หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 197

เขาไม่เพียงแต่ไม่ยอมปล่อย แต่เขายังดึงฉันเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอีกด้วย

ถ้าหากว่าเป็นก่อนหน้านี้ ฉันก็คงจะเก็บอาการและเก็บความอึดอัดไว้เพียงคนเดียว แต่ครั้งนี้ฉันโกรธจริงๆ

เมื่อเขายกมือขึ้นและดึงฉันเข้าไปในอ้อมแขนของเขา ฉันจึงอ้าแขนขึ้นและตบหน้าเขา

"เพียะ"

ในการตบครั้งนี้ฉันใช้แรงในการตบด้วย ในไม่ช้าใบหน้าของลู่จือสิงก็ปรากฏรอยนิ้วมือทั้งห้าของฉัน

ผิวของเขาขาวกว่าผู้ชายทั่วไป รอยนิ้วมือทั้งห้าที่ฉันได้ตบลงบนใบหน้าเขาก็ปรากฎรอยอย่างชัดเจน

ถ้าหากเป็นปกติ เมื่อฉันเห็นรอยบนหน้าเขา ต่อให้ฉันกำลังโกรธอยู่ก็ตาม ภายในใจของฉันก็จะทนทุกข์อยู่ไม่น้อย

แต่ตอนนี้ความขุ่นเคืองในสมองของฉันนั้นไม่ได้เตือนสติฉันและนึกถึงเรื่องที่ทำเพิ่งทำไปเมื่อครู่

ฉันไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดไปกับเขา ตอนนี้ฉันรู้สึกเจ็บปวดในส่วนของฉันคนเดียว!

"ปล่อย!"

ฉันมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชา

เขาก้มหน้ามองฉันและโอบรัดฉันแน่นขึ้น ร่างกายของฉันถูกกอดรัดโดยแขนของเขาจนไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย

"หายโกรธหรือยัง? ถ้ายังไม่หายโกรธ อยากจะทุบตีด้านนี้อีกสักหน่อยไหม จะได้เท่าๆกัน?"

ท่าทีของเขานั้นดูจริงจังมาก แต่คำพูดที่กล่าวมานั้นกลับดูไร้สาระ

ฉันโกรธจนมือสั่น "ลู่จือสิง ฉันบอกว่าให้ปล่อยฉัน!"

"ไม่ปล่อย ซูยุ่น ผมผิดไปแล้ว คุณอย่าโกรธผมเลย"

เขาก้มศีรษะลง วางคางของเขาบนไหล่ของฉันและเขาก็โอบกอดฉันไว้

เมื่อฉันได้ยินสิ่งที่เขาพูด ฉันรู้สึกเพียงแค่ว่าช่างน่าขำ "คุณผิดเหรอ? ไม่เลย คุณผิดอะไร คนที่ผิดคือฉัน!"

ในตอนนั้นเขาสาบานด้วยน้ำใสใจจริงพูดว่าเชื่อใจฉัน แล้วในวันนี้ล่ะ?

ความเชื่อใจเป็นแบบนี้เหรอ?

ฉันทนความหึงของเขาได้เพราะนี่คือการแสดงออกถึงความรักที่เขามีให้กับฉัน

แต่ความรักที่เขามีต่อฉันนั้นเป็นแบบนี้งั้นเหรอ?

เรื่องของหลินเมิ่งเซียเขาก็ยังไม่พูดอะไรกับฉัน แต่ตัวเขาเองนั้นกลับมาสงสัยในเรื่องของฉันกับซวี่ชิงหนาน และไม่ได้ถามอะไรฉันเลยสักนิด เพราะอาหารเพียงมื้อเดียวก็สามารถยืนยันเรื่องของฉันและซวี่ชิงหนานได้อย่างนั้นเหรอ?

ฉันไม่รู้เลยจริงๆว่าฉันควรจะเชื่อเขาอีกดีหรือเปล่า เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาไม่เชื่อฉัน

เป็นมาแบบนี้มาตลอด เขาคิดว่าตัวเองถูกเสมอ ไม่เคยถามอะไรฉันและตัดสินฉันผิดๆไปก่อนเสมอ

ฉันไม่ใช่เด็กสาวอายุยี่สิบปีอีกแล้ว ตอนนี้ฉันอายุสามสิบปีแล้ว ลูกชายของฉันก็สามารถเรียกฉันว่าแม่ได้แล้ว

แม้ว่าฉันจะไม่อยากยอมรับ แต่ฉันก็ต้องยอมรับมัน ฉันนั้นไม่มีความไร้เดียงสาหลงเหลือแล้ว

และในความจริง ฉันเองก็ไม่ได้ไร้เดียงสา

อายุฉันเลยวัยที่จะให้อภัยคนคนหนึ่งโดยการชักจูงหรือหยอกเหย้าไปแล้ว เมื่อเปรียบกับคำพูดคำจาของเขาแล้ว ฉันยิ่งอยากเห็นว่าเขาคือการเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้องกับความเป็นจริงของเขาแล้ว แต่ที่ไหนได้มันเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเล็กๆเท่านั้น

"ผมรู้ว่าผมผิด ซูยุ่น ผมรู้แล้วจริงๆ"

คำพูดของเขาดังก้องอยู่ในหูของฉัน แต่ฉันกลับไม่เคยรู้สึกขยะแขยงเท่านี้มาก่อน

คำพูดเหล่านี้ ฉันไม่รู้ว่าฉันเคยได้ยินมาแล้วกี่ครั้งกี่หน เป็นอย่างไรก็ยังคงเป็นอย่างนั้น

ในตอนที่เขาอยู่ในเมืองDก็เป็นเช่นนี้ ในตอนนั้นพวกเรายังไม่ได้หย่ากัน เขาเองก็กล่าวแบบนี้

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาบอกว่าเขารู้ตัวว่าเขาผิด ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาสัญญาแต่สุดท้ายเขาก็ทำผิดอีกครั้ง

บางทีหากเป็นผู้หญิงคนอื่นอาจจะมีความสุข แต่ฉันไม่

เห็นและรู้กันอยู่ว่าสามีและภรรยาเป็นสองคนที่ใกล้ชิดกันและสนิทกันมากที่สุดในโลก เขาและฉันเป็นคนที่อยู่เคียงข้างกันไปตลอดชีวิต แต่ความเชื่อใจของเขานั้นยังไม่เพียงพอ

ยังมีเรื่องอะไรที่น่าขำกว่านี้อีกไหม?

คนสองคนมีความรัก โอ้ไม่ ไม่แน่ว่าอีกไม่นาน พวกเราอาจจะเป็นสามีภรรยากัน คู่รักที่มีความรัก แค่เพียงพื้นฐานของความไว้วางใจก็ยังไม่มีเลย

นี่มันไม่น่าตลกเหรอ?

นี่มันไม่เพียงแต่น่าขำเท่านั้น แต่ยังน่าเศร้าโศกอีกด้วย!

ฉันไม่อยากโต้เถียงกับเขาและไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว "คุณปล่อย ฉันปวดหัว อยากไปอาบน้ำแล้วก็นอนแล้ว"

จะบอกว่าฉันขี้ขลาดก็ได้ จะบอกว่าฉันเห็นแก่ตัวก็ได้ อย่างไรก็ตามฉันในตอนนี้นั้นหวาดกลัวและอยากจะเดินถอยกลับ

หลังจากที่ฉันออกมาจากห้องอาบน้ำ ฉันพบว่ามีรอยช้ำที่หน้าผาก เป็นเพราะมีเส้นผมบังอยู่จึงไม่สามารถสังเกตุได้อย่างชัดเจน แต่เมื่อเปิดผมขึ้นก็จะสามารถมองเห็นรอยนูนขนาดเท่าเหรียญบาท

ฉันรู้ว่าลู่จือสิงนั้นไม่ได้ตั้งใจ แต่สาเหตุของเรื่องนี้ไม่มีอะไรนอกจากเขาสงสัยในตัวฉัน

เมื่อนึกได้เช่นนี้ ฉันก็นึกย้อนกลับไปยังเหตุเริ่มต้นของเรื่องนี้

น่าหงุดหงิดแล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร และฉันในตอนนี้ก็ไม่ได้มีเพียงแค่ฉันตัวคนเดียวแล้ว

"ซูยุ่น"

ฉันกำลังจะเตรียมตัวนอน ไม่รู้ว่าลู่จือสิงเดินเข้ามาทำไม

เขายืนห่างจากฉันมากกว่าหนึ่งเมตร เขายืนนิ่งไม่ขยับ เขาก้มหน้าลงและจ้องมองฉัน "ขอโทษ"

เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ รอยฝ่ามือบนใบหน้าของเขาจางลงเล็กน้อย ผมที่สระแล้วของเขาก็ดูไม่เป็นทรง เมื่อมองแล้วดูใสซื่อไร้เดียงสา

ฉันเหลือบมองเขา "คุณออกไปเถอะ ฉันจะนอนแล้ว พรุ่งนี้ฉันต้องทำงาน"

"เรามาคุยกันก่อน"

เขาก้าวมาด้านหน้า ระยะห่างของฉันและเขาก็สั้นลงเล็กน้อย

ฉันอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ "คุณอย่าเข้ามา"

และเขาก็ไม่ขยับเข้ามาจริงๆ ฉันยกมือขึ้นและชี้ไปยังรอยตรงหน้าผาก "วันนี้ดึกมากแล้ว มีอะไรก็ค่อยคุยกันพรุ่งนี้"

อันที่จริงฉันไม่มีอะไรจะพูดกับเขา

เขาไม่พูดไม่จาและไปทำงานต่างจังหวัด ในอาทิตย์นั้นไม่มีข่าวคราวใดๆจากเขาแม้แต่น้อย พอกลับมาเขาก็เกือบจะชกต่อยซวี่ชิงหนาน

ฉันไม่รู้จริงๆว่าตัวฉันเองจะต้องพูดกับเขาว่าอย่างไร สิ่งเดียวที่ฉันอยากทำในตอนนี้คือการนอนหลับ

ในสองวันที่ผ่านมา ฉันเที่ยวเล่นไปมากพอสมควร ร่างกายเหนื่อยล้า วันนี้ยังต้องเจอกับเรื่องแบบนี้อีก เหนื่อยใจกว่าเก่า

แต่เขาเป็นแบบนี้เสมอ ในเวลาที่เขาอยากจะคุย ฉันต้องยอมเชื่อฟังเขา

ทันทีที่ฉันกล่าวออกไป เขาก็ก้าวมาด้านหน้าและคว้าฉันเอาไว้ "แค่สิบนาทีเท่านั้น"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้