"คุณหลี่"
ฉันยังไม่ทันได้พูด เสียงของลู่จือสิงก็ทอดออกมาทางด้านหลัง
ลู่จือสิงพยุงฉันให้ฉันยืนอย่างมั่นคง เดินขึ้นมา เคียงข้างกับฉัน มองตรงไปที่หลี่ลี่ชิง
ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย เงยหน้ามองไปทางหลี่ลี่ชิง : "คุณหลี่ ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหมายความว่าอย่างไร เห็นได้ชัดว่าเรื่องความร่วมมือนั้นได้รับการตัดสินใจโดยผู้นำของบริษัท ฉันเป็นแค่คนวางแผนงานเท่านั้น ฉันรับผิดชอบแค่เนื้อหาการวางแผน ส่วนอื่นๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับฉัน"
เป็นธรรมดาที่ฉันจะเข้าใจความหมายของหลี่ลี่ชิง ฉันคาดไม่ถึงว่าทางด้านบริษัทนั้นจะปฏิเสธความร่วมมือกับทางบริษัทพวกเขาโดยตรง ยี่ทำให้ฉันคาดไม่ถึงจริงๆ
แต่ถึงอย่างนี้ เรื่องนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันเล็กน้อย
แม้ว่าบริษัทของเราจะไม่ได้ร่วมมือกับพวกเขาจริงๆเพราะสิ่งที่ฉันพูดกับติงหยวนเมื่อเช้านี้ นั่นเป็นชนวนที่จะฆ่าฉันให้ถึงแก่ความตาย
ไม่มีบริษัทใดที่จะล้มเลิกความร่วมมือเพราะว่าพนักงานคนหนึ่ง นี่ชัดเจนว่าหลี่ลี่ชิงไม่ได้มองให้แจ่มชัด
หรือว่าเธอมองอย่างชัดเจนแล้ว ที่มาวันนี้ ก็เพียงแค่มาหาเรื่องทะเลาะเท่านั้น
ฉันก็ไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะถูกรังแกได้ง่ายๆ ที่เธออยากจะทำยังไงก็ทำได้
เห็นได้ชัดว่าหลี่ลี่ชิงไม่คิดว่าฉันจะพูดแบบนี้ เธอตกตะลึงไป ดูเหมือนว่าต้องการจะพูดอะไร ทว่าลู่จือสิงที่อยู่ข้างๆฉันพูดออกไปแล้ว : "คุณหลี่ คุณสมบัติของพนักงานบริษัทของคุณทำให้ฉันตาสว่างจริงๆ ในปีนี้ไม่จำเป็นต้องสานต่อความร่วมมือระหว่างบริษัทเฟิงเหิงและบริษัทของคุณต่อไป"
หลี่ลี่ชิงไม่คาดคิดว่าที่ตนมาที่นี่รอบนี้ ทว่าจะทำให้สูญเสียความร่วมมือกับบริษัทเฟิงเหิงในปีนี้ไป
ยังไม่ถึงครึ่งเดือน ความร่วมมือของบริษัทหลี่ลี่ชิงกับเฟิงเหิงก็ถูกเธอทำลายย่อยยับไปอย่างนี้
ลู่จือสิงพูดประโยคนี้จบ ก็จูงฉันเดินไปเลย
เวลานี้เป็นเวลาเลิกงาน มีคนเข้าออกอาคารไม่น้อย
ฉันอยากจะปล่อยมือลู่จือสิง แต่ปรากฏว่าเขาจับไว้แน่น ท้ายที่สุดได้แค่ปล่อยไป เพื่อที่จะได้ไม่ยิ่งดิ้น คนก็ยิ่งมองมากขึ้น
ถูกเขาจูงมือตลอดจนถึงขึ้นรถ เขาจึงปล่อยมือ
ฉันก้มมองมือตนเอง พอดีว่าเวลานี้ลู่จือสิงก็ขึ้นรถแล้ว ฉันจึงรีบเอ่ยถามว่า : "คุณมาได้ยังไง?"
เขาถอยรถไปพลางพูดไปพลาง : "ฉันไม่มา คาดว่าคุณต้องกลิ้งตกลงมาจากบันไดใช่ไหมล่ะ?"
ฉันยิ้มเยาะเล็กน้อย ฉันพูดเกี่ยวกับเรื่องเมื่อเช้านี้ : "วันนี้ผู้จัดการติงหยวนของพวกเราบอกฉันว่าเขาต้องการให้ฉันรับผิดชอบโครงการนั่นที่บริษัทของพวกเขาร่วมมือด้วย แต่ที่ได้ร่วมงานกับพวกเขาในปีที่แล้วมันไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ ฉันลังเลเล็กน้อย ปฏิเสธไปน่าจะดีกว่า เพียงแต่ฉันไม่คาดคิดว่าหลาลี่ชิงจะมาตามหา"
"ไม่สบายใจ?"
เขาหันมามองฉัน เลือกจุดสำคัญมาถามฉัน
ฉันก็รู้ว่าเขาจับได้แน่นนอน คิดๆแล้ว ก็เล่าเรื่องของความร่วมมือเมื่อปีที่แล้วอย่างคร่าวๆว่า : "หลี่ลี่ชิงชอบหลินเจี้ยนเฟิง แต่หลินเจี้ยนเฟิงไม่ใช่คนดี เธอเลยหึง คิดว่าฉันกับหลินเจี้ยนเฟิงมีอะไรกันเลยมุ่งเป้าไปที่ฉันทุกๆที่ ต่อมาความร่วมมือสิ้นสุดลง เย็นวันนั้น——”
ผ่านไปครึ่งทาง ฉันอดไม่ได้ที่หันไปมองเขา : "คุณไม่ใช่รู้มาก่อนแล้วใช่ไหม?"
เห็นว่าเธอมอง ลู่จือสิงก็แสยะยิ้มขึ้นมาให้ฉัน : "ฉันไม่ได้บอกว่าฉันไม่รู้"
"ลู่จือสิง!"
คนคนนี้! ตนเองรู้เรื่องราวของฉันกับหลี่ลี่ชิงดี ยังจะถาม ไม่รู้จริงๆว่าใจของเขาคืออะไร มีความสุขที่เห็นฉันอึดอัดใจหรอ?
"ซูซูมีอะไรจะสั่งหรอ?"
ขณะนี้มีไฟแดงข้างหน้า ลู่จือสิงประพฤติตัวดีเอียงมองมาที่เธอ
ฉันเห็นว่าถามยังไงเขาก็ไม่ปริปาก ก็ไม่ถามแล้ว นั่งโมโหอยู่ข้างๆไม่อยากพูดจา
รถยนต์ที่ขับมาเกือบสิบนาทีก็จอดลง เวลานี้ในที่สุดเขาก็หันหน้ามายังฉัน: "ถึงแล้ว"
เวลานี้ฉันไม่อยากพูดคุยกับเขา แล้วก็ไม่อยากลงจากรถ นั่งอยู่บนรถไม่ขยับ
เขาถอนหายใจ: "ซูยุ่น ฉันอยากทานอาหารกับคุณเพียงลำพังสักมื้อนึง เป้ยเปยก็เป็นลูกชายของฉัน ทำไมฉันจะไม่หาคนมาดูแลเขา อย่าโกรธเลย ลงจากรถเร็วเข้า พวกเรารีบทานให้เสร็จ จะได้กลับไปเป็นเพื่อนเป้ยเปย"
คำพูดสุดท้ายของเขาในที่สุดก็ทำให้เปลี่ยนอารมณ์บนใบหน้าทั้งหมดของฉัน ในที่สุดฉันก็ตามเขาลงจากรถ
รถจอดด้านในที่จอดรถ ฉันไม่พบว่าลู่จือสิงจะพาฉันไปกินที่ไหน
จนกระทั่งอแกมาจากในลิฟต์ ฉันจึงอดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อย
นี่คือห้องอาหารกลางแจ้งของเมืองA ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของตึกสูงระฟ้าที่เมืองA ถึงแม้ว่าการทานอาหารมื้อนึงที่นี่จะสามารถเป็นอาหารให้กับคนธรรมดาทั่วไปได้หลายเดือน แต่คนทำงานจำนวนไม่น้อยล้วนก็อยากจะมาที่นี่
หลายปีก่อน ฉันก็หวังว่าจะได้มา เพียงแต่ช่วงสองสามปีมานี้ที่ให้กำเนิดเป้ยเปย ฉันกับความโรแมนติกเหล่านี้ ทำได้เพียงเก็บมันไว้เงียบๆในก้นบึ้งของหัวใจ
คาดไม่ถึงว่าลู่จือสิงจะพาฉันมาทานข้าวที่นี่ ฉันมองเขา อดไม่ได้ที่จะสงสัยถึงจุดประสงค์ที่เขาพาฉันมาในวันนี้
เขาบอกว่าแค่อยากให้เราสองคนได้ทานอาหารดีๆกันตามลำพัง แต่ทำไมฉันไม่คิดว่ามันจะง่ายเหมือนแค่การทานข้าวกันเพียงลำพัง
แต่ลู่จือสิงไม่แสดงออก นั่งลงแล้วเพียงถามว่าฉันต้องการทานอะไรจริงๆ
กระบวนการทั้งหมดกลมกลืนกัน ถึงแม้ว่าอาหารในร้านอาหารระดับไฮเอนด์จะมีราคาแพง แต่ก็คุ้มค่าคุ้มราคา ฉันค่อยๆติดใจอาหารรสเลิศ และก็ไม่ได้คิดถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของการที่ลู่จือสิงพาฉันมาที่นี่อีกต่อไป
ในช่วงที่ฉันจดจ่ออยู่กับการทาน จู่ๆลู่จือสิงก็เอ่ยปากเรียกฉันเล็กน้อย: "ซูยุ่น"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้