฉันยังไม่ง่วงค่ะ ถ้าง่วงคุณก็นอนก่อนเลยค่ะ”
เขามองฉันอย่างจนใจ: “ซูยุ่น คุณเห็นผมเป็นสัตว์ร้ายจริงๆ หรือครับเนี่ย?”
ฉันเบะปาก ไม่ต่อบทสนทนา แต่ในใจคิดแบบที่เขาพูดจริงๆ
เหมือนเขามองเห็นความคิดของฉัน จึงเข้ามาโอบฉันให้ลุกขึ้นมา
เวลานี้ยังเช้าอยู่ มีแสงแดดส่องลอดเข้ามาเพียงครึ่งส่วนเนื่องจากปิดผ้าม่านเอาไว้ แต่ฉันก็พอมองเห็นใบหน้าเขาได้อย่างชัดเจน
ลู่จือสิงในยามนอนหลับดูราวกับเด็กตัวโตคนหนึ่ง เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของฉันกับเขา ก็รู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่นัก
ฉันมองดูเขาอีกครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นไปทำอาหารเช้า และเตรียมตัวไปทำงาน
ฉันกำลังทำอาหารเช้าอยู่ จู่ๆ เขาก็มาโอบฉันจากทางด้านหลัง ปลายคางพาดอยู่บนไหล่ฉัน จากนั้นก็เทน้ำหนักเกือบจะทั้งหมดมาที่ตัวฉัน
เขากอดจนฉันใจอ่อนยวบ แต่กำลังทำอาหารอยู่จึงได้แต่ผลักเขาออก: “คุณอย่ากวนฉันซิคะ”
“ผมไม่ได้ขยับตัวเลยนะครับ”
ฉันรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกขึ้นมา: “คนตัวโตอย่างคุณมากอดฉันไว้แบบนี้ ถึงจะไม่ขยับตัว แต่ฉันจะขยับมือขยับเท้าได้หรือคะ?”
เขาไม่พูดเอาเสียดื้อๆ และก็ไม่ยอมปล่อยมือ
ฉันรู้ว่าเถียงเขาไม่ขึ้นจึงเลือกที่จะไม่พูดดีกว่า
การทำอาหารเช้าในครั้งนี้เป็นไปอย่างยากลำบากซักหน่อย คนที่ปากบอกว่าจะไม่ขยับกลับจูบฉันไปตั้งหลายครั้ง ทำเอาฉันมือสั่นจนเกือบจะทอดไข่จนไหม้เกรียมอยู่แล้ว
ฉันออกจากบ้านตอนแปดโมงครึ่ง เขาบอกจะส่งฉันไปทำงาน ฉันขี้เกียจต้องไปเบียดๆ บนรถเมล์ จึงไม่ปฏิเสธ
เมื่อรถจอดสนิทดีแล้ว ฉันก็หันข้างแล้วมองไปทางลู่จือสิง: “ฉันไปทำงานก่อนนะคะ”
ฉันพูดเสร็จเตรียมจะเปิดประตูรถ ผลคือเขาดึงฉันกลับเข้ามาไปใหม่: “รอเดี๋ยวครับ”
ฉันอึ้งไปซักพัก “ยังมีอะไรอีกหรือคะ?”
เขามองฉันแล้วเลิกคิ้ว: “คุณจะลงจากรถไปแบบนี้หรือครับ?”
“ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะคะ?”
ฉันชักไม่แน่ใจ หรือฉันต้องจ่ายเงินด้วย?
เขาชี้มาที่ใบหน้าของตัวเอง: “ซูยุ่น อย่าบอกนะว่าคุณเอาใจผมไม่เป็น ผมส่งคุณมาทำงานก็ควรจะมีจูบลาบ้างซิครับ ไม่ขาดทุนหรอก”
ฉันเหลือบมองเขาแล้วเอามือดันประตูให้เปิดออก: “ฝันไปเถอะคุณ”
ผลคือประตูรถยังปิดสนิท ฉันหันกลับไปมองเขา: “คุณรีบเปิดประตูเลยนะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้