หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 214

ฉันชะงักไปสักพัก ไม่คิดว่าเขาจะยอมให้ฉันนอน

"นอนไม่หลับ"

เขาอ้าปากถามฉัน ฉันรีบส่ายหัวให้เขา "ง่วง รีบนอนเหอะ"

"อืม"

ลู่จือสิงกระแอมเบาๆ ฉันปิดตาเพราะว่าเหนื่อยมากไม่นานก็นอนหลับทันที

เมื่อวานนอนเช้ามาก แต่ฉันชินกับตื่นแปดโมงไปแล้ว วันนี้ก็ไม่ต่างจากวันอื่นๆ

เดิมคิดว่าลืมตาขึ้นมาอาจไม่เจอลู่จือสิงแล้ว แต่เขายังอยู่

ฉันอึ่งไปสักพัก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา

เห็นว่าแปดโมงแล้ว ฉันรีบดึงเขาทันที "ลู่จือสิง แปดโมง ห้านาทีแล้วนะ ถ้ายังไม่ตื่นไปบริษัทก็เก้าโมงกว่าแล้วนะ"

ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเจ้านาย แต่สายทุกวันแบบนี้คงไม่ใช่เรื่อง

แต่เขากลับดึ่งเธอเข้าไปกอด "วันนี้ฉันไม่ไปบริษัท วันนี้ป้าจ้าวก็ไม่มา"

ฉันอึ่งเล็กน้อย "นายอู้งาน?"

"ไม่กี่วันพึ่งกลับจากสัมมนาข้างนอก"

เขาจูบฉันกะทันหัน

ฉันรีบยกมือดันเขาไว้ "ยังไม่ได้แปรงฟัน"

"ไม่เป็นไร ฉันไม่รังเกียจเธอ"

“ฉัน......”

ฉันรังเกียจ!

แต่ลู่จือสิงไม่ฟังฉันเลยสักนิด ก้มหน้าจูบฉันทันที

แต่ฉันกลัวเป้ยเปยตื่นมาแล้วไม่เจอใคร พอครั้งหนึ่งผ่านไป ฉันรีบยกมือดันเขาทันที

เขากระหึ่มเบาเบา “เธอจะฆ่าสามีแท้ๆตัวเองหรอซูยุ่น!”

ฉันไม่ได้ตั้งใจ ยกขาไปถีบ ก็ไม่รู้ว่าถีบโดนตรงไหน

ฉันมองไปที่เขา “นายเป็นไรไหม”

“เธอคิดละ?”

เขามองฉันด้วยสายตาเย็นชา ฉันตอบอย่างเจื่อนๆ“ฉัน ฉันลุกขึ้นไปทำอาหารเช้า”

"ไม่ถามฉันสักคำเลย"

ลู่จือสิงทำหน้าเศร้า ฉันเห็นสีหน้าเขายังโอเคก็โล่งอกไปที

"นายก็รีบลุกขึ้น เก้าโมงแล้ว!"

พอพูดจบฉันไม่ได้ยื่นอยู่ที่นั่น รีบไปล้างหน้าแปรงฟันทันที

เพราะตื่นสายฉันไม่ได้ทำข้าวเช้าอะไรมาก ต้มไข่ใส่ผักใส่บะหมี่ก็จบแล้ว

พอฉันทำเสร็จ เป้ยเปยก็เรียกฉันทันที

ลู่จือสิงออกมาจากห้องพอดี ฉันกำลังตักบะหมี่เลยเรียกเขาไปด้วยแล้วตักบะหมี่ไปด้วย"นายไปดูเป้ยเปย เป้ยเปยตื่นแล้ว กำลังเรียกฉันอยู่ !"

อาจเป็นเพราะเรียกแม่แต่ไม่มีใครตอบเขา เลยเปลี่ยนเป็นเรียกพ่อสะเลย

ครั้งนี้ฉันไม่ต้องพูด ลู่จือสิงรีบวิ่งเข้าไปทันที

เพราะเป็นฤดูหนาว ข้างนอกหนาวมาก แต่ตู้เย็นในบ้านไม่มีผักแล้ว ประมาณสิบโมง ฉันห่อเป้ยเปยเหมือนกับบ๊ะจ่าง ครอบครัวสามคนออกไปซื้อผัก

หน้าหนาวเมือง A ปีนี้หนาวมากๆ พอออกมาฉันอดไม่ได้ที่จะสั่นเล็กน้อย

หันไปมองเป้ยเปย เขาใส่เสื้อผ้าเยอะ ยังถูกลู่จือสิงอุ้มไว้ และบนหัวยังสวมหมวกไว้ ทั้งตัวเผยให้เห็นเเค่ตากลมๆ

ฉันเห็นเขาไม่หนาวก็โล่งอกไปที

วันเสาร์ชวี่ชิงหนานโทรมาถามว่าฉันอยู่บ้านไหม เขาเอาเชอร์รี่มากจากต่างประเทศ บอกว่าจะให้ฉันลังหนึ่ง

ชวี่ชิงหนานยิ้มแล้วพูดว่า “เธอก็คิดได้บ้างแล้วนิ”

ฉันตอบเขินๆ “ทำให้นายต้องตลกละสิ”

ทุกครั้งที่ฉันทะเลาะกับลู่จือสิง เขาก็รู้ อายชะมัด

ลู่จือสิงล้างจานเสร็จ ฉันไปปลอกผลไม้ ทั้งสองคนบอกว่าจะเข้าไปคุยกันที่ห้องทำงานสะหน่อย

ฉันไม่ได้รั้งพวกเขาไว้ คุยอะไรก็ได้ดีกว่าไม่คุยกันเลย

ก็ไม่นานมาก ประมาณ สิบห้านาทีก็ออกมาแล้ว

นี้ก็ค่ำแล้ว ชวี่ชิงหนานมองมาที่ฉัน"ซูยุ่น ฉันกลับก่อนนะ ค่อยมาใหม่"

ฉันพยักหน้า ไปส่งเขา

หันหลังกลับมาถามลู่จือสิง “พวกนายคุยอะไรกัน?”

เขากอดฉันไว้จากข้างหลัง แล้วเดินไปที่ห้องโถง

ฉันมองไปที่เป้ยเปย อดไม่ได้ที่จะดิ้นออก "ปล่อยฉัน เป้ยเปยดูอยู่!"

พูดอยู่ เป้ยเปยก็เงยหน้าขึ้นมามองฉันกับลู่จือสิง

กลับคิดไม่ถึงลู่จือสิงก้มลงจุ๊บฉันกะทันหัน“กลัวอะไร ให้เป้ยเปยรู้ว่าพ่อกับแม่รักกันแค่ไหน”

ฉันยิ้มแล้วเอามือดันเขา “พูดอะไรของนาย เป้ยเปยยังเด็ก นายนั้นแหละจะสอนเป้ยเปยไม่ดี?”

“เค้าเรียกว่า สอนด้วยรัก!”

"พูดไปเรื่อย"

ฉันไม่อยากยุงกะเขาลงไปอีก "ลู่จือสิง นายปล่อยฉัน !"

อย่างกับหนอนขี้เกียจบนต้นไม้ ไม่เป็นผู้เป็นคนเลยสักนิด นี้ยังเป็นประธานบริษัทอีกนะ

สุดท้ายแล้วเขาไม่ปล่อยฉัน กลับกอดฉันยิ่งแน่นขึ้น ริมฝีปากมาว่างข้างหูแล้วพูดว่า ซูยุ่น เราแต่งงานกันนะ"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้