หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 40

ซินหมิงเยว่บอกว่าฉันจะต้องเสียใจ แต่หลายวันถัดมานี้ชีวิตของฉันนั้นสงบสุขมาก ฉันรู้สึกประหม่ามาหลายวันแต่ก็ค่อยๆผ่อนคลายลง

โครงการในมือของฉันนั้นค่อนข้างจะยุ่งเป็นพิเศษ และฉันไม่มีเวลานึกถึงซินหมิงเยว่มากนัก

ตอนเที่ยงของวันก่อนเวลาอาหารกลางวัน ฉันได้รับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย พวกเขาบอกว่าซูตงเจ๋อพี่ชายของฉันเป็นหนี้การพนันห้าหมื่นหยวน ตอนนี้พี่ของฉันนั้นอยู่ในกำมือของพวกเขา พวกเขาใช้ให้ฉันนำเงินไปไถ่ถอนตัวพี่ชายของฉัน

ฉันอยากบอกไปว่าฉันไม่มีเงินและไม่ไปไถ่ถอนอะไรทั้งนั้น พวกเขาก็ได้วางสายไป ฉันจึงโทรกลับไปและพวกเขาไม่รับสาย

ซูตงเจ๋อเล่นพนันมาโดยตลอดและไม่ได้เป็นหนี้แค่วันสองวันเท่านั้น ก่อนหน้านี้ฉันเคยช่วยเขาจัดการไปแล้ว แต่ในทุกครั้งเขาไม่เคยสำนึกผิด ฉันไม่อยากสนใจเขาอีกต่อไป ความกตัญญูที่ฉันมีต่อตระกูลซูนั้นคือคุณยายไม่ใช่ซูตงเจ๋อ

ฉันกลับไปที่ยังห้องทำงานเพื่อทำงานต่อ แต่เมื่อฉันคิดว่าซูตงเจ๋อก็เป็นพี่ชายของฉัน ฉันก็อดไม่ได้ที่จะกังวล

ผิงผิงตบไหล่ฉันแล้วมองมาที่ฉันอย่างเป็นห่วง "ซูยุ่น เธอเป็นอะไรไป กลับมาจากรับโทรศัพท์จิตใจก็ดูไม่อยู่กับเนื้อกับตัว?"

ฉันยิ้มอย่างขมขื่น “พี่ชายของฉันติดหนี้การพนันและถูกจับตัวไป คนพวกนั้นให้ฉันเอาเงินไปไถ่ตัวเขา”

"ถ้าอย่างนั้นก็ไปเร็ว! คนสมัยนี้นั้นเห็นแก่เงินไม่เห็นแก่ชีวิตหรอกนะ ถ้าพวกมันโหดร้ายทารุณขึ้นมา พี่ชายเธอ..."

เธอพูดไม่จบ แต่ฉันก็เข้าใจในความหมายของเธอ

ยายเองก็ได้จากโลกนี้ไปแล้ว ฉันสามารถเพิกเฉยต่อซูตงเจ๋อได้แต่ฉันไม่อาจผ่านพ้นอุปสรรคในใจไปได้เลย ฉันกัดฟันและวางปากกาในมือลง "ผิงผิง ช่วยฉันลางานหน่อย ฉันจะไปด้านนอก"

"เธอมีเงินพอเหรอ?"

ฉันพยักหน้า เงินสำหรับการผ่าตัดของยายยังเหลืออยู่ เดิมทีฉันต้องการคืนให้กับลู่จือสิงแต่ในช่วงเวลานี้มีหลายอย่างเกิดขึ้นฉันก็เลยลืมเรื่องนี้ไป

คาดไม่ถึงว่าในท้ายที่สุดเธอก็ต้องจ่ายให้กับหนี้พนันของซูตงเจ๋อ

เมื่อนึกได้เช่นนี้ภายในใจของเธอก็ร้อนราวกับไฟ เมื่อคิดว่าอีกสักครู่ก็จะได้เจอกับซูตงเจ๋อจะต้องแจ้งจับเขาเรื่องการพนันและส่งเข้าคุกไปเลย!

ฉันลงมาด้านล่างเพื่อกดเงินและรีบเรียกแท็กซี่และไปยังที่ที่ชายคนนั้นพูดเนื่องด้วยความร้อนใจและไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก

สิ่งที่ฉันไม่คาดคิดคือนี่คือกับดัก!

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ในที่สุดฉันก็ไปถึงสถานที่ที่ชายคนนั้นบอกกับฉัน

บริเวณรอบข้างไม่มีใครเลย เป็นพื้นที่เขตบ้านเก่า หลังจากที่แท็กซี่ออกไป ข้างกายฉันก็ไม่มีใครเลยสักคน

ฉันยืนอยู่ตรงทางเข้าซอย กำลังพยายามค้นหาเบอร์โทรศัพท์เพื่อโทรกลับไป จู่ๆก็มีเงาปรากฎขึ้นบนพื้นและมีคนอยู่ด้านหลังของฉัน!

"คุณ............"

ทันทีที่ฉันหันศีรษะไป ชายคนนั้นก็เอาผ้ามาปิดปากของฉัน ฉันคิดจะร้องขอความช่วยเหลือแต่สายตาของฉันกลับพร่ามัวลงและฉันก็เวียนหัวจนสลบไป

หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น ฉันเองก็ไม่รับรู้

เมื่อตื่นมาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องมืดที่มีกลิ่นเหม็นอับ

มือและเท้าของฉันถูกมัดไว้แน่นและฉันไม่สามารถขยับได้เลย ปากของฉันก็ถูกปิดเอาไว้ ภายในห้องมืดมาก มีเพียงแสงจากหน้าต่างบานเดียวเท่านั้น ฉันแทบมองไม่เห็นอะไรเลย

ฉันไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่ไหนหรือใครเป็นคนลักพาตัวฉันมา ฉันกลัวมากและอยากร้องขอความช่วยเหลือ แต่ด้วยความกลัวว่าคนที่ลักพาตัวฉันมาจะรู้ว่าฉันนั้นได้สติแล้ว

ความกลัวทำให้ฉันตัวสั่นเทา ความไม่คุ้นเคยทำให้ฉันไม่กล้าที่จะจินตนาการ

ฉันพยายามสงบสติอารมณ์และเริ่มช่วยเหลือตัวเอง แต่นอกเหนือจากการใช้น้ำลายเพื่อคลายเทปสีดำบนปากของฉันแล้วฉันไม่มีทางที่จะแก้เชือกที่มัดฉันไว้ได้เลย

ฉันขยับตัวไปยังประตูและพยายามจะเปิดมัน แต่ฉันพบว่าประตูถูกปิดจากด้านนอกและฉันไม่สามารถหากุญแจได้

ฤทธิ์ของยาในร่างกายฉันยังไม่หมดไป ฉันขยับไปขยับมาอยู่เป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง ร่างกายของฉันก็หมดเรี่ยวแรงและได้สลบไปอีกครั้ง

เมื่อฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ฉันก็พบว่าท้องฟ้าได้มืดแล้วและเชือกบนร่างกายของฉันก็หลุดออก ฉันไม่ได้อยู่ในบ้านหลังก่อนหน้านี้อีกแล้ว แต่อยู่ในซอยที่มืดมิด

ฉันคิดว่าตัวเองหนีรอดออกมาแล้ว แต่กลับพบว่ามีเสียงของใครบางคนที่พูดอยู่ตรงหน้าฉัน เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆและไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น

คนเหล่านั้นเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ แสงสลัวกระทบใบหน้าของคนเหล่านั้นและใบหน้าของฉันก็ซีดลงทันที

นั่นคือกลุ่มอันธพาล! และดูเหมือนพวกเขานั้นกำลังมึนเมา เขาเดินเข้ามาหาฉันพร้อมด้วยกับสบถคำด่าต่างๆนาๆ

ฉันอยากจะวิ่งหนี แต่ดูเหมือนขาของฉันจะยึดติดกับพื้น ฉันทำได้แค่ขยับร่างกายที่เย็นเฉียบของฉันพิงเข้ากับกำแพงและสวดภาวนาขอให้พวกเขามองผ่านฉันไป

"โอ้ มีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ที่นี่!"

แต่คำอธิษฐานของฉันไม่ได้ผล พวกเขามองเห็นฉัน

เมื่อมีคนยื่นมือมาแตะฉัน ฉันก็สะบัดออกโดยไม่รู้ตัว "อย่ามาแตะต้องฉัน!"

ฉันกล่าวพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก

ภายใต้แสงไฟ สายตาของคนเหล่านั้นที่มองมาที่ฉันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก

พวกเขาเป็นผู้ชายห้าคน ฉันเพียงผู้หญิงตัวคนเดียว ฉันไม่มีทางรอดจากเงื้อมมือพวกเขา

"เหอะ เป็นผู้หญิงจริงๆด้วย ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันที่โชคดีของพวกพี่จริงๆ!"

มีคนต้องการสัมผัสตัวฉันอีกครั้ง ฉันพยายามย่อตัวลงจากนั้นมีคนดึงฉันขึ้นมาโดยดึงที่เสื้อผ้าของฉัน "สวยมาก สวยเหมือนดาราในทีวีเลย!"

“พวกแกอย่ามาแตะต้องฉัน! ฉันจะให้เงินพวกแก อย่ามาแตะตัวฉัน!”

ฉันโตมาขนาดนี้แล้วยังไม่เคยพบเจอเรื่องราวเช่นนี้มาก่อนเลย เมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขา ฉันก็ตกใจจนตัวสั่นไปหมด

"อย่ามาแตะฉัน ออกไป!"

แต่ฉันก็รู้ดีว่าในซอยนี้ไม่มีใครมาช่วยฉันได้!

"เอาไปสิ"

เขาไม่ได้สนใจอะไรและยื่นโทรศัพท์ให้กับฉัน

ฉันรับโทรศัพท์จากเขาและโทรหาลู่จือสิง อาจเป็นเพราะเบอร์แปลก ลู่จือสิงจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ใคร?"

เมื่อได้ยินเสียงเขา ฉันก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา "ฉันเอง ลู่จือสิง----"

“ซูยุ่น? คุณไปไหน? ผมตามหาคุณทั้งคืน!”

"ฉันถูกลักพาตัวมา ฉันก็ไม่รู้ ฉันตอนนี้ ตอนนี้----"

เมื่อฉันไม่รู้ว่าฉันควรบอกลู่จือสิงว่าฉันกำลังอยู่ที่ไหน ชายด้านข้างก็กล่าวขึ้น "ไปโรงพยาบาลตี้เอ้อเหรินหมินกันเถอะ"

ฉันยิ้มขอบคุณให้กับเขาและรีบบอกลู่จือสิง "ฉันกำลังไปโรงพยาบาลตี้เอ้อเหรินหมิน"

"ข้างๆคุณคือใคร? เกิดอะไรขึ้นกับคุณ คนนั้นเชื่อถือได้หรือไม่?"

ฉันค่อยๆตอบคำถามของลู่จือสิงอย่างใจเย็นและปลอบโยนเขาว่าไม่ต้องกลังวล ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว เดี๋ยวเราจะไปเจอกันที่โรงพยาบาล

เมื่อวางสายฉันก็ยิ้มเขิน "ทำตัวน่าอายให้คุณเห็นเสียแล้ว"

"ฉันชื่อซวี่ชิงหนาน"

ฉันนิ่งไปชั่วครู่และรีบแนะนำตัวเอง "ฉันซูยุ่น คุณชายซวี่ เรื่องในคืนนี้ต้องขอบคุณคุณจริงๆ หากว่าไม่มีคุณ ฉันไม่รู้จริงๆว่า......."

เขาพยักหน้า เขาปลอบฉันว่าไม่ต้องกลัวแล้วไม่เป็นอะไรแล้ว

แม้ว่าฉันจะรู้ว่าฉันพ้นจากอันตรายแล้ว แต่ความกลัวยังคงทำให้มือของฉันสั่นอยู่ตลอดเวลา

"ซูยุ่น!"

ทันทีที่ฉันลงจากรถ ลู่จือสิงก็วิ่งเข้ามากอดฉัน

หลังจากประสบเหตุการณ์ที่น่าตื่นกลัวนั้น ฉันก็กอดลู่จือสิงแน่นที่สุดเท่าที่เคยกอดมา ในที่สุดหัวใจที่หวาดกลัวก็สงบลง เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา น้ำตาก็ไหลลงมา "ลู่จือสิง ฉันคิดว่าฉันอาจไม่ได้พบคุณอีกแล้ว"

ใบหน้าของเขาแข็งกร้าว เขาไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่กอดฉันและจับมือฉันไว้แน่น

ทันใดนั้นฉันก็นึกถึงซวี่ชิงหนานจึงรีบผลักเขาออกและยิ้มอย่างเขินอายต่อซวี่ชิงหนาน "นี่คือซวี่ชิงหนาน เขาช่วยฉันไว้"

ลู่จือสิงปล่อยมือจากฉันและยื่นมือไปยังซวี่ชิงหนาน "คุณชายซวี่ ขอบคุณที่ช่วยภรรยาผม"

"ไม่ต้องขอบคุณ เรื่องเล็กน้อย ผมก็......."

พวกเขากำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นดวงตาของฉันก็มืดลงและฉันก็สลบไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้