หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 69

ฉันไม่คิดว่าลู่จือสิงจะทำตัวเหมือนเด็กแบบนี้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะจงใจทำให้เกิดรอยจูบที่คอฉันเพียงเพื่อจะให้ชวี่ชิงหนานเห็น

เขาไม่รู้สึกขายหน้าแต่ว่าฉันรู้สึก...

แต่พอเห็นว่าเขาประหม่าถึงขนาดนี้ ฉันกลับรู้สึกหวานชื่นขึ้นมาในใจ

อันที่จริงการทำหน้าที่เลขาให้ลู่จือสิงนั้นมีงานต้องทำเยอะมาก หลี่จื้อดูแลฉันอย่างดี และแม้ว่าฉันเพิ่งเริ่มงานวันแรก แต่กลับมีเอกสารที่ต้องอ่านและมีใบคำร้องที่ต้องตรวจสอบอยู่อีกมาก

หลี่จื้อยุ่งกว่าฉันมาก เขาเพิ่งบอกให้ฉันจัดการเรื่องการเดินทางไปทำธุระต่างๆ ของลู่จือสิงอย่างละเอียดแล้วจึงกลับไปสะสางกองงานของตัวเองต่อ

วันนี้เพิ่งเป็นวันอังคาร แต่ในบันทึกรายการควรรู้ที่หลี่จื้อให้ฉันไว้เขียนว่าควรจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ มิฉะนั้นอาจเกิดความผิดพลาดได้ง่ายหากมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น

หลี่จื้อจองตั๋วเครื่องบินไว้แล้ว แต่เมื่อเปลี่ยนให้ฉันไปแทน ฉันจึงนึกได้ว่าต้องรีบโทรจองตั๋วเครื่องบินให้ตัวเอง

ทันทีที่ฉันจองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาที่แผนกต้อนรับ แจ้งว่าประธานจางจากบริษัทลู่หยวนมาถึงแล้ว ฉันจำได้ว่าลู่จือสิงสั่งให้รั้งประธานจางไว้ก่อนเป็นเวลายี่สิบนาที ฉันจึงบอกพนักงานต้อนรับไป

ฉันให้เขารอในห้องเล็กๆ ที่จัดไว้และยกกาแฟพร้อมของกินเล่นมาเสิร์ฟ จากนั้นจึงตั้งใจถอยออกมาเพื่อรอให้เวลาผ่านไป

“เดี๋ยวก่อน เลขาซู!”

ฉันหยุดเดิน ไม่คิดว่าประธานจางจะเรียกฉันไว้อีก “ประธานจาง ไม่ทราบว่าคุณมีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่าคะ”

ประธานจางมองฉันยิ้มๆ “เลขาซู ฉันอยากถามว่าประธานลู่กำลังทำอะไรอยู่”

เห็นได้ชัดว่าคนคนนี้กำลังหลอกถามฉัน รอยยิ้มบนใบหน้าของฉันจางลงเล็กน้อยก่อนจะตอบเลี่ยงๆ ไปว่า “ต้องขออภัยจริงๆค่ะท่านประธานจาง ช่วงนี้ประธานลู่มีงานเยอะมาก ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าท่านทำอะไรอยู่ ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอกลับไปทำงานต่อก่อนนะคะ”

ดูเหมือนเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างฉันจึงรีบปลีกตัวไปก่อน

ปล่อยให้ประธานจางรอจนเวลาผ่านไปประมาณยี่สิบนาที ฉันจึงลุกไปเคาะประตูห้องทำงานของลู่จือสิง “เข้ามา”

แม้จะบอกไปก่อนนี้แล้ว แต่ประธานจางมองฉันอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้นัก ฉันจึงไม่ได้เข้าไป แต่ “เตือน” เขาว่า “ประธานลู่คะ คุณว่างแล้วหรือยัง ประธานจางมารอนานแล้ว”

“อืม”

ลู่จือสิงตอบอย่างเฉยเมย ประธานจางเองเมื่อได้ยินจึงลุกขึ้นเดินมาหาโดยที่ฉันยังไม่ทันพูดอะไร “ขอบคุณคุณมากเลขาซู”

ฉันยิ้มให้เขาตามมารยาทและเปิดประตูให้เข้าไป

ระหว่างกลับบ้านในตอนเย็นฉันจึงถามลู่จือสิงว่าทำไมต้องให้ประธานจางรอด้วย ลู่จือสิงทำเสียงฮึอย่างเย็นชา “เธอจำได้ไหมตอนเกิดเรื่องคืนนั้นใครเป็นคนส่งไวน์ให้เธอ”

เรื่องนี้ผ่านมาสามเดือนเกือบจะสี่เดือนแล้ว ทว่าฉันยังจำหลายๆ อย่างได้ แต่ตอนนั้นฉันลงจากเวทีโดยไม่ได้ใส่ใจอะไร

แต่ลู่จือสิงถามแบบนี้แสดงว่าต้องมีเจตนาบางอย่าง ฉันนิ่งคิดนิดหนึ่งก็เข้าใจทันที “ใช่ลูกสาวของประธานจางหรือเปล่า”

“อืม”

ลู่จือสิงเพียงแค่ตอบรับสั้นๆ

ฉันไม่คิดว่าเขาปล่อยให้ประธานจางรอเพราะเรื่องนี้ พอนึกขึ้นมาฉันก็อดกังวลไม่ได้ “แบบนี้จะมีผลกระทบต่อโครงการของบริษัทไหม”

“เฟิงเหิงไม่ได้ด้อยไปกว่าบริษัทของเขา”

แม้น้ำเสียงของลู่จือสิงจะดูอวดดีแต่เขาก็พูดถูก ก่อนเลิกงานฉันดูข้อมูลบริษัทของประธานจาง เทียบกับเฟิงเหิงแล้วระดับยังห่างไกลกันมาก

ฉันหันไปมองลู่จือสิง แม้ว่าเขาจะดูบึ้งตึงและหยิ่งยโสจนน่าหมั่นไส้ แต่สิ่งที่เขาทำกลับทำให้ฉันหัวใจของฉันอบอุ่นเสมอ

เมื่อรถหยุดติดไฟแดงฉันจึงฉวยโอกาสที่ลู่จือสิงไม่ทันตั้งตัวชะโงกไปจูบที่แก้มของเขาอย่างรวดเร็ว

ทว่าก่อนที่ฉันจะถอนจูบ ลู่จือสิงก็เอื้อมมือมารั้งฉันไว้และจุมพิตลงมาอย่างดูดดื่ม

ไม่คิดว่าปีนี้ฉันจะอ้วนขึ้นจนทำให้หน้าอกใหญ่ขึ้น ปกเสื้อตรงเนินอกจึงเผยออกง่าย แต่มันก็ไม่ได้โป๊อะไรเพราะถึงอย่างไรฉันก็ปลดกระดุมไว้เพียงเม็ดเดียวเท่านั้น

“รีบไปเปลี่ยนซะ!”

ลู่จือสิงดันหลังฉันอีกครั้งจนฉันเริ่มเป็นเดือดเป็นร้อน “ไม่เปลี่ยน! ฉันไม่ได้โชว์หน้าอกเสียหน่อย ใจคุณมีแต่เรื่องสกปรกโสมม คิดแต่เรื่องลามก!”

ลู่จือสิงตอกกลับว่า “เธอคิดว่าเถ้าแก่อ้วนๆ พวกนั้นจะมีคุณธรรมสูงอย่างเธอหรือไง”

ฉันโกรธจนตัวสั่น ทว่าอยู่ๆ เขาตรงเข้ามาอุ้มฉัน เดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องนอน “เปลี่ยนเสื้อซะ!”

“ฉันมีแค่เสื้อตัวนี้ ถ้าเปลี่ยนแล้วคุณจะให้ฉันใส่อะไร?!”

ลู่จือสิงหน้าตึงขึ้น หลังจากนั้นก็ยื่นเสื้อยืดสีขาวตัวหนึ่งในตู้เสื้อผ้าให้ฉัน “ใส่นี่ไปก่อน เดี๋ยวฉันจะซื้อให้เธอใหม่สามสิบชุดครบทั้งเดือนเลย!”

ฉันไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “นี่มันเป็นการจับคู่ชุดที่แย่มาก มีใครที่ไหนใส่กระโปรงรัดรูปสีดำกับเสื้อยืดบ้าง?!” รสนิยมของผู้ชายตรงหน้าทำให้ฉันชื่นชมไม่ลง!

ลู่จือสิงไม่สนใจฉันเลยสักนิด “ไปเปลี่ยนเสื้อได้แล้ว ไม่งั้นวันนี้เธอก็ไม่ต้องไปทำงาน!”

“คุณคงไม่ทำให้ฉันลำบากหรอกใช่มั้ย?!”

จะมีใครบ้างที่ไปทำงานแค่วันเดียวก็ขาดงานเลย แม้ว่าจะเป็นภรรยาของเจ้านายพนักงานก็คงเอาไปพูดกันแน่

“เธอจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน”

ฉันรู้ว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์จึงยอมแพ้ “ก็ได้ ฉันจะเปลี่ยน พอใจยัง!”

เพื่อให้เข้ากับเสื้อยืดสีขาวฉันจึงเปลี่ยนไปใส่กางเกงสีดำ แต่เมื่อออกมา ลู่จือสิงก็พูดคำคำหนึ่งทำให้ฉันแทบจะกระอักเลือด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้