หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 56

ฉันยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อได้สติกลับมาลู่จือสิงก็เดินไปแล้ว

เวลานี้ฉันเข้าไปยุ่งได้ไม่มาก ก่อนหน้านี้คุณปู่ก็ยังดีอยู่ ทำไมจู่ๆถึงเกิดเรื่องได้

ลู่จือสิงขับรถออกไปด้วยความเร็วมาก ฉันหันไปมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเอื่อมมือไปจับเขา "ลู่จือสิง ท่านจะไม่เป็นอะไร"

เขาไม่ได้พูดอะไร เขาเอาแต่มองไปด้านหน้า เส้นเลือดบนหน้าเขาก็ตึงขึ้นทำให้อึดอัด

เมื่อไปถึงโรงพยาบาลคุณลุงคุณป้าของลู่จือสิงก็ไปถึงแล้ว ลู่เว่ยกั๋วและจงฮุ่ยหรานก็อยู่ที่นั่นด้วย

มีคนจำนวนมากยืนอยู่ตรงทางเดินยาว

ฉันมองไปที่ลู่จือสิง เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าบึ้งตึง มือของเขากำแน่นจนเห็นเส้นเลือดสีน้ำเงิน

ฉันเม้มริมฝีปาก และเอื่อมมือไปจับมือเขาไว้

เขาหันมามองฉันแวบหนึ่ง และพลิกมือมาจับมือฉัน

ฉันหันมองเขา และเรียกชื่อเขาอย่างระมัดระวัง "ลู่จือสิง"

เวลานี้เขาถึงได้ขยับตัว ตอนนี้ลู่เว่ยกั่วก็ได้ถามอาการกับคุณหมอแล้ว แต่สีหน้าของคุณหมอไม่ค่อยดีนัก เขาแกะแมสออกและส่ายหน้า "ขอโทษด้วยครับ พวกเราพยายามเต็มที่แล้ว ร่างกายคุณท่านลู่ถึงขีดจำกัดแล้ว คืนนี้คุณท่านลู่ตื่นขึ้นมา ทุกคนก็รีบดูใจท่านเถอะ"

คำพูดของหมอทำให้ฉันแข็งไปทั้งตัว ฉันไม่คิดว่าคุณปู่ที่ฉันเพิ่งจะเล่นหมากรุกกับท่านไปเมื่อไม่กี่วันก่อนจะต้องมาเป็นแบบนี้

มือของฉันรู้สึกปวด เพราะลู่จือสิงกำมือฉันไว้แน่น ฉันปวดจนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ฉันมองเขาแต่เขากลับไม่มีปฏิกิริยาอะไร "ลู่จือสิง"

เขาไม่พูดอะไรเลย เขาปล่อยมือฉันและหันตัวเดินออกไป

ฉันอึ้งอยู่ครู่หนึ่่ง แล้วก็รีบตามเขาไป

ลู่จือสิงขายาว เดินก็เร็ว ขาสั้นๆของฉันเกือบจะตามเขาไม่ทัน

"ลู่จือสิง คุณปู่ท่าน........."

เขาหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า สีหน้าขรึม ฉันเห็นแล้วได้แต่รู้สึกปวดใจ

ลมหนาวยามค่ำคืนพัดผ่านมา ลู่จือสิงยังคงไม่พูดอะไรสักคำ

ไม่รู้ว่าพวกเรายืนอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว จนกระทั้งเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ลู่จือสิงดังขึ้นทำลายความเงียบ เขาถึงได้ขยับตัว แล้วรับโทรศัพท์

และตัดสายภายในไม่กี่วินาที "คุณปู่ฟื้นแล้ว

ฉันพยักหน้า อดไม่ได้ที่จะปวดใจ "พวกเราเข้าไปหาคุณปู่เป็นคนสุดท้ายเถอะ"

"อืม"

เขาตอบฉันอย่างเคร่งขรึม พร้อมกับดับบุหรี่ในมือแล้วเดินกลับเข้าไปในโรงพยาบาล

ฉันเดินตามหลังเขาไป เมื่อกลับเข้าไปเสียงร้องไห้อันหดหู่ก็ดังก้อง

เมื่อฉันและลู่จือสิงปรากฏตัวพวกเขาก็หันมองพวกเราแวบหนึ่ง จงฮุ่ยหรานมองมาที่ลู่จือสิงและพูดว่า "จือสิง คุณเข้าไปเถอะ คุณปู่อยากเจอคุณ"

ความหมายที่เธอพูดมันชัดเจนมาก

ฉันปล่อยมือ ลู่จือสิงจึงหันกลับมามองฉันและขมวดคิ้ว

ฉันถอยหลังมาก้าวหนึ่ง "คุณเข้าไปเถอะ"

"ยังไม่เข้าไปอีกเหรอ?"

ลู่เวยกั่วพูด ในที่สุดลู่จือสิงก็ไม่ได้รอฉันอีก เขารีบเดินเข้าไปทันที

ฉันถูกผลักไปมา จนสุดท้ายอ้อมกอดที่อบอุ่นก็โอบกอดฉันเอาไว้ ฉันถึงได้รู้สึกปลอดภัย

ลู่จือสิงไม่ได้เดินไปอยู่ด้านหน้า แต่เขาโอบฉันไว้และไปอยู่นอกวงล้อม มองดูผู้คนที่ร้องไห้ระงมอยู่รอบ ๆ เตียงของคุณปู่ มีเพียงเส้นเลือดบนหน้าผากเท่านั้นที่เผยให้เห็นอารมณ์ของเขา

คุณหมอเดินเข้ามาตรวจเป็นครั้งสุดท้าย ผลวินิจฉัยสุดท้ายคือคุณปู่จากไปแล้ว

ฉันรู้สึกเหมื่อนกับว่าได้ย้อนกลับไปในคืนที่คุณยายจากไป เรื่องการเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องยอมรับ

คุณลุงคุณป้าของลู่จือสิงรวมถึงลู่เว่ยกั่วกำลังปรึกษากันเกี่ยวกับเรื่องของคุณปู่ และลู่จือสิงก็ได้ยินด้วย เขาดึงฉันออกไปจากห้องด้วยใบหน้าที่ครึม

ช่วงฤดูหนาวในเมื่องเอหนาวจับใจ ฉันและลู่จือสิงยืนอยู่ด้านนอกโดยไม่พูดอะไร และไม่รู้ว่าควรพูดอะไรด้วย

"น่าตลกดีใช่ไหม"

จู่ๆลู่จือสิงก็พูดขึ้นมา ฉันอึ้งไปครู่หนึ่ง เมื่อได้สติกลับมาว่าเขาพูดอะไรจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาและพูดว่า "ไม่เลย"

เขากัดริมฝีปาก แต่ไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม "นี่มันแค่เริ่มต้น ซูยุ่น"

ฉันไม่เข้าใจเลยว่าลู่จือสิงหมายความว่าอะไร เพียงแต่เขาที่เป็นแบบนี้ทำให้ฉันยิ่งปวดใจมาก

ฉันอดไม่ได้ที่จะกอดเขาไว้แน่น "คุณปู่เพียงแค่อยากให้คุณมีความสุขนะ ลู่จือสิง"

คุณปู่ยังพูดไม่จบ แต่สำหรับผู้ใหญ่แล้ว ก็หวังเพียงจะให้ลูกหลานมีความสุข

เขาไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแค่ซบลงมาที่ไหล่ฉัน "ซูยุ่น"

"อืม ฉันอยู่ตรงนี้"

หลายวันหลังจากนั้น ในที่สุดฉันก็เข้าใจสิ่งที่ลู่จือสิงพูด เรื่องเหล่านั้นเดิมทีฉันคิดว่ามีเพียงแค่ในละคร ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตจริงของฉัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้