เวินซื่อที่โซเซจนไปชนกับมุมโต๊ะเครื่องแป้งก็เม้มริมฝีปากแน่น
ชาติที่แล้วนางเสียรู้ในน้ำมือของเวินเยวี่ยไปมากมายถึงเพียงนั้น ตอนนี้แค่เห็นเวินเยวี่ยทำท่าทางเช่นนี้ เวินซื่อก็รู้ว่านางจะเล่นตุกติกอะไรอีกแล้ว
นางหยิบชุดพิธีการที่ร่วงลงพื้นขึ้นมา
“ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าข้าทำอะไรถึงทำให้น้องหกมีปฏิกิริยายกใหญ่เช่นนี้ ไม่สู้รบกวนน้องหกอธิบายให้ข้าเถิด”
“เจ้าทำอะไรไว้เจ้ารู้อยู่แก่ใจ!”
ไม่รอให้เวินเยวี่ยเอ่ยวาจา เวินจื่อเฉินก็ตวาดใส่นางเสียงดุดันก่อน
แววตาของเวินซื่อเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อก่อนนางยังดูไม่ออก ตอนนี้นางรู้สึกว่าเวินจื่อเฉินช่างตาบอดจริง ๆ
อยู่ต่อหน้าต่อตาของเขา ใครทำอะไร ใครไม่ได้ทำอะไร เขามองไม่เห็นเองทั้งนั้น
บางทีต่อให้เห็น เขาก็แค่เชื่อคำพูดของคนผู้เดียว
เวินจื่อเฉินถลึงตามองเวินซื่ออย่างอำมหิตแวบหนึ่งแล้วตบไหล่เวินเยวี่ยเบา ๆ ปลอบโยนด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “น้องหกไม่ต้องกลัวนะ มีเรื่องอะไรก็บอกกับพี่รอง ไม่ว่าอย่างไร พี่รองก็จะตัดสินแทนเจ้าเอง”
ทั้งสองคนมีท่าทางแทบจะใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก
แต่เวินจื่อเฉินกลับเหมือนไม่สังเกตเห็นเลย เขาไม่เก็บงำเลยแม้แต่น้อย
ดวงตาที่เหมือนกับลูกกวางของเวินเยวี่ยแดงระเรื่อ “พี่รอง ขะ...ข้าเจ็บมากเลย”
แต่ไหนแต่ไรมาเวินเยวี่ยก็รู้ว่าจะหลอกล่อพี่รองที่ใจร้อนหัวทึบตรงหน้านี้อย่างไร
นางไม่จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจนมากมาย แค่ใช้สามคำก็เพียงพอที่จะกระตุ้นโทสะของเวินจื่อเฉินแล้ว
เป็นไปตามที่คาดไว้ เมื่อเวินจื่อเฉินเห็นท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจไร้ที่พึ่งของเวินเยวี่ย เขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที
เขานึกได้ว่าเมื่อกี้เวินเยวี่ยสัมผัสชุดพิธีการถึงได้จู่ ๆ ร้องด้วยความเจ็บปวด ดังนั้นเขาพลันปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่างที่เขาคิดไว้สมอง...
“เพียะ!”
ฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าของเวินซื่อ
“ดีมากเวินซื่อ ข้ายังนึกว่าเจ้าตกลงมอบชุดพิธีการให้น้องหกเป็นเพราะกลับตัวกลับใจแล้วเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะจิตใจชั่วช้าถึงเพียงนี้ เล่นตุกติกบนชุดพิธีการ!”
แก้มซ้ายถูกตบจนแสบร้อนทำให้เวินซื่อกัดฟันกรอด ความเคียดแค้นชิงชังพรั่งพรูขึ้นมาในใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
นางจะต้องออกจากสกุลเวินให้ได้
หากอยู่ที่นี่ ไม่ว่านางทำสิ่งใด ทุกคนก็จะเข้าข้างเวินเยวี่ย
มีเพียงออกไปจากสกุลเวิน นางถึงจะมีโอกาสแก้แค้นได้
แต่ว่าก่อนหน้านั้น นางยังต้องทำพิธีปักปิ่นของวันนี้ให้จบ
เนื่องจากยังมีสัญญาหมั้นหมายบัดซบนั่นรอนางอยู่ในพิธีปักปิ่น
ส่วนเรื่องที่เวินจื่อเฉินบอกว่าไม่ให้นางเข้าร่วมพิธีปักปิ่น...
เหอะ ต่อให้เขาเป็นคุณชายรองของจวนกั๋วกง ก็ยังไม่ถึงเวลาที่เขาสามารถตัดสินใจเองได้ในจวนกั๋วกงแห่งนี้
คนทั้งเมืองหลวงต่างรู้ว่าวันนี้จวนเจิ้นกั๋วกงมีบุตรสาวสองคนกำลังจะจัดพิธีปักปิ่น หากนางไม่ปรากฏตัวจะต้องก่อให้เกิดการคาดเดาต่าง ๆ นานาจากภายนอกอย่างแน่นอน
และท่านกั๋วกงผู้นั้นของนางคงไม่ยอมให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น
เวินซื่อหยุดคิดแล้ววางชุดพิธีการลงบนโต๊ะ
“หากพี่รองคิดว่าชุดพิธีการมีปัญหาก็ตรวจสอบได้ตามใจชอบ”
นางไม่อยากสิ้นเปลืองคำพูดกับอันธพาลหูหนวกตาบอดที่เอาแต่วู่วามทำร้ายคนแล้ว
เวินซื่อกล่าวจบก็หันตัวเดินเข้าไปในห้อง ค้นหาชุดสีฟ้าครามเรียบ ๆ ออกมาจากในตู้เสื้อผ้า
ในขณะเดียวกัน เวินจื่อเฉินที่อยู่ข้างนอกยังคงไม่จบไม่สิ้น
“ฮึ ได้สิ ตรวจสอบก็ตรวจสอบ หากข้าพบว่าเจ้าเล่นตุกติกกับชุดพิธีการนี้จริง ๆ เจ้าก็รอข้าจัดการเจ้าอย่างหนักได้เลย!”
ครู่ต่อมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก