ฉันไม่คิดว่าอยู่ๆ เป้ยเปยจะร้องไห้ออกมา และไม่คิดว่าเขาจะยิ่งร้องไห้หนักขึ้นไปอีกทันทีที่ฉีซิ่วหรานอุ้มเขาไว้
ฉีซิ่วหรานส่งเป้ยเปยคืนให้ฉันอย่างใจเย็น “ไม่ได้เจอกันครึ่งปี เป้ยเปยจำผมไม่ได้ซะแล้ว”
ฉันเอื้อมมือไปรับช่วงต่อ พอปลอบเป้ยเปยไปว่าไม่ต้องร้องเขาก็หยุดร้องไห้ทันที จนฉันไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ตัวแค่นี้แต่ใจร้ายจังเลย พ่อทูนหัวเคยช่วยชงนมให้ คอยเปลี่ยนผ้าอ้อมให้! ผ่านมาแค่ครึ่งปีก็จำกันไม่ได้แล้วหรือ?”
“ปะป๊า!”
เป้ยเปยเรียกพ่อของเขาในตอนท้าย ฉันไม่ได้สนใจเขาและเงยหน้ามองฉีซิ่วหรานอย่างเกรงใจ “ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมเขาถึงร้องไห้ง่ายขนาดนี้ เขาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย”
ฉีซิ่วหรานส่ายหน้าอย่างไม่ถือสา “ไม่เป็นไร ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เป้ยเปยจะจำผมไม่ได้ก็ไม่แปลก”
“เราออกไปจากที่นี่กันก่อนไหม คนเยอะเหลือเกิน”
ทันใดนั้นลู่จือสิงก็เอ่ยขึ้นมา ฉันจึงเหลือบไปมองเขาแล้วพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ฉันมีเรื่องคุยกับฉีซิ่วหรานเยอะมากหลังจากไม่ได้เจอกันมาครึ่งปี
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรถไฟของเล่นที่ฉีซิ่วหรานซื้อให้เป้ยเปยหรือเปล่าเขาจึงชนะใจเด็กคนนี้ได้ ตอนนี้เด็กน้อยมองเขาตาแป๋ว ไม่เหลือคราบของเด็กที่เพิ่งร้องไห้จะเป็นจะตายเมื่อครู่นี้แล้ว
ฉันแกล้งหยิกมือเป้ยเปยเบาๆ อย่างอดไม่ได้ “อยู่เป็นจริงๆ นะเด็กคนนี้!”
เป้ยเปยถูกฉีซิ่วหรานซื้อใจง่ายๆ ด้วยของเล่นเล็กๆ น้อยๆ แต่กลับลืมเรื่องที่เขาเคยดูแลตัวเองไปเสียหมด
ฉันกับฉีซิ่วหรานไม่ได้เจอกันนานมาก จึงเป็นธรรมดาที่จะมีเรื่องคุยกันเยอะ
ก่อนออกจากบ้านฉันเตือนลู่จือสิงไว้แล้วว่าให้มีมารยาทกับเขาหน่อย ไม่อย่างนั้นคืนนี้อย่าได้หวังว่าจะมานอนเตียงเดียวกับฉัน
ดังนั้นช่วงที่รับประทานอาหารลู่จือสิงจึงเป็นคนดูแลเป้ยเปยเป็นส่วนใหญ่ ส่วนฉันก็พูดคุยกับฉีซิ่วหรานและซักถามสารทุกข์สุขดิบของเขา
ปีนี้ฉีซิ่วหรานอายุสามสิบสี่ปีแล้ว และฉันก็นึกถึงสิ่งที่เคยพูดกับเซี่ยงฉิงก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ มาคิดดูแล้วจึงลองหยั่งเชิงถามความคิดเห็นของฉีซิ่วหรานดู
“เซี่ยงฉิงเป็นผู้หญิงที่น่ารักมากๆ ...ฉันไม่ได้อะไรนะ แค่อยากจะบอกว่า ก่อนหน้านี้ฉันบังเอิญบอกเซี่ยงฉิงไปว่าฉันรู้จักคุณ แล้วสัญญาไปว่าจะแนะนำคุณให้เธอรู้จักน่ะ”
อันที่จริงมันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่ฉันจะแนะนำผู้หญิงสักคนให้ฉีซิ่วหรานทั้งที่รู้ว่าเขาเคยคิดอย่างไรกับฉัน
แถมตอนนี้ฉันยังแนะนำเขาให้ผู้หญิงอื่นอีก... ช่างเป็นวิธีที่ใจร้ายไม่ใช่น้อย
ฉันกลัวว่าเขาจะโกรธ หลังจากพูดจบจึงมองหน้าเขาเพื่อหาคำตอบ
แต่ฉีซิ่วหรานเป็นคนไม่ค่อยแสดงออกมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ฉันจ้องมองอย่างไรก็มองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ได้สิ”
ฉันค่อยโล่งอกเมื่อได้ยินคำตอบของเขา
เนื่องจากฉีซิ่วหรานเพิ่งมาถึงเมือง A และนั่งเครื่องบินมาหลายชั่วโมงฉันจึงอยู่คุยกับเขาไม่นานนัก พอสามทุ่มกว่าๆ ฉันก็ขอให้ลู่จือสิงจ่ายเงินค่าอาหารแล้วพาเขาไปส่งที่โรงแรม
กว่าจะกลับถึงบ้านเป้ยเปยก็ง่วงจนผล็อยหลับไปแล้ว ฉันดูนาฬิกาและตัดสินใจไม่ปลุกเขาไปอาบน้ำ เพราะถึงอย่างไรตอนนี้ก็เป็นฤดูหนาว
พอออกมาจากห้องของเป้ยเปย ลู่จือสิงก็เข้ามากอดฉันจากทางด้านหลัง
ฉันไม่กล้าตีเขาเพราะกลัวว่าจะทำเสียงดังจนเป้ยเปยตื่น “คุณจะทำอะไรอีกน่ะ”
เขาเพิ่งอาบน้ำสระผมเสร็จ หยดน้ำตามไรผมจึงไหลลงมาสัมผัสที่คอของฉันจนฉันหนาวสั่น จึงอดไม่ได้ตีเขาไปหนึ่งที “ผมคุณยังมีน้ำหยดอยู่เลย”
“ซูยุ่น คุณนี่ยอดจริงๆ!”
ทันทีที่ฉันพูดจบเขาก็ก้มลงมาหอมแก้มฉันฟอดใหญ่
ตอนนี้ในห้องนั่งเล่นเงียบสงัดจนได้ยินเสียงตอนเขาหอมแก้มฉันอย่างชัดเจน
เป็นอันว่าฉันได้ยินแล้วและไม่รู้ว่ามีอะไรมากระตุ้นเขา ลู่จือสิงจึงดูอารมณ์ดีขนาดนี้
“ใช่ว่าผมจะสนใจเรื่องของทุกคนเสียหน่อย”
ฉันทำเสียงฮึในลำคอก่อนจะก้าวลงจากรถ พอหันกลับไปแล้วเห็นเขาส่งยิ้มมาให้ฉันจากในรถ ฉันก็นึกถึงเรื่องที่เขาเพิ่งเตือนให้รีบจัดการให้ฉีซิ่วหรานกับเซี่ยงฉิงได้เจอกัน
แต่ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ อย่างน้อยก็คงทำให้ลู่จือสิงรู้สักทีว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับฉีซิ่วหรานเลย จะได้ไม่ต้องมาคอยระแวง คอยหึงทุกทีที่ขยับตัวอีก
ฉันมัวแต่คิดเพลินไปหน่อยจึงไม่ได้ยินเซี่ยงฉิงที่เรียกฉันอยู่ข้างหลัง
พอเดินออกจากลิฟต์มาได้ไม่กี่ก้าวก็มีใครคนหนึ่งมาดึงมือฉันไป ฉันสะดุ้งนิดหนึ่ง พอหันกลับไปมองแล้วเห็นว่าเป็นเซี่ยงฉิง ฉันจึงถอนหายใจออกมา “ทำไมมาไม่ให้สุ้มให้เสียงแบบนี้ ฉันตกใจแทบตาย!”
“อะไรกัน ฉันเรียกคุณอยู่ข้างหลังตั้งสองสามครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะในลิฟต์มีคนเยอะฉันคงลากคุณมาแล้ว!”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่กำลังคิดเมื่อครู่นี้ ฉันจึงมองเซี่ยงฉิงนิดหนึ่งก่อนจะถามเธอว่า “เซี่ยงฉิง ตอนนี้คุณโสดอยู่หรือเปล่า?”
เซี่ยงฉิงนิ่งงงไปอึดใจ “โสด ทำไมหรือ คุณมีหนุ่มหล่อมาแนะนำหรือไง”
เธอถามออกมาตรงๆ จนฉันถึงกับเขิน ก่อนจะพูดเข้าประเด็นทันที “ที่ฉันเคยบอกคุณไปว่าตอนอยู่ที่เมือง D ฉันรู้จักเพื่อนอยู่คนนึง คุณสมบัติดีทุกอย่าง แต่ว่าเขาค่อนข้างเป็นคนเก็บตัวและอยากแนะนำให้คุณรู้จักน่ะ คุณจำได้ไหม”
“จำได้สิ! จำได้! ทำไม เขามาเมือง A หรือ?”
เซี่ยงฉิงกระตือรือร้นมากจนฉันอดหัวเราะไม่ได้ “คุณไว้ใจฉันขนาดนี้ ไม่กลัวว่าฉันจะแนะนำให้คุณรู้จักคนขี้เหร่ๆ หรือ?”
“โอ้โห แค่เห็นรสนิยมที่คุณเลือกประธานลู่ก็รู้แล้ว คุณบอกว่าหล่อ ยังไงก็ต้องหล่อ ฉันจะต้องกลัวอะไร!”
เธอไว้ใจฉันมากจนฉันรู้สึกตื้นตันใจสุดๆ “เขามาทำงานที่นี่ครึ่งเดือน ฉันลองถามเขาแล้ว เขายินดีจะมาเจอคุณ ถ้าคุณเต็มใจฉันก็จะนัดเขาให้ แต่เขาค่อนข้างยุ่ง ดังนั้นด้วยความจำกัดเรื่องเวลา คุณอาจจะต้องเป็นฝ่ายรอตอนที่เขาสะดวก”
ฉันอยากจะพูดให้ชัดเจน ณ จุดนี้
“ได้ๆ ไม่มีปัญหา”
ฉันไม่รู้ว่าเซี่ยงฉิงเข้าใจจริงๆ หรือเปล่า เธอดึงไว้ฉันพลางตอบตกลง ฉันจึงต้องกลับไปถามความเห็นของฉีซิ่วหรานในภายหลัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้