การแถลงข่าวถูกกำหนดไว้ตอนสิบโมงเช้า และฉันได้รับเชิญในเช้าวันนี้ให้ไปที่เฟิงเหิงพร้อมกับลู่จือสิง
ระหว่างทางฉันรู้สึกได้ว่าผู้คนที่อยู่รอบข้างมองฉันอย่างไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
“ดื่มน้ำไหมครับคุณนายลู่”
หลี่จื้อคู่ควรกับการเป็นเลขาของลู่จือสิงจริงๆ ทั้งที่เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้เขายังรับมือได้อย่างสุขุมและรู้ว่าควรปฏิบัติต่อฉันอย่างไร
“ประธานลู่วางแผนทุกอย่างไว้แล้ว คุณนายลู่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องข่าวลือในบริษัท ในวันจันทร์หน้าท่านประธานจะเรียกประชุมเพื่อจัดการกับพวกเขาเอง”
ฉันชะงักไปนิดหนึ่งและเริ่มกังวลใจนิดหน่อยเมื่อได้ยินเขาบอกแบบนั้น “เรื่องของฉันส่งผลกระทบต่อเฟิงเหิงอย่างมากจริงๆ ใช่ไหม”
“คุณนายลู่ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ประธานลู่จะจัดการเรื่องนี้เอง”
หลี่จื้อตอบอย่างออมคำ เขาไม่ยอมเปิดเผยความลับอะไรออกมาเลย แต่ฉันพอจะเดาได้ว่ายิ่งอยากเก็บเป็นความลับมากเท่าไหร่ ยิ่งแสดงให้เห็นว่าการแก้ไขเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
ไม่นานลู่จือสิงก็กลับมา เขาเหลือบมองหลี่จื้อนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยกับฉันว่า “นักข่าวเริ่มมาถึงบ้างแล้ว เราออกไปกันเถอะ”
ฉันลุกขึ้นและเดินไปข้างๆ ลู่จือสิง เขายื่นมือมากุมมือฉันแล้วพูดว่า “ซูยุ่น หลังจากนี้ไม่ว่าฉันจะพูดอะไร เธอแค่พยักหน้าก็พอ ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามอะไรทั้งนั้น”
ฉันคิดว่าลู่จือสิงคงประกาศให้รู้ไปแล้วจึงไม่ได้พูดอะไร “ฉันเข้าใจละ”
เมื่อไปถึงสถานที่แถลงข่าวก็พบว่ามีสื่อมวลชนจำนวนมาก รวมถึงสื่ออิสระอีกจำนวนไม่น้อยมาคอยอยู่แล้ว สถานที่จัดงานชั่วคราวนี้จึงมีผู้คนอยู่อย่างหนาแน่น
แม้ว่าข้างหน้าเราจะมีโต๊ะและเก้าอี้วางอยู่ แต่ลู่จือสิงกับฉันก็เลือกที่จะไม่นั่ง
ไมโครโฟนถูกส่งมาที่มือของฉันกับลู่จือสิง และการแถลงก็เริ่มต้นขึ้น
ลู่จือสิงเริ่มพูดอย่างตรงประเด็น “ผมเชื่อว่าทุกคนรู้ว่าทำไมผมจึงเชิญเพื่อนๆ สื่อมวลชนมาในวันนี้ เมื่อวานภรรยาของผมและท่านรองประธานแห่งบริษัทป๋ายเล่อถูกปล่อยข่าวลือออกไปเป็นวงกว้าง ผมเป็นตัวแทนเพื่อบอกว่า ในคืนนั้นผมเองก็อยู่ในเหตุการณ์ ภรรยาของผมรู้สึกไม่สบาย ผมจึงขอให้คุณชวี่พาเธอไปส่งที่โรงพยาบาล หากมีการให้ข้อมูลเท็จอื่นใดนอกจากนี้ ตัวแทนของเราจะดำเนินการตามกฎหมาย”
ทันทีที่ลู่จือสิงพูดจบก็มีคนถามขึ้นมาอย่างใคร่รู้ว่า “ประธานลู่ คุณบอกว่าคืนนั้นภรรยาของคุณไม่สบาย แล้วคุณก็อยู่ที่นั่นด้วย ถ้างั้นทำไมคนที่ไปส่งคุณนายลู่ถึงเป็นคุณชวี่แทนที่จะเป็นคุณล่ะ”
ทันใดนั้นก็มีอีกคนถามแทรกขึ้นมาและคนอื่นๆ ก็ถามกันอย่างดุเดือดมากขึ้น “ยิ่งไปกว่านั้นคืนนั้นเสื้อผ้าของคุณนายลู่หลุดลุ่ยไม่เรียบร้อย เสื้อผ้าของคุณชวี่เองก็ไม่เรียบร้อยเหมือนกัน ในอินเตอร์เน็ตมีคนบอกว่าเห็นประธานลู่เดินออกมาจากโรงแรมอย่างหัวเสีย เลยอยากจะถามว่า จริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ประธานลู่จึงโกรธแล้วออกไป ปล่อยภรรยาที่กำลังไม่สบายไว้ที่นั่น”
“เท่าที่ผมรู้มา ประธานลู่ไม่ได้ไปเยี่ยมคุณนายลู่เลยหลังจากที่เธอเข้าโรงพยาบาล มีแค่คุณชวี่ที่ไปเยี่ยม รบกวนประธานลู่ช่วยอธิบายเรื่องนี้ด้วยครับ”
“...”
ยิ่งถามคำถามก็ยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ ฉันเกือบจะตอบออกไปแล้ว แต่ลู่จือสิงเอื้อมมือมาห้ามไว้ก่อน
ฉันหันไปมองเขาอย่างไม่เข้าใจ เขาส่ายหน้าให้ฉัน จากนั้นจึงหันไปมองนักข่าวด้านล่างเวที “คืนนั้นที่ผมโกรธแล้วออกมาก็เพราะตอนนั้นภรรยาของผมสัญญาว่าจะกลับบ้านก่อนสามทุ่มครึ่ง แต่เธอก็ไม่ทำตามสัญญา แถมสภาพร่างกายยังแย่มากๆ ก่อนจะออกไปผมเลยไหว้วานให้คุณชวี่พาเธอไปส่งที่โรงพยาบาล และสาเหตุที่ผมไม่ไปโรงพยาบาลเลยก็เพราะว่าผมโกรธมาก ตอนนั้นผมคิดแค่ว่าอยากจะให้บทเรียนกับภรรยาบ้าง อยากให้เธอดูแลตัวเองให้ดีกว่าเดิม ลืมไปเลยว่าตอนนั้นสุขภาพของเธอไม่ดี แถมยังมีไข้สูงจนเป็นลมไป”
ฉันตกใจที่ได้ยินเขาพูดอย่างคนที่ยอมรับความผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว
ไม่ว่าจะถูกหรือผิด ยังไงเขาก็ไม่ควรต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เพียงคนเดียว!
ฉันไม่คิดอะไรอีก แล้วหยิบไมโครโฟนขึ้นมาพูด “ไม่ใช่อย่างนั้น! มันเป็นเพราะฉัน...”
“ซูยุ่น!”
ลู่จือสิงรีบฉวยไมโครโฟนไปจากมือฉัน สีหน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้น ฉันจ้องมองเขาตรงๆ “ลู่จือสิง ฉันเองก็ผิดเหมือนกัน คุณไม่ควรรับผิดชอบเรื่องนี้เพียงคนเดียว!”
กลิ่นเหม็นของไข่เน่าทำลายบรรยากาศจนหมด ฉันทนไม่ไหวจึงผลักเขาออกไป “เหม็นจะตาย อย่ามาจูบฉัน!”
ลู่จือสิงขบริมฝีปากของฉันนิดหนึ่งก่อนจะผละออก “ซูยุ่น ลาออกนะ ฉันจะดูแลเธอเอง หรือจะมาทำงานที่เฟิงเหิงก็ได้”
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ฉันคงลังเลว่าจะลาออกดีไหม แต่ตอนนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องลังเลอีกแล้ว
ในชีวิตคนเรามักมีทางเลือกที่ยากลำบากผ่านเข้ามามากมาย ฉันสามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดในขณะนั้นได้ เช่นเดียวกับตอนนี้... ในที่สุดเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ทำให้ฉันเข้าใจแล้วว่าลู่จือสิงกับฉันคือหนึ่งเดียวกัน และการที่ฉันไม่ไปทำงานที่เฟิงเหิงก็กำลังสร้างความยุ่งยากให้กับเขา
“ก็ได้” ฉันตอบด้วยรอยยิ้มก่อนจะผลักเขาออกอย่างรังเกียจ “คุณรีบไปอาบน้ำดีกว่า ไม่เห็นเหม็นหรือไง? หือ...”
ทันทีที่ฉันพูดจบเขาก็ดึงฉันเข้าหา “ไปอาบด้วยกัน!”
อยู่ๆ เขาก็แบกฉันขึ้นไว้บนบ่า ฉันคิดว่าเขาบ้าไปแล้วจึงรีบตีเขาทันที “อย่าทำอย่างนี้สิคุณ รีบปล่อยฉันลงเลยนะ!”
ลู่จือสิงไม่พูดอะไร เขาพาฉันเข้าไปในห้องห้องอาบน้ำที่อยู่ภายในห้องนั่งเล่น ปล่อยฉันลงและดันฉันไปติดผนังก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดฝักบัว
น้ำไหลลงมาบดบังสายตาของฉันจนพร่ามัว มือทั้งสองข้างถูกดึงมาวางไว้บนหน้าอกของเขา
เขาโน้มศีรษะลงมาแนบชิดที่ข้างหูของฉัน กระซิบด้วยเสียงทุ้มต่ำอย่างเย้ายวนว่า “ช่วยถอดเสื้อผ้าให้ฉันทีสิ”
ตัวฉันแข็งทื่อ ลังเลอยู่ชั่ววินาทีก่อนจะค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาด้วยมือที่สั่นเทา
“ลู่จือสิง...”
เขาค่อยๆ จูบฉันอย่างไม่รีบร้อนจนฉันรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว ฉันกอดเขาแน่นขึ้นอย่างอดใจไม่ไหว จากนั้นเขาจึงดึงฉันเข้าไปแนบชิดแล้วเริ่มขยับเอวเข้ามา...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้