หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก นิยาย บท 1

“หม่ำ ๆๆ”

“กินสิ พี่หญิง เหตุใดท่านถึงไม่กินเล่า?”

ภายในห้องลับที่มืดสลัว เวินซื่อบาดเจ็บไปทั่วทั้งร่าง นอนคว่ำอยู่บนพื้นหายใจรวยริน โซ่เหล็กบนตัวนางส่งเสียงดังเคร้ง รัดคอและแขนขาของนางไว้ จนทำให้นางสลัดไม่หลุด

เบื้องหน้าของนางมีดรุณีน้อยสวมชุดสีเหลืองอ่อนถืออาหารสุนัขไว้ในมือ หยอกล้อนางราวกับกำลังหยอกสุนัขก็มิปาน

ส่วนดรุณีน้อยที่ยิ้มแย้มราวกับบุปผาผู้นี้คือน้องสาวของนาง...เวินเยวี่ย

เวินเยวี่ยเอ่ยกับสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังอย่างไม่พอใจว่า “ดูสิ พี่หญิงของข้าช่างไร้ประโยชน์เสียจริง แม้แต่สุนัขก็ยังเป็นให้ดีไม่ได้ คุณหนูอย่างข้าป้อนให้นางกินด้วยตัวเอง นางยังกล้าไม่กินอีกหรือ?”

สาวใช้ก้าวเข้ามาเตะคนที่อยู่บนพื้นทันที

เตะจนคนร้องคราง สาวใช้ถึงค่อยเอ่ยเอาใจเวินเยวี่ยว่า “คุณหนูอย่าไปโต้เถียงกับนางเลยเจ้าค่ะ เกรงว่าสุนัขตัวนี้ยังคงคิดว่าตนเองเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของจวนกั๋วกง”

เวินเยวี่ยหัวเราะเยาะ “เวินซื่อนับว่าเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของประเภทไหน? แม้แต่ท่านพ่อกับพวกท่านพี่ก็ไม่ยอมรับนางแล้ว การได้เป็นสุนัขก็นับว่าเป็นเกียรติที่คุณหนูอย่างข้ามอบให้นาง”

“น่าเสียดายที่ไม่รู้จักเจียมตัว”

หลังจากที่เอ่ยคำพูดประโยคนี้อย่างเย็นชา เวินเยวี่ยก็เอาเท้าข้างหนึ่งเหยียบบนมือของเวินซื่อแล้วขยี้อย่างแรง

บดขยี้จนกระดูกมือดังกรอบแกรบ บดขยี้จนเวินซื่อร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด

“เวินซื่อ คุณหนูอย่างข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย มอบหยกแขวนชิ้นนั้นมาเสีย!”

“เหอะ...เหอะ ๆ...”

เวินซื่อที่มีสติเลือนรางเล็กน้อยได้ยินคำพูดประโยคนี้ ในที่สุดก็มีปฏิกิริยาเล็กน้อย

นางหัวเราะออกมาอย่างอ่อนแรงสองครั้ง “เวินเยวี่ย เจ้ามันคิดเพ้อฝัน...”

นั่นเป็นของสิ่งเดียวที่ท่านแม่ทิ้งไว้ในนาง ต่อให้ตาย นางก็ไม่มีทางมอบให้เวินเยวี่ยเป็นอันขาด

“นังแพศยา เจ้ามันรนหาที่ตาย!”

เวินเยวี่ยโกรธจนดวงตาแทบลุกเป็นไฟ

ในเวลานี้เอง ประตูห้องลับถูกคนเปิดออกจากด้านนอก ก่อนจะมีหลายร่างเดินเข้ามา

เวินเยวี่ยหันหน้าไปเห็นคนเดินมา นางก็เอาอาหารสุนัขไว้ยัดไว้ในอกของสาวใช้ทันที สีหน้าเหมือนเล่นกลก็ไม่ปาน กลับมาเป็นท่าทางบริสุทธิ์น่ารักในพริบตา ก่อนจะโถมตัวเข้าใส่ผู้ที่มาอย่างมีความสุข...

“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม พี่สี่!”

“พวกท่านมาได้อย่างไร?”

คนที่เข้ามาทั้งห้าคนคือเจิ้นกั๋วกงแห่งราชวงศ์ต้าหมิงกับบุตรชายทั้งสี่คนของเขา

เนื่องจากเจิ้นกั๋วกงเกิดมามีรูปร่างสูงใหญ่ รูปโฉมโดดเด่น

บุตรชายทั้งสี่คนของเขาก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากเขาเช่นเดียวกัน แต่ละคนไม่เพียงมีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาก็ยังหล่อเหล่าสง่างามมาก บุคลิกไม่ธรรมดา

อีกทั้งมีนิสัยของเจิ้นกั๋วกงไม่มากก็น้อย แต่ละคนถ้าไม่มีสีหน้าเย็นชา ก็มีสีหน้าชั่วร้าย

แต่สิ่งที่เป็นข้อยกเว้นคือ เมื่อเวินเยวี่ยใช้เสียงออดอ้อนเรียกขานพวกเขา คนที่ดูเหมือนเย็นชาไร้ความรู้สึกเหล่านี้กลับเปลี่ยนสีหน้า

เวินจื่อเฉินผู้เป็นพี่ชายคนรองมองเวินซื่อที่อยู่บนพื้นด้วยสายตาดูแคลน ก่อนจะเอ่ยปากถามว่า “น้องหก เป็นอย่างไรบ้าง นางมอบหยกแขวนที่ขโมยไปจากเจ้าแล้วหรือยัง?”

ไม่ได้ขโมย!

นางไม่ได้ขโมยนะ!

นั่นเป็นหยกแขวนของนาง!

“เฮ้อ ยังเจ้าค่ะ!”

เวินเยวี่ยถอนหายใจโดยใช้น้ำเสียงที่ผิดหวังอย่างยิ่ง แล้วเอ่ยอย่างน้อยอกน้อยใจว่า “พี่ห้ารู้อยู่แก่ใจว่านั่นเป็นของสำคัญที่สุดของข้า เป็นของที่ระลึกเพียงหนึ่งเดียวที่ท่านแม่ของข้าทิ้งไว้ให้ข้า แต่เมื่อครู่นี้ไม่ว่าข้าขอร้องนางอย่างไร นางก็ไม่ยอมคืนให้ข้าเลย”

“ข้าไม่รู้แล้วจริง ๆ ว่าควรทำอย่างไรดี”

เวินเยวี่ยเอ่ยถึงตอนสุดท้าย เสียงก็สั่นเครือเล็กน้อย ราวกับอยากจะร้องไห้

พวกเวินจื่อเฉินฟังแล้วปวดใจอย่างยิ่ง

“เวินซื่อ ข้าผิดหวังในตัวเจ้าเหลือเกินจริง ๆ”

เวินจื่อเฉินเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว

เวินจื่อเยวี่ยผู้เป็นพี่ชายคนที่สามซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตูก็ทำหน้าเย็นชาในพริบตา ในมือเผยให้เห็นมีดคมกริบ

“ในเมื่อปากแข็งถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็ตัดมือของนาง ตัดข้างหนึ่ง ถามหนึ่งครั้ง หากไม่ยอมพูดตลอดก็ตัดมือและเท้าของนางให้หมด กล้าขโมยสิ่งของของน้องหก ข้าจะดูว่ากระดูกของเวินซื่อจะแข็งเหมือนปากของนางหรือเปล่า!”

“ไม่จำเป็นต้องตัดมือแล้ว”

เวลานี้เอง เวินฉางอวิ้นผู้เป็นพี่ชายคนโตเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “มีคนเห็นเวินซื่อเหมือนรีบร้อนกลืนสิ่งของลงท้องก่อนที่จะโดนจับตัวกลับมา”

เวินซื่อตกใจในพริบตา แววตาดูตื่นตระหนก

พวกเวินจื่อเฉินเห็นฉากนี้ก็พากันเข้าใจทันที

เวินจื่อเฉินด่าทออย่างเกรี้ยวกราดว่า “เวินซื่อ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? เจ้ายอมกลืนลงท้องทั้งเป็น แต่ไม่ยอมนำหยกแขวนของน้องหกคืนให้นาง?!”

นัยน์ตาของเวินซื่อฉายแววความบ้าคลั่งออกมาทันที

บทที่ 1 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก