ฉันออกไปก่อนเวลา และไม่พบว่าเป็นชั่วโมงเร่งด่วน ดังนั้นการเดินทางจึงราบรื่น
เมื่อพวกเรามาถึงสนามบินเหลืออีกสองนาทีก็จะแปดโมงสี่สิบนาที เวลานี้ที่สนามบินมีคนไม่มาก ฝากของเสร็จก็เก้าโมงแล้ว
แต่เที่ยวบินของฉันสิบโมง ฉันกำลังจะเข้าแถวเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย
ลู่จือสิงมาช้ากว่าฉันนิดหน่อย แต่ช่องวีไอพีเร็วมาก
ฉันเจอร้านกาแฟร้านหนึ่ง สั่งกาแฟไปสองแก้วกับเค้กหนึ่งชิ้น และนั่งอยู่กับลู่จือสิงที่นั่น
“ไม่รู่ว่าตอนนี้เป้ยเปยเป็นยังไงบ้าง”
ไม่ได้เห็นเป้ยเปยแค่วันเดียว ฉันรู้สึกเหมือนกับว่ามันนานเป็นปี
ลู่จือสิงมองมาที่ฉัน “เขาสบายดีมาก ทำไมคุณไม่เป็นห่วงสามีคุณสักนิด ฉันน่ะ”
ฉันไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี:“ก็คุณนั่งอยู่ตรงหน้าฉันเนี่ย คุณสบายดีหรือไม่ ฉันจะไม่รู้หรอ?”
“เมื่อคืนนี้ฉันดื่มเหล้า ยังปวดหัวอยู่นิดหน่อย”
เขาพูดอย่างเอาจริงเอาจัง ฉันมองเขาสักพัก:“คุณจริงจังไหม?”
“ฉันจะล้อเล่นทำไมล่ะ”
ฉันไม่ได้โต้แย้ง เมื่อเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว ดูแล้วเขาคงไม่สบายจริงๆ”
ถ้าตอนนี้ปวดหัว อีกเดี๋ยวขึ้นเครื่องบินจะยิ่งไม่สบาย
คิดๆดูแล้ว “ให้ฉันไปซื้อยาให้คุณหน่อยไหม?”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวมันจะไม่ทัน”
เขายืนมือออกมาจับฉัน ได้ยินที่เขาพูดแล้วฉันก็รู้สึกกังวลนิดหน่อย:“หลี่จื้อยังไม่มาใช่ไหม?คุณสั่งให้เขาเอายามาด้วยสิ!”
“เขาอยู่บนทางด่วนสนามบินแล้ว!”
“นั้นทำยังไงดี?”
“คุณช่วยกดนวดให้ฉันหน่อย คุณกดนวดให้ก็คงไม่ปวดมากขนาดนั้นแล้ว!”
ฉันคิดว่านี่เป็นวิธีที่ดี แต่ที่นี่เป็นสถานที่สาธารณะ ฉันยังลังเล:“แต่ที่นี่เป็นร้านกาแฟ คนเยอะนะ!”
“กลัวอะไร ก็แค่กดนวดหัวเท่านั้น!คุณลองคิดดูว่าถ้าเป้ยเปยปวดหัว คุณจะคิดถึงเรื่องนี้ไหม!คุณหญิงลู่ คุณนี่ลำเอียงจริงๆ!”
เขามักจะพูดว่าฉันลำเอียง สนใจแต่เป้ยเปยไม่สนใจเขา
ตอนนี้ใช้โอกาสนี้โจมตีฉันอีกครั้ง ฉันมองเขาสักพัก แล้วเห็นว่าเขาขมวดคิ้วเป็นครั้งคราว
สุดท้ายก็ต้องประนีประนอม:“นั้นคุณก้มลงมาหน่อย”
ตำแหน่งตรงนี้ค่อนข้างดี ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจ
ฉันยืดตัวและยกมือขึ้นมากดนวดที่ขมับของเขา “แรงพอไหม?”
“อืม”
กดนวดอยู่สักพัก ฉันก็มองนาฬิกาตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงยี่สิบนาทีแล้ว จึงวางมือ:“คุณยังปวดอยู่ไหม?”
เขายกมือขึ้นมาจับเอวของฉัน และก้มลงมามองฉัน:“ถ้ายังปวดอยู่จะทำยังไง?”
“ให้ฉันไปซื้อยาหม่องให้ไหม?”
“ไม่ต้อง คุณให้ฉันจูบคุณหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้น”
ขณะที่เขาพูดก็ไม่รอให้ฉันตอบกลับ จู่ๆเขาก็จูฉัน
ฉันคิดว่าที่นี่เป็นสถานที่สาธารณะ จึงรีบผลักเขา “คุณ——นี่!”
ลู่จือสิงแรงเยอะ มือข้างหนึ่งเกี่ยวหลังหัวของฉันไว้ ไม่ให้ฉันถอยตัวออก และอีกมือก็จับสองมือที่ฉันผลักไปด้านหน้าเขา
เขาจับมือสองข้างของฉันและดึงมันอย่างแรง ระยะห่างระหว่างเราสองคนก็ใกล้กันทันที
ลู่จือสิงจูบฉันเกือบหนึ่งนาทีก่อนที่จะหยุด ใบหน้าของฉันแดงมาก และมองเขาสู้กับเต้าหู้:“คุณ ทำไมคุณ!คุณรู้ไหม!”
เขาจูบฉันเบาๆ ฉันคิดว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกหลายวัน ก็อดไม่ได้ที่จะกอดและจูบเขากลับไป
จูบนี้ใช้เวลาเกือบสามนาทีกว่าจะจบลง
เมื่อลู่จือสิงปล่อยฉัน ร่างกายของฉันก็อ่อนแอเล็กน้อย และฉันไม่มีแรงที่จะโอบเอวเขา
วิทยุกระจายเสียงแจ้งว่าเที่ยวบินของฉันกำลังจะออก:“ฉันต้องไปขึ้นเครื่องแล้ว”
“อืม ฉันไปส่งคุณ”
ขณะที่เขาพูดเขาจูงมือฉัน
ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้ม และหยิบทิชชู่มาเช็ดลิปสติกบนปาก เขาจูงมือฉันเดินไปข้างหน้า
เมื่อฉันมาถึงก็เข้าแถวเพื่อขึ้นเครื่องบิน หลังจากนั้นก็ปล่อยมือ “อย่าลืมนะถึงแล้วโทรมาหาฉันด้วย”
“ฉันถึงโรงแรมแล้วจะโทรหาคุณนะ”
“อืม”
เขาตอบแล้วก็ยกมือขึ้นกอดฉัน “คุณหญิงลู่ อย่าลืมสถานะของคุณนะ”
ตอนที่เขาพูดลมหายใจของเขากระทบที่ข้างหูของฉันเบาๆ ฉันรู้ว่าร้อนไปทั้งตัว
ฉันไม่ได้ผลักเขาออก แต่กอดเขาไว้และจูบที่หน้าของเขาด้วยความรวดเร็ว:“ฉันรู้ คุณก็เป็นสามี”
เขาเริ่มถอยออก ฉันก็รีบปล่อยเขา
ลู่จือสิงก็ไม่ได้ดึงฉันไว้ เขายืนเอามือล้วงระเป๋าอยู่ข้างๆ และก็มองฉันอยู่อย่างนั้น
เขามองจนฉันรู้สึกร้อนรุ่มในใจ เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาพูดข้างหูฉันเมื่อตะกี้ ฉันก็รู้สึกว่าร้อนไปทั้งตัว
ก่อนเข้าประตูฉันอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเขา เขายืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีสีหน้าแสดงอารมณ์ใดๆ แต่ดวงตาสีน้ำทั้งคู่ของเขามีฉันอยู่ข้างใน
ฉันโบกมือ และกัดฟันเดินขึ้นเครื่องบินไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้