ฉันมองรอยยิ้มบนใบหน้าของลู่จือสิง ในที่สุดก็ไม่ได้เอ่ยปากโจมตีเขา
"ต้องการทานอะไรหน่อยไหม?"
พอเข้าห้องแขกวีไอพี ลู่จือสิงก็ถามฉัน
ฉันส่ายหน้า "ไม่ต้องหรอก"
ตอนที่อยู่บนรถฉันทานขนมเค้กมาบ้างแล้ว แต่ไม่ค่อยอยากอาหาร ดังนั้นตอนนี้ก็ไม่ได้อยากจะทานอะไร
เวลาสิบเอ็ดโมงสิบห้า ลู่จือสิงและฉันก็ไปที่ห้องรับรองผู้โดยสาร
ห้องรับรองผู้โดยสารมีการเตือน แต่ลู่จิสิงดึงฉันตลอด ไม่ให้ฉันมอง ไม่เช่นนั้นก็จะยืนปิดกั้นขวางสายตาตรงหน้าของฉันทั้งหมด
เพียงแต่ฉันยังคงเห็น สุดท้ายลู่จือสิงก็ขี้โกงมาก ห้องรับรองผู้โดยสารที่เขาพาฉันไปเดิมทีไม่ใช่ห้องของพวกเรา แต่อยู่เยื้องฝั่งตรงข้าม
ฉันก็ไม่ได้จับตาดู เขาอยู่ด้านนั้นจนประตูเครื่องจะเปิดเรียบร้อยแล้วจึงดึงฉันเข้าไป
อย่างรีบร้อน ฉันก็ถูเขาพามาแบบนี้ตลอดทางจนขึ้นเครื่อง เมื่อนั่งบนเครื่องบิน ฉันก็ยังไม่เข้าใจ ว่าตกลงครั้งนี้พวกเราจะไปไหน
ลู่จือสิงช่วยฉันรัดเข็มขัดนิรภัย มองฉันแล้วยิ้มเล็กน้อย ฉันยกมือตีเขาเล็กน้อย: "เกินไปแล้ว"
เขาก็ไม่สนใจ ถามแอร์โฮสเตสขอผ้าห่มผืนนึง ห่มที่ตัวฉัน: "คุณหญิงลู่ เซอร์ไพรส์เป็นการรอคอยที่คุ้มค่า"
"เชอะ"
ฉันร้องเชอะมาคำนึง หันหน้ามา มุมปากอดไม่ได้ที่จะยกขึ้นมา
ลู่จือสิงพูดได้ไม่เลว เซอร์ไพรส์เป็นการรอคอยที่คุ้มค่า
เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่รู้ การเดินทางทั้งหมดของฉันเต็มไปด้วยความคาดหวังและความอยากรู้อยากเห็น แต่เมื่อฉันถามลู่จือสิง เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อเครื่องบินขึ้นก็รู้สึกซีเรียสเล็กน้อย ฉันกำมือแน่น ลู่จือสิงยื่นมือมาจับฉัน "กลัวอะไร"
"ไม่ได้กลัว"
ฉันมองเขา "ฉันจะนอนหลับสักหน่อย"
ฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร อยู่บนเครื่องบิน บนรถไฟความเร็วสูง หรือบนรถยนต์ ฉันมักจะอยากหลับตลอด
ครั้งนี้ลู่จือสิงไม่ยอมฉัน: "พักทานอะไรสักหน่อยแล้วค่อยนอน"
ฉันคว้ามือของเขา มองเวลาบนนาฬิกาข้อมือเขา สุดท้ายก็ยกเลิกการนอนหลัง วางแผนที่จะฟังเขา
บางคนบอกว่าอาหารบนเครื่องบินไม่อร่อย ฉันนั่งเครื่องบินมาหลายครั้ง แม้ว่าสายการบินต่าง ๆจะมีมื้ออาหารที่แตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่ไม่ถึงกับไม่อร่อย อาจเป็นเพราะฉันไม่ใช่คนจู้จี้จุกจิก
หลังจากเครื่องบินขึ้นมาครึ่งชั่วโมงแล้ว แอร์โฮสเตสและสจ๊วตก็เริ่มเข็นรถอาหารมาถามพวเราว่าจะทานอะไร ต้องการเครื่องดื่มอะไร
ฉันต้องการน้ำแอปเปิ้ลแก้วนึงและข้าวชุดนึง ดื่มน้ำแอ๊ปเปิ้ลไปสองสามอึก แต่ไม่อยากอาหาร จ้องมองข้าวนั้นอยู่พักนึง ทานไปเพียงสองสามคำ
เอียงไปมองลู่จือสิง เขาทานไปไม่น้อย ดูท่าจะหิว
ฉันมองกล่องข้าวของตนเอง คล้ายกับไม่ได้ขยับ ฉันดันๆไปทางด้านนั้นของดเขา: "หรือว่าคุณจะทาน?"
"ทานต่อไป"
เขาเงยหน้ามองฉัน ท่าทีแข็งกร้าวอย่างมาก
"ทานไม่ลง"
ฉันพยายามต่อรอง: "หรือว่าคุณจะช่วยฉันทานครึ่งนึง? ฉันเห็นว่ามันเยอะ ไม่อยากทานเล็กน้อย"
"ไม่อยากทานก็ต้องทาน อารหารเช้าคุณทานมาไม่เท่าไรเอง"
เขาพูดพลาง หยิบช้อนจากในมือของฉัน ป้อนมาที่ปากของฉันโดยตรง
ลู่จือสิงบังคับ สุดท้ายฉันก็จัดการข้าวกล่องนั้นไปได้ถึงครึ่ง
ทานไปแล้วจุกเล็กน้อย ฉันจึงนอนไม่หลับ อดไม่ได้ที่จะดึงมือของลู่จือสิงเล็กน้อย: "คุณเตรียมงานแต่งตั้งแต่เมื่อไร?"
เมฆด้านนอกปกคลุมไปด้วยแสงสีเหลือง ดวงอาทิตย์ที่กำลังตกนี้แตกต่างกับที่มองจากด้านล่าง
ฉันมองแล้วเหม่อลอยเล็กน้อย จู่ๆก็หนักที่บนบ่า ลู่จือสิงเอียวตัวอิงที่พักแขนกอดฉัน นำคางกดลงมาบนบ่าของฉัน
ฉันเอียงหน้าไปมองเขา ยิ้มๆ "สวยมาก"
"อื้ม"
เขาตอบรับคำนึง ลมหายใจกระทบบนใบหน้าของฉัน จั๊กจี้เล็กน้อย
ฉันอดไม่ได้ที่จะยกมือลูบๆ จากนั้นเขาก็จูบฉันอย่างกะทันหัน
ฉันสะบัดมือ "คุณทำอะไรบนเครื่องบินนะ!"
"สวยมาก อดใจไม่ไหว"
ฉันนิ่งอึ้งๆเล็กน้อย ตอบสนองเข้ามา อดที่จะยิ้มไม่ได้: "ฉันหมายถึงแสงอาทิตย์ด้านนอกสวยมาก!"
"ฉันหมายถึงภรรยาของฉันสวยมาก!"
เขาตอนนี้นับวันยิ่งหน้าไม่อาย คำพูดอะไรก็กล้าพูดออกมาจากปาก
ฉันถูกเขาพูดใส่จนร้อนผ่าวที่ใบหน้า ใช้มือตีเขาเล็กน้อย เขายื่นมือออกไปเพื่อกดมือฉัน จับมือฉันประสานนิ้วทีละนิ้ว จับทั้งสิบนิ้วของฉันไว้แน่นวางลงด้านหน้าฉันเข้าใกล้ข้างหูของฉันแล้วเอ่ยปากว่า : "สวยจนฉันแข็งไปหมดแล้ว"
ฉันถูกคำพูดของเขาทำให้อายจนคนร้อนผ่าวไปหมด อดไม่ได้ที่จะหยิกนิ้วของเขา: "คุณเก็บอาการหน่อย ไม่เห็นหรอว่าที่นี่ที่ไหน!"
"ฉันพูดเบาๆ กลัวอะไร"
ฉันจ้องมองเขา "พูดเบาๆก็ไม่ต้องพูด"
"คุณไม่ต้องมายั่วยวนฉัน"
“……”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้