หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 83

ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย เลือดสดสีแดงไหลรินลงมา

"ไอ้ลูกสารเลว เรื่องราวดำเนินมาถึงตรงนี้แล้วแกยังเสแสร้งหาข้อแก้ตัว ฉันไม่สนใจว่าคนอื่นจะทำอย่างไรหรอกนะ แต่วงศ์ดีประสิทธิ์กรุ๊ปจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด!"

"แกกล้าเปรียบเทียบวงศ์ดีประสิทธิ์กรุ๊ปกับพวกบริษัทเล็กๆ แบบนั้นได้ยังไง แกนี่มันเหลือเกินจริงๆ!" ภราดรโมโหเสียจนบัดนี้สมองของเขาว่างเปล่า อยากจะทุบตีมาวินให้ตายไปเสียตรงนั้น

เมื่อเห็นลูกชายสุดที่รักหัวแก้วหัวแหวนถูกทุบตี ดวงพรก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา

เธอเอื้อมมือไปจับมือของภราดรด้วยความระมัดระวังและออดอ้อนว่า "คุณคะ ไหนๆ เรื่องมันก็ดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้คุณโมโหหงุดหงิดไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการหาทางออกไม่ใช่เหรอคะ"

"คุณเงียบไปเลยนะ ก็เพราะคุณใจดีแบบนี้ไงลูกถึงได้ใจเอา นิสัยไม่ได้เรื่องของไอ้มาวินก็เป็นเพราะคุณที่เลี้ยงดูเขามาจนเป็นแบบนี้!" ภราดรสะบัดมือของดวงพรออกไปแล้วตะคอก

เนื่องจากความน่าเกรงขามของเขา ทำให้ดวงพรไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก หัวใจของเธอสั่นสะท้าน

ชลิตาและมารีญาที่เดิมทีตั้งใจจะเข้าไปอ้อนวอนร้องขอความเมตตา บัดนี้ก็พากันล้มเลิกความคิด

ใบหน้าของทุกคนดูเครียด มีเพียงเมธีคนเดียวเท่านั้นที่นั่งอยู่บนรถเข็นอย่างไร้ปฏิกิริยา

"ก่อนหน้านี้เมธีดูแลโรงงานนั้น เขาควบคุมพื้นที่เหล่านั้นอย่างเข้มงวด และผลจากการจัดการอย่างเข้มงวดของเมธีจึงทำให้ผลิตภัณฑ์ซึ่งไม่เป็นที่นิยมทั้งสามอย่างนั้น มียอดจำหน่ายพุ่งขึ้นไปทั่วโลก"

"ตอนนี้เป็นเพราะแกคนเดียวทำให้ความพยายามของเมธีหลายปีที่ผ่านมานี้ต้องสูญเปล่า ไอ้ลูกไม่ได้เรื่อง!"

"ถ้าเมธีไม่ได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นละก็ บริษัทของเราคงไม่ต้องเป็นแบบนี้" ภราดรยิ่งพูดยิ่งโมโห เขาเอื้อมมือไปคว้าถ้วยน้ำชามาแล้วเหวี่ยงไปยังมาวินอีกครั้งหนึ่ง

มาวินรีบหลบทันใด

ในครั้งนี้เขาหลบได้ทัน

แต่ภราดรไม่ปล่อยเขาไว้ จึงหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาอีกใบหนึ่ง ตั้งใจจะปาไปทางเขาอีกครั้ง

เมธีรีบเข็นรถเข็นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วเข้ามาบังมาวินเอาไว้ "พ่อครับ พ่ออย่าได้ไปโทษน้องเลย ที่จริงแล้วก็เป็นเหมือนที่แม่พูด สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือหาวิธีแก้ปัญหาจากวิกฤตนี้ก่อน ส่วนเรื่องน้องรอให้ผ่านวิกฤตนี้ไปเรียบร้อยแล้วค่อยมาลงโทษก็ยังไม่สายนี่ครับ"

แววตาอันตึงเครียดของมาวินผ่อนคลายลง เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เขารู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณพี่เมธีเหลือเกิน

"เมธี ลูกคิดว่าเรื่องนี้จะแก้ไขอย่างไรดี?" ภราดรเอ่ยถาม

"ที่จริงแล้วผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าจะหมดหนทางแก้ไข เราสามารถทำให้ตนเองกลายเป็นเหยื่อที่บริสุทธิ์ได้"

"เพียงแค่เราไปตกลงเจรจากับทางโรงงาน แล้วให้พวกเขาแบกรับความผิดนี้เอาไว้เองทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะคลี่คลาย"

"ให้ทางโรงงานพูดว่า พวกเขาใช้วัตถุดิบที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ได้กำไรมหาศาล

และเพื่อให้ผ่านการตรวจสอบด้านคุณภาพ เขาจึงได้ซื้อตัวบุคลากรที่ตรวจสอบเหล่านั้นเพื่อให้ผ่านเกณฑ์"

เมธีพูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำด้วยใบหน้าท่าทางอันสงบนิ่ง

"ที่ลูกว่ามาก็มีเหตุผล ไหนพูดต่อไปสิ......" ภราดรรู้สึกสนใจกับแผนการนี้

"ผู้ตรวจสอบคุณภาพอาหารของสินค้าทั้งสามอย่างนั้น เราสามารถให้พวกเขาเห็นด้วยกับเรา แล้วโยนความผิดทุกอย่างไปให้เจ้าของโรงงานด้วยเงินสดคนละห้าล้าน"

"เพราะถึงอย่างไรในครั้งนี้พวกเขาก็ไม่พ้นจากการเอาผิดทางกฎหมายได้ ไม่ว่าพวกเขาจะให้ความร่วมมือกับศาลหรือกับโรงงานก็ตาม"

"หนูคิดว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของชัชนันท์ นับตั้งแต่ชัชนันท์กลับมา หนูกับพี่วินก็ยังไม่เคยหยุดนิ่งเลย"

"นับตั้งแต่เธอกลับมา เรื่องของหนูกับพี่วินก็ถูกเปิดโปง จวบจนกระทั่งบัดนี้ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้น หนูคิดว่าเป็นเพราะชัชนันท์อย่างแน่นอนค่ะ" เมื่อพูดถึงชัชนันท์ มือทั้งสองข้างของชลิตาก็กำขึ้นโดยไม่รู้ตัว

"เรื่องของโรงงานผลิตอาหาร พ่อคิดว่าชัชนันท์ยังไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะทำแบบนั้น ส่วนเรื่องเปิดโปงข่าวอื้อฉาวของพวกเธอสองคน ตอนนี้เราก็ไม่มีหลักฐานว่าชัชนันท์เป็นคนทำ เรื่องอื่นๆ ก็ยากที่จะพูด" ภราดรพูดขึ้น

ก่อนหน้านี้เมื่อเกิดเรื่องอื้อฉาว ระหว่างมาวินกับชลิตาถูกเปิดโปง เขาก็ได้ส่งคนไปสืบหาผู้ที่อยู่เบื้องหลัง

แต่ก็สืบไม่พบเรื่องราวอะไร

รู้เพียงว่าหลังจากเหตุการณ์นั้นถูกเปิดโปง ผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนั้นก็คือคู่แข่งของเขา ไม่ใช่ชัชนันท์

ดังนั้นเขาจึงคิดว่าคนที่เปิดโปงเรื่องราวทั้งหมดเหล่านี้น่าจะเป็นหนึ่งในคู่แข่งของเขามากกว่าที่จุดประกายไฟขึ้น

ส่วนคนที่ทำให้ชื่อของชลิตาติดอันดับค้นหายอดนิยมมาเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือน ตอนนี้เขายังสืบไม่พบว่าเป็นใคร แต่เขาเชื่อได้ว่าไม่ใช่ชัชนันท์ เพราะว่าชัชนันท์ไม่มีความสามารถมากมายขนาดนั้น

สำหรับเรื่องทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างมาวินกับชลิตา เป็นผลงานของชัชนันท์หรือไม่นั้นเรื่องนี้ยังคงต้องตรวจสอบดูต่อไป

เขาไม่อาจมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เนื่องจากว่า เดิมทีคู่แข่งของวงศ์ดีประสิทธิ์กรุ๊ปก็มีมากมาย พวกเขาล้วนต้องการจัดการกับวงศ์ดีประสิทธิ์กรุ๊ป ดังนั้นการที่จะลงมือจากมาวินและชลิตาก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ

"แต่ว่า พ่อคะ หนูเชื่อในฉันชาติญาณของหนู" ชลิตาพูดขึ้นอีกครั้ง

"เอาล่ะ ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมัวมาพูดถึงเรื่องเหล่านี้กัน เรามาหาทางแก้ไขวิกฤติในตอนนี้กันก่อนดีกว่า"

เมื่อพูดจบ ภราดรก็หันหน้าไปมองทางเมธีแล้วพูดว่า "เมธี หลังจากเรื่องนี้ผ่านพ้นไปแล้วลูกกลับไปที่บริษัทเถอะ แล้วขึ้นมานั่งดำรงตำแหน่งประธานวงศ์ดีประสิทธิ์กรุ๊ปแทนมาวิน"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว