"วันนี้แม่ไปพาราวิหคมา" กชนิภกล่าวด้วยความตื่นเต้น
แทนไทเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาค่อยๆยืนขึ้นและเดินไปยังหน้าต่างบานใหญ่ที่สูงจากพื้นจรดเพดานด้วยแววตาที่มองไม่เห็นถึงความหวั่นไหวแม้แต่น้อย "อืม"
จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นจับระหว่างคิ้ว มืออีกข้างจับราวบันได มองลงไปยังเมืองที่พลุกพล่านใต้เท้าของเขา เฉกเช่นราชาที่กำลังวางกลยุทธ์ขั้นสูงด้วยแววตาที่แน่วแน่
"ทำไมแกไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยล่ะ?"
"แล้วยังไง?" เขากล่าวถาม
"แกคงยังไม่รู้ใช่ไหมว่าลูกสะใภ้ของฉันน่าทึ่งแค่ไหน" ยิ่งกชนิภพูด เธอก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นมากเรื่อยๆ ทันทีหลังจากนั้นเธอก็ไม่รีรอที่จะเล่าสิ่งที่พบเห็นให้แทนไทฟังทั้งหมด
เมื่อทางด้านแทนไทฟังแล้วก็รู้สึกรับรู้ได้ มุมปากของเขาโค้งขึ้นแสดงให้เห็นว่าเขาเห็นด้วย
"ทำไมแกถึงได้โชคดีขนาดนั้น? ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันต้องอิจฉาแกมากแน่ๆ" กชนิภกล่าวอีกครั้ง
"อ่อ" เขาตอบกลับเพียงหนึ่งพยางค์ราวกับกลัวดอกพิกุลจะร่วงออกจากปาก
"เด็กคนนี้นี่ ฉันยังไม่ได้ต่อว่าแกเลย บริษัทเมียแกเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ทำไมแกไม่จัดหาคนซื้อห้องต่อเลยล่ะ?" เมื่อพูดประโยคนี้ขึ้น กชนิภเริ่มมีน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
"แม่ก็ไปช่วยแล้วหรอ?"
"แกคิดว่าฉันไปแล้ว แกก็เลยไม่ออกโรงงั้นเหรอ?" เธอกล่าวถาม
"ผมต้องทำงาน กลับไปค่อยคุยอีกที" เมื่อพูดจบ แทนไทก็วางสายและหันมาสนใจหน้าจอคอมพิวเตอร์
......
...
เมื่อรับประทานอาหารเย็นกับพนักงานของพาราวิหคเสร็จ ชัชนันท์ก็ขับรถกลับบ้าน
เธอเตรียมขึ้นไปเล่าเรื่องราววันนี้ให้วันชัยฟัง
เมื่อเดินถึงทางเข้าบันไดก็มีเสียงเยาะเย้ยดังมาจากด้านบน "ทำไมกลิ่นเหล้าแรงขนาดนี้ล่ะ? ชัชนันท์แกคงดื่มเพื่อระบายความเศร้ามาสินะ?"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชัชนันท์ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปที่ชลิตา
ในขณะที่เธอยืนอยู่มุมบันได มือข้างหนึ่งก็จับราวบันไดและมองลงมาที่เธอ สายตาเต็มไปด้วยความดูหมิ่นเหยียดหยาม
เมื่อมองเห็นใบหน้านั้น ชัชนันท์ก็รู้สึกอารมณ์เสียอารมณ์
"แกรู้อะไรมาอีกล่ะ?" ชัชนันท์ตอบกลับอย่างนิ่งๆ
ชลิตายิ้มเยาะเย้ยแล้วเดินไปยังบันไดที่สูงกว่าชัชนันท์หนึ่งขั้นแล้วค่อยๆโน้มตัวลงดมกลิ่นตัวเธออย่างละเอียด
จากนั้นเธอก็ทำท่าทางเอามือปิดจมูกด้วยความรังเกียจแล้วรีบถอยหลัง "อี๋ กลิ่นเหม็นหึ่งเลย ฉันเดาว่าแกต้องดื่มมาหลายขวดสินะ? มีเรื่องทุกข์ใจอะไรล่ะ? ดื่มแล้วรู้สึกดีขึ้นไหม?"
กลิ่นเหล้าที่รุนแรงทำให้ชลิตาคิดว่าตอนนี้ชัชนันท์หมดหวังแล้ว ถ้าไม่งั้นยุ่งขนาดนี้ ชัชนันท์จะดื่มไปทำไม?
เมื่อนึกได้ ชลิตาก็รู้สึกอารมณ์ดีและยิ้มอย่างสบายใจ "ฮ่าๆๆ ฉันจะบอกให้นะ ถ้าหากว่าจัดการไม่ได้ล่ะก็ แกก็ควรจะไปบอกพ่อ ยอมรับว่าตัวเองไร้ความสามารถ ไม่ได้มีอะไรยากเลย"
"ชัชนันท์นะชัชนันท์ แกไม่รู้อะไรตั้งแต่แรกเลยจริงๆหรือ หากบอกพ่อต่อหน้าตั้งแต่วันนั้นจะไม่ดีกว่าหรือ" ชลิตากล่าวอีกครั้ง
"ไม่ใช่ว่าทุกคนจะโง่เหมือนแก" ชัชนันท์พยายามห้ามใจระงับความโกรธของตัวเอง และพูดอย่างใจเย็นว่า "หลีกไป เรื่องของเราเอาไว้ค่อยเคลียร์"
"ทำไมล่ะ? ถูกฉันพูดแทงใจดำเลยรับไม่ได้หรอ? แต่ฉันพูดความจริง คงไม่เข้าหูสินะ?"
เปรียบเทียบท่าทางของทั้งสองคน
เมื่อมองไปที่การแสดงออกของวันชัย ชลิตาก็ยิ่งแน่ใจในความคิดของเขามากขึ้นและตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ!
ในไม่ช้า วันชัยก็นั่งลงบนโซฟาเดี่ยว ในขณะที่ชัชนันท์นั่งอยู่ด้านข้างของชลิตา
"ดูจากท่าทางของพ่อ ชัชนันท์บอกพ่อแล้วใช่ไหม เรื่องที่เธอจะถอนตัว?"
"ชัชนันท์ฉันไม่ได้จะว่าแกนะ ถ้าหากแกรู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถมากพอ แกก็ไม่ควรทำตั้งแต่แรกไหม?"
"โชคดีแค่ไหนที่พ่อเชื่อใจแก มอบโอกาสนี้ให้แกจัดการโดยไม่ลังเล แกตอบแทนพ่อด้วยผลแบบนี้เหรอ?" ชลิตาบ่นพึมพำไม่หยุด พยายามเติมเชื้อเพลิงในกองไฟ ทำให้วันชัยโกรธเคือง
สีหน้าของวันชัยโกรธเคืองมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นเขามองไปยังใบหน้าของชลิตา
"ทำไมพ่อมองตาแบบนั้นล่ะ? หรือว่าตาพูดอะไรผิด?"
"คนที่พ่อควรมองด้วยสายตาแบบนี้คือชัชนันท์ ไม่ใช่ตา" เมื่อพูดจบชลิตาก็เหลือบมองชัชนันท์ด้วยหางตา
แต่ชัชนันท์กลับไม่สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่หยิบน้ำผลไม้ที่ยังไม่ได้เปิดจากโต๊ะรับแขกขึ้นมารินใส่แก้วแล้วค่อยๆจิบ
"เวลานี้แกยังมีอารมณ์ดื่มอีกหรือ? ตอนนี้พาราวิหคตกอยู่สภาวะวิกฤตก็เพราะแกนะ "
"ทั้งหมดอาจจะนำไปสู่ผลกระทบต่อรัตนากรกุลกรุ๊ปของพวกเราได้! แกยังจะดื่มมันลงอีกหรือ? ทำไมพ่อถึงได้มีลูกสาวไร้หัวใจแบบแกได้นะ?" ชลิตากล่าวอย่างไม่พอใจ
วินาทีถัดมา โทรศัพท์มือถือก็ตกลงบนตักของชลิตา ทันทีที่โทรศัพท์ตกใส่เธอ ชลิตาตกใจเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วหันไปมองสายตาพิฆาตของวันชัย "พ่อทำแบบนี้หมายความว่าอะไร?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว
บทที่ 244-339 หาอ่านได้ที่ไหนค่ะ...
คมสันกับขจีจบลงยังไงคะ...