หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 60

“เธอ เธอว่าอะไรนะ?”

“ความหมายตามตัวอักษรค่ะ!”

“ซูยุ่น! อย่าให้มันมากเกินไปนะ เรื่องเมื่อครั้งก่อนฉันยังไม่ได้คิดบัญชีเลย!”

ฉันมองหยาวตันตันด้วยรอยยิ้มเย็นชา: “เรื่องเมื่อครั้งก่อน คุณหยาวจะให้ฉันช่วยเตือนความจำว่าครั้งก่อนเกิดอะไรขึ้นมั้ยคะ?”

ตั้งท้องลูกของชายคนอื่น คิดจะเอาเด็กออก แล้วยังคิดจะดึงฉันมารับเคราะห์แทนอีก?

คิดว่าฉันเป็นคนที่หลอกใช้ง่ายจริงๆ หรือ?!

หยาวตันตันได้ฟังคำพูดของฉันแล้วก็รู้สึกหวาดผวา แต่เห็นได้ชัดว่าเพื่อนอีกสองคนของเธอยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงให้คนหนึ่งอยู่หน้า คนหนึ่งอยู่ขวา อีกคนอยู่ซ้ายขวางทางฉันเอาไว้: “ซูยุ่นใช่มั้ย?”

สองคนพุ่งเข้ามาด้วยท่าทีดุดัน แต่ฉันไม่อยากให้มีเรื่องขึ้นในงานเช่นนี้ จึงได้แต่ยกชื่อ

ลู่จือสิงออกมา: “สามีรอฉันอยู่ทางนั้น รบกวนคุณทั้งสองช่วยหลบทางให้หน่อยนะคะ”

“ถ้าพวกเราไม่หลบให้ล่ะ เธอจะทำอย่างไร?”

ผู้หญิงที่ใส่เดรสสีเหลืองพูดพร้อมกับยักคิ้วทำหน้ายั่วยุใส่ฉัน พอเธอพูดจบ ผู้หญิงอีกคนในชุดเดรสสีม่วงก็พูดต่อว่า: “ซูยุ่น เธอนึกว่าแต่งให้ลู่จือสิงแล้ว เธอก็ราวกับได้บินไปอยู่บนกิ่งไม้จริงๆ แล้วงั้นหรือ? เธอก็เป็นได้แค่เพียงคนที่ออกมาจากตรอกซอยเล็กๆ เท่านั้นล่ะ!”

ใครๆ ก็รู้ว่าตรอกซอยเล็กๆ ในเมือง A เป็นพื้นที่ของคนยากจน ฉันไม่อาจที่จะโต้แย้งถ้อยคำของพวกเธอได้ แล้วก็ไม่มีอะไรมาหักล้างได้ แม้ว่าตัวฉันจะมีภูมิหลังที่ไม่ดี แต่ฉันก็ไม่คาดคิดว่านี้จะกลายมาเป็นจุดให้พวกเธอวิพากษ์วิจารณ์ฉันได้

“ทุกคนเขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าเธอต้องการอะไรถึงแต่งเข้าบ้านสกุลลู่ เธอมีอะไรมาเทียบได้ ซูยุ่น ตันตันต่างหากถึงจะเป็นคนของบ้านสกุลลู่อย่างแท้จริง!”

ฉันไม่พูดอะไรออกมาซักคำ แต่พวกเธอกลับพูดอะไรออกมาเยอะมาก

ผู้คนรอบข้างจำนวนไม่น้อยชะโงกหน้ามามุงดูเหตุการณ์ แต่วันนี้เป็นวันมงคลฉันไม่อยากก่อเรื่องให้มันวุ่นวายแม้แต่น้อย

ขณะที่ฉันกำลังคิดว่าจะออกจากคนกลุ่มนี้อย่างไรดี ลู่จือสิงก็เดินเข้ามา: “มีอะไรหรือ?”

เขาโอบฉันไว้ในอ้อมกอด ก้มศีรษะมองฉันครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเงยหน้ามองหยาวตันตันด้วยสายตาที่เย็นชา

หยาวตันตันกลัวลู่จือสิงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พอลู่จือสิงเดินมา เธอก็หงอทันที: “ไม่มีอะไรค่ะคุณลุง พวกเราแค่อยากจะชนแก้วกับคุณป้าเท่านั้นเองค่ะ”

ถ้าจะบอกว่าคนที่ดูสีหน้าคนเก่งที่สุด ก็มีเพียงหยาวตันตันเท่านั้นจริงๆ

ฉันรู้สึกว่าลู่จือสิงอารมณ์ไม่ดี จึงรีบยื่นมือไปกอดเขา: “คุณบอกว่าคุณหิวไม่ใช่หรือคะ? ฉันเลือกของที่คุณชอบทานมาสองสามอย่างเลยนะคะ”

เขามองลงมาที่ฉัน หยาวตันตันเหมือนจะรู้สถานการณ์ จึงพาเพื่อนสองคนของเธอเดินออกไป

“พวกเขาพูดอะไรกับเธอ?”

ฉันจูงเขามายังที่ที่ดูไม่ค่อยมีคน จากนั้นก็ยื่นขนมอบส่งให้เขา

เขามองอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่รับมา ฉันรู้ว่าเวลานี้เขาหิวแล้วจริงๆ จึงเอาส้อมจิ้มให้เขาชิ้นหนึ่ง: “ไม่ได้พูดอะไรค่ะ”

ฉันไม่ใช่หยาวตันตันซักหน่อย แค่คำพูดไม่กี่คำก็ยุให้ระเบิดได้ง่ายๆ แล้ว

เขามองฉัน ไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด

ฉันรู้สึกขำ จึงเอาขนมใส่เข้าปากเขา: “ไม่มีอะไรจริงๆ คะ ทานเถอะ”

“ประธานลู่”

ลู่จือสิงโชคไม่ดีเอาซะเลย เพิ่งจะได้ทานขนมไปแค่สองชิ้น ก็มีคนมาทักทายอีกแล้ว

ฉันรีบถอนมือกลับ ไปยืนข้างกายเขาแล้วยิ้มบางๆ ให้คนที่มาทักทาย

งานประชุมประจำปีเป็นงานที่เหน็ดเหนื่อยสำหรับคนระดับสูง โดยเฉพาะระดับสูงอย่าง

ลู่จือสิง

ในฐานะที่ฉันเป็นภรรยาของลู่จือสิง หลังผ่านไปหนึ่งคืนฉันก็เหนื่อยแล้ว โชคยังดีที่ลู่จือ

สิงดึงดันขอออกจากงานก่อนเวลา พอขึ้นรถฉันก็รีบถอดรองเท้าออกทันที

ลู่จือสิงคลายเนคไทออก จากนั้นก็ก้มตัวลงมายกเท้าทั้งสองข้างของฉันมาวางไว้บนต้นขาเขา

ฉันตกใจ: “คุณทำอะไรคะ?”

ลู่จือสิง เขาเป็นเพียงสามีของฉันเท่านั้น เราสองคนเป็นสามีภรรยาที่เรียบง่ายธรรมดาคู่หนึ่ง

ไอน้ำร้อนลอยขึ้นมา ดวงตาฉันเปียกชื้นหน่อยๆ ฉันไม่กล้าให้ลู่จือสิงเห็น จึงก้มศีรษะมองผิวน้ำ: “กำลังดีเลยค่ะ”

แช่เท้าเสร็จฉันจึงไปอาบน้ำ พอออกมาก็รู้สึกว่าทั้งตัวมีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้ว

หลังจากที่ลู่จือสิงนวดเท้าให้ น่องของฉันก็ไม่ปวดเหนื่อยมากขนาดนั้นแล้ว คืนนี้ฉันนอนหลับดีกว่าที่คิดไว้เสียอีก

ตั้งแต่คุณปู่จากไปจนกระทั่งตอนนี้ ลู่จือสิงยุ่งไปกับเรื่องต่างๆ ทำให้คำติดปากว่า “หย่าร้าง” สองคำนี้จึงยังไม่ได้พูดออกมาจากปากฉันเสียที

ลู่จือสิงในคืนนี้ทำให้ฉันยิ่งไม่รู้ว่าจะพูดออกมาอย่างไรดี

วันต่อมาลู่จือสิงส่งฉันไปทำงาน ฉันรู้ว่าเดี๋ยวนี้ตัวเองกลายเป็นบุคคลมีชื่อเสียงขึ้นมาเพราะเรื่องพินัยกรรมของคุณปู่ สื่อหลายแห่งต่างประโคมข่าวว่าฉันเป็นตัวอย่างของคนที่แต่งงานเข้าตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพล

โชคดีที่เพื่อนร่วมงานที่สนิทกันไม่ค่อยสนใจกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ และฉันก็ยังคงมีงานอยู่ในมือเหมือนเดิม

“ซูยุ่น คุณชวี่มาพบเธอ”

สองเดือนกว่าแล้วที่ไม่ได้เจอหน้าชวี่ชิงหนาน ฉันก็เกือบจะลืมเขาไปแล้ว ตอนนี้มาได้ยินผู้จัดการบอกว่าเขามาพบฉัน ฉันรู้สึกปลาบปลื้มใจเล็กน้อย รีบเดินไปที่ห้องรับรองแขกทันที: “คุณชวี่”

สองเดือนกว่าที่ไม่ได้เจอกัน ชวี่ชิงหนานยังเหมือนเดิมทุกประการ: “ไม่เจอกันนานเลยนะครับ ซูยุ่น”

ฉันยิ้มๆ แล้วก็ก้มศีรษะเล็กน้อย: “คุณชวี่มาที่บริษัทของพวกเราเพราะมีโครงการอะไรหรือเปล่าคะ?”

“คุณยังคงตรงไปตรงมาแบบนี้ ใช่ครับ ในมือผมมีโครงการที่อยากจะให้คุณทำครับ ครั้งที่แล้วคุณทำออกมาได้ดีมาก ผมก็ชอบมากเช่นกันครับ ดังนั้นโครงการในครั้งนี้จึงอยากให้คุณมารับช่วงเช่นเคยครับ”

เขาให้เกียรติฉันขนาดนี้ ฉันย่อมไม่ปฏิเสธแน่นอน: “คุณชวี่ให้เกียรติฉันขนาดนี้นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของฉันเลยค่ะ”

ในเวลางานพวกเราคุยงานกันอย่างเป็นทางการ จากนั้นชวี่ชิงหนานก็กลับไปอย่างรวดเร็ว

แล้วฉันก็ถูกผู้จัดการเรียกไปรับเอกสารโครงการอย่างรวดเร็ว ในเวลาต่อมาฉันก็เริ่มงานยุ่งอีกครั้ง

โครงการนี้นับเป็นความท้าทายอันยิ่งใหญ่ หลังจากที่ฉันได้รับเอกสารก็ยุ่งกับโครงการนี้มาตลอด แต่ไม่คิดว่าเรื่องของฉันกับชวี่ชิงหนานจะกลับตาลปัตรไปซะได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้