หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 82

"เรื่องนี้จะไม่มีการเจรจาต่อรองอะไรกันอีก ถ้าคุณเป็นคนฉลาดพอก็รีบเซ็นสัญญาหย่านี้ให้ผม สิ่งที่ผมให้คุณนั้นมากพอแล้ว เงินสดห้าร้อยล้านกับคฤหาสน์อีกสองหลัง"

"แต่ถ้าคุณยังไม่ยอมล่ะก็ พวกเราไปเจอกันที่ชั้นศาล และตอนนั้นคุณอาจจะไม่ได้รับอะไรมากมายแบบนี้" วันชัยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย

ก่อนหน้าที่เขาจะแต่งงานกับหทัย พวกเขาได้เซ็นสัญญาการแต่งงานไว้แล้ว

ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลรัตนากรกุลนับว่าเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเขา ไม่ว่าจะเป็นก่อนแต่งงานหรือหลังแต่งงาน เรื่องเหล่านี้จะไม่เกี่ยวข้องกับหทัยแม้แต่น้อย

หากว่ามีการยื่นฟ้องศาลจริงๆ ล่ะก็ ดูเหมือนหทัยจะไม่ได้รับประโยชน์แม้แต่น้อย

ถึงอย่างไรพวกเขาก็เคยเป็นสามีภรรยากันมาก่อน เคยมีความรักต่อกันมาก่อน เคยใช้ชีวิตด้วยกันมาก่อน เขาหวังว่าจะจบกันได้ด้วยดี ไม่อยากจะไปขึ้นโรงขึ้นศาลทำให้ทุกคนต้องขายหน้า

แม้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นเรื่องยาก แต่ถึงอย่างไรเขาก็รู้ว่าตนจำเป็นต้องทำ เจ็บปวดในระยะสั้นดีกว่าเจ็บในระยะยาว

ก่อนหน้านี้ แม้ว่าหทัยจะทำเรื่องเกินเหตุเกินผล แต่ก็ยังอยู่ในหลักการที่เขารับได้ ดังนั้นเขาจึงปิดตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด

แต่ตอนนี้เรื่องที่เธอทำ เกือบจะทำให้รากเหง้าของบริษัทต้องสูญเสีย นี้เป็นเรื่องที่เขาไม่อาจรับได้

หทัยรู้สึกว่าสมองของเธอดังอื้ออึ้งแทบระเบิดออกมา

ความโกลาหลมากมายผุดขึ้นในความคิด

ถ้าครั้งนี้เธอไม่อาจผ่านมันไปได้ล่ะก็ เธอคงจะได้เพียงแค่เงินสดจำนวนห้าร้อยล้าน และคฤหาสน์อีกสองหลัง แล้วไปจากข้างกายของวันชัย

เงินจำนวนห้าร้อยล้านสำหรับคนธรรมดานั้นเยอะมาก แต่สำหรับเธอผู้หญิงที่ใช้ชีวิตมั่งคั่งฟุ่มเฟือย เรียกได้ว่าช่างน้อยเหลือเกิน

ถ้ามีเงินเพียงแค่ห้าร้อยล้าน เธอไม่อาจใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ อย่างน้อยก็ไม่อาจเปรียบเทียบกับชีวิตที่มีอยู่ในตอนนี้

เธอคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตดังเช่นดอกไม้ในเรือนกระจก จะให้ออกไปเผชิญกับแสงแดดด้านนอกได้อย่างไร

อีกอย่างถ้าเธอยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลรัตนากรกุลก็คงจะไม่เกี่ยวข้องอันใดกับสองแม่ลูกเธอแล้วน่ะสิ

ถ้าไม่มีเธออยู่ที่นี่ การที่ชลิตาจะแย่งชิงทรัพย์สินของตระกูลรัตนากรกุลก็คาดว่าคงจะเป็นเรื่องยาก

"อย่านะคะคุณ อย่าทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้กับฉันเลย ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้วจริงๆ!" หทัยร้องขออ้อนวอนความเมตตาอีกครั้ง

วันชัยไม่ได้ลังเลและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขาหันหลังเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างไร้ความปรานี

เมื่อเห็นภาพตรงหน้านี้ ชัชนันท์ก็มั่นใจได้ว่าพ่อของเธอตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดแล้ว

เธอดีใจมากแต่ไม่ได้แสดงออกมาทางใบหน้า

เธอลุกขึ้นยืนแล้วชำเลืองมองดูหทัยด้วยแววตาอันเย็นชาก่อนจะเตรียมตัวเดินขึ้นไปชั้นบนเช่นกัน

หทัยมองไปทางชัชนันท์ด้วยแววตาอันดุร้ายแล้วพูดขึ้นว่า "ชัชนันท์ อย่าเพิ่งรีบดีใจไปล่ะ จุดจบยังไม่มาถึง ทุกสิ่งทุกอย่างยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง"

ชัชนันท์ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่เผยอมุมปากยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา

"คลิปที่ถูกปล่อยในอินเทอร์เน็ตเธอเป็นคนทำมันใช่ไหมล่ะ? เธอนี่มันโหดเหี้ยมสิ้นดี จงใจจ้างคนมาในงานเลี้ยงทำให้ฉันต้องอับอายขายหน้าแล้วยังเอาไปโพสต์บนอินเทอร์เน็ตอีกด้วย"

หทัยกัดฟันกรอด เธออยากจะฉีกชัชนันท์ให้เป็นชิ้นๆ เหลือเกิน

คำพูดเมื่อครู่นี้ทำให้ชัชนันท์รู้สึกขำ คนคนหนึ่งต้องมีนิสัยย่ำแย่ขนาดไหนถึงจะพูดคำแบบเมื่อครู่ออกมาได้

หล่อนกับชลิตาเคยทำอะไรดีๆ บ้าง? ตอนนี้ยังมีหน้ามากล่าวว่าเธอช่างโหดเหี้ยม

ชัชนันท์หันหลังกลับไปด้วยท่าทางสงบแล้วเอ่ยถามเธอว่า "คุณป้ามีหลักฐานไหมล่ะ?"

"แก......!" หทัยได้แต่นิ่งเงียบพูดไม่ออก

"คุณป้าคะ ถ้าไม่มีหลักฐานละก็ แบบนี้เขาเรียกว่าใส่ร้ายป้ายสีนะเข้าใจมั้ย?"

"ฉันจะต้องหาหลักฐานให้เจอแน่!"

"ถ้าอย่างงั้นรอให้หาเจอก่อนแล้วค่อยว่ากัน" ชัชนันท์ตอบรับเบาๆ

ภราดรชี้ไปที่โต๊ะน้ำชา กราฟหุ้นของวงศ์ดีประสิทธิ์กรุ๊ปถูกเปิดเอาไว้ เขาตำหนิดุด่ามาวินที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างรุนแรง

ทั้งชลิตา ดวงพร มารีญาและเมธี ทั้งสามคนนั่งอยู่ข้างๆ โดยไม่กล้าพูดอะไรสักคำ

ห้องโถงขนาดใหญ่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันเยือกเย็น

มาวินก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัว "พ่อครับผมขอโทษ"

เขาคิดว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นได้ปิดเป็นความลับมิดชิดเพียงพอแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกเปิดเผยออกมาแบบนี้ และเขาเองก็ไม่อยากจะใช้วิธีการใดๆ เพื่อหากำไรโดยไม่เลือกหน้าแบบนี้ เขาเพียงแค่ต้องการพิสูจน์ตนเองเท่านั้น

พ่อของเขาชอบเปรียบเทียบพี่ชายคนโตกับเขา มักจะบอกว่าก่อนหน้านี้ที่พี่ชายขึ้นตำแหน่งประธานได้ทำผลงานความดีอะไรไว้บ้าง และมักจะตำหนิว่าทำไมเขาจึงสู้พี่ชายไม่ได้

เมื่อเขาฟังแล้วก็รู้สึกอึดอัดใจมากเหลือเกิน

"ขอโทษงั้นเหรอ? แกคิดว่าเพียงแค่คำขอโทษคำเดียวจะสามารถจัดการเรื่องทุกอย่างได้อย่างนั้นเหรอ วิกฤตในครั้งนี้ที่เราต้องเผชิญ ถ้าเราผ่านมันไปไม่ได้ก็ต้องเผชิญหน้ากับความล้มละลาย"

"ผีซ้ำด้ำพลอยจริงๆ เซ็นเทอรี่ลองกรุ๊ปยังมาถอนหุ้นเอาตอนนี้อีก หากว่าเรื่องที่พวกเขาจะถอนหุ้น บวกกับข่าวเสียหายในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทของเราถูกโจมตีอย่างหนัก ถ้าแก้ไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้ขึ้นละก็ หลังจากเซ็นเทอรี่ลองถอนหุ้นออกไปแล้วเราก็ยังพอจะรับมือได้ แต่ตอนนี้คาดว่าพวกเราคงจะไม่สามารถรับมือไหว"

สีหน้าของภราดรเยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ บัดนี้เขาโมโหเสียจนอยากจะฆ่ามาวินทิ้งเหลือเกิน

ตอนแรกมองเขาว่าเป็นราชา แต่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นเพียงแค่ขยะ อีกทั้งช่างไร้ประโยชน์เหลือเกิน!

"ตอนแรกผมก็คิดว่าจะไม่มีปัญหาอะไร เพียงแค่ผมปิดบังไว้อย่างดีก็คงจะไม่มีคนอื่นรู้"

"อีกอย่าง การใช้วัตถุดิบที่หมดอายุไม่ได้มีแค่โรงงานผมโรงงานเดียวสักหน่อย บริษัทภายในประเทศก็ทำกันเยอะแยะ ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรนี่ ผมใช้วัตถุดิบแบบนี้มาเกือบปีแล้วก็ไม่มีใครกินแล้วเกิดปัญหาต่อสุขภาพ เพราะว่าระหว่างขั้นตอนการทำอาหารได้ใช้อุณหภูมิสูงในการฆ่าเชื้อโรคแล้ว ต่อให้บนวัตถุดิบมีเชื้อโรคอยู่ก็ถูกฆ่าจนตายหมดแล้ว"

"แม้ว่าพวกเราจะใช้วัตถุดิบที่หมดอายุ แต่ทุกครั้งที่มีการตรวจสอบคุณภาพของสินค้าก็ไม่ได้มากเกินมาตรฐาน"

มาวินอธิบายด้วยความระมัดระวัง

ภราดรยิ่งได้ยินก็โมโหขึ้นกว่าเดิม เขาทนไม่ไหวและหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาใบหนึ่ง เหวี่ยงไปบริเวณหัวคิ้วของมาวินอย่างแรง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว