เมื่อจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยก็เก็บของทั้งหมดเอาไว้ในแหวนมิติ และเดินออกมาเพื่อหาปลาร้า!! แต่คงไม่มีนางเปลี่ยนมาเป็นของทะเลแทนเพราะยังพอหาได้ง่าย เดินกวาดสายตามองหาของที่ต้องการเมื่อพบจึงรีบซื้อแล้วเดินออกมา ระหว่างที่กำลังเดินอยู่เธอเห็นแผ่นหลังที่คุ้นตาเดินอยู่ด้านหน้าอย่างไม่รีบร้อนจึงรีบเดินตามเข้าไปทักทายทันที
"พี่หลง ท่านกำลังจะไปที่ศูนย์หรือเจ้าคะ" นางเอ่ยถามเพราะเห็นเขาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเก่า ๆ และหน้าตาดำมอมแมม
"ใช่แล้ว เจ้าก็กำลังจะเดินไปที่ศูนย์เช่นกันหรือ?"หนานเหวินหลงเอ่ย เขาเห็นนางกำลังซื้อของอยู่ที่ตลาดจึงเดินเอื่อยเฉื่อยรอนางอยู่
"เจ้าค่ะ พอดีข้าจะทำมื้อเที่ยงทานกันที่ศูนย์จึงเดินมาหาวัตถุดิบเพื่อไปปรุงอาหาร เช่นนั้นเราเดินไปพร้อมกันเลยเถิดเจ้าค่ะ" ไป๋หลันเอ่ยพร้อมกับก้าวเดิน พลันสายตาเหลือบไปเห็นคนที่ไม่อยากเจอ โลกช่างกลมเสียจริง ๆ
"ผิงผิง เจ้าดูสิว่าเราเจอผู้ใด" เหอเพ่ยอิงเอ่ย ตอนนี้ใบหน้าของนางหายเป็นปกติแล้ว จึงชวนสาวใช้ข้างกายออกมาเดินเล่นที่ตลาดเพื่อกลบข่าวลือที่ว่านางเป็นโรคประหลาดรักษาไม่หายและมีใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัวอัปลักษณ์
"เป็นคุณหนูหลินบุตรสาวอดีตท่านแม่ทัพอย่างไรเล่าเจ้าคะคุณหนู" ผิง ผิง เอ่ยอย่างลอยหน้าลอยตาหวังประจบเจ้านายของตนเอง เพราะทราบดีว่าคุณหนูไม่ชอบหน้าบุตรสาวอดีตแม่ทัพผู้นี้ยิ่งนัก
ไป๋หลันที่เห็นยายคุณหนูปากเสียเดินมาตอนแรกนางคิดจะรีบเดินผ่านไปเพราะขี้เกียจเสียเวลามาสนทนาด้วย แต่พวกนางก็ไม่วายเอ่ยขึ้นมาเสียก่อนนางจึงต้องหยุดเดิน
"อ๋อ...คุณหนูตกอับมากับขอทานตกยากช่างเหมาะสมกันเสียจริง" เหอเพ่ยอิงเอ่ยพร้อมกับมองสำรวจขอทานตรงหน้าด้วยสายตาเหยียดหยาม แต่งตัวสกปรกมอมแมมขนาดนี้ไม่ใช่ขอทานแล้วจะเป็นอะไรไปได้ พวกคนชั้นต่ำชอบคลุกคลีกับพวกขอทานก็เหมาะสมกันดี
"คุณหนูเหอนิสัยของท่านยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยจริง ๆ ข้าคิดว่าท่านหายป่วยแล้วนิสัยเสีย ๆ ของท่านจะหายตามไปด้วยเสียอีก" ไป๋หลันเอ่ย พลางคิดว่านิสัยของนางคงหมดทางแก้แล้วจริง ๆ
หนานเหวินหลงที่หยุดเดินเพราะมีสตรีนางหนึ่งเดินเข้ามาพูดคุยกับเสี่ยวหลันของตน แต่ท่าทางของนางช่างไม่เป็นมิตรเอาเสียเลยแล้วคำพูดจาหยามเหยียดเช่นนั้นมันช่างน่าตายยิ่งนัก!
"เจ้าช่างปากดีนัก!!" เหอเพ่ยอิงเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความโกรธ
"พี่หลงเรารีบไปกันเถิดเจ้าค่ะอย่ามัวเสียเวลาเลย" ไป๋หลันหันไปกล่าวกับคนที่ยืนอยู่ด้านข้างพร้อมกับเดินผ่านหน้าของเพ่ยอิงไปแต่ระหว่างที่กำลังเดินอยู่นั้น
หมับ!! เหอเพ่ยอิงด้วยความโกรธจึงคว้าข้อมือของนางเด็กปากดีแล้วส่งธาตุไฟของตนเองไปที่ฝ่ามือเพื่อต้องการสั่งสอนให้รู้สำนึกจะได้ไม่มาพูดจาเหิมเกริมกับกับนางอีก
หนานเหวินหลงที่เห็นสตรีน่ารังเกียจคว้าข้อมือของคนร่างเล็กจึงเดินเข้าไปเพื่อช่วยเหลือ แต่นางส่ายหน้าเบา ๆเป็นเชิงห้ามเขาเอาไว้ เขาจึงได้แต่ยืนมองว่านางมีแผนจะทำเช่นไร
"ข้าว่าท่านอย่าทำแบบนี้ดีกว่าคุณหนูเหอ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน" ไป๋หลันเอ่ยเบา ๆ กับเหอเพ่ยอิง แล้วแกล้งบีบน้ำตาด้วยสีหน้าเจ็บปวด จริง ๆ นางเจ็บนิดหน่อยเท่านั้นธาตุไฟระดับมดทำอะไรนางไม่ได้หรอก แล้วเอ่ยออกมาเสียงดัง
"ฮึก...ฮึก...คุณหนูเหอได้โปรดปล่อยข้าเถิดเจ้าค่ะข้าเจ็บ ข้ากับขอทานผู้นี้จะไม่มาเดินใกล้คุณหนูให้ต้องระคายสายตาอีกแล้วเจ้าค่ะ โอ๊ย..." ไป๋หลันเอ่ยเสียงสะอื้นสะบัดแขนตัวเองแกล้งล้มลงไปนั่งกองกับพื้นดวงตาแดงกล่ำพร่างพราวไปด้วยหยาดน้ำตา นางไม่อยากใช้กำลังต่อสู้ท่ามกลางสายตาของฝูงชนแต่นางจะหาวิธีเอาคืนลับหลังดีแล้วจะเอาคืนให้สาสมเลยทีเดียว
ชาวบ้านที่ได้ยินต่างพากันมามุงดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น และต่างพากันซุบซิบนินทาคุณหนูเหอเพ่ยอิงกันต่าง ๆ นา ๆ
"เจ้า!!นางเด็กปากดีข้าฝากไว้ก่อนเถอะไป ผิง ผิง" เหอเพ่ยอิงหันไปกล่าวกับสาวใช้ข้างกายแล้วรีบเดินออกไปทันที นางเด็กผู้นี้มันช่างร้ายกาจนัก ทำให้นางกลายเป็นนางมารร้าย มีจิตใจคับแคบในสายตาของชาวบ้าน
มันน่าเจ็บใจยิ่งนัก!!
"เจ้าค่ะคุณหนู" ผิง ผิงเอ่ยแล้วรีบเดินตามคุณหนูของตนเองไปทันที ชาวบ้านที่มามุงดูเมื่อทุกอย่างคลี่คลายลงแล้วจึงต่างคนต่างแยกย้ายกันไป
"เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเสี่ยวหลัน เจ็บตรงไหนหรือไม่" หนานเหวินหลงเอ่ยถามพร้อมกับเดินเข้าไปพยุงนางให้ลุกขึ้นยืน พลางนึก
"ถ้าเช่นนั้นเรามาช่วยกันทำและลองชิมกันดูว่ามันจะอร่อยหรือไม่ ดีไหมเจ้าค่ะ ถ้าอร่อยถูกปากก็สามารถทำกินกันได้บ่อย ๆ เพราะมันทำง่ายมากเลยเจ้าค่ะ" ไป๋หลันเอ่ยตอบป้าหลิง นางมั่นใจว่าชาวบ้านต้องชอบเป็นแน่ถึงแม้รสชาติอาหารจะไม่ค่อยคุ้นชินนักก็ตาม
ไป๋หลันและแม่ครัวช่วยกันทำอาหารอย่างสนุกสนาน นางทำสองแบบคือ ส้มตำไทย และส้มตำทะเล มีแบบเผ็ด และไม่เผ็ด แม่ครัวที่ทำลองชิมกันต่างชื่นชอบกับรสชาติอาหารยิ่งนักเอ่ยชมไม่หยุดปาก นางจัดใส่ถาดเอาไว้อย่างละสิบชุด จัดให้นั่งล้อมวงกัน เมื่อจัดอาหารเสร็จก็ได้เวลาที่ทุกคนมากัน รวมถึงช่างไม้ที่นางได้แจ้งกับนายช่างเอาว่าให้มากินมื้อเที่ยงด้วยกัน
หนานเหวินหลงที่เดินมายังโถงด้านหน้าเพื่อทานอาหารกับชาวบ้าน เมื่อมาถึงก็ได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมา เขาเดินมานั่งกับท่านตาและท่านยายของตนที่นั่งล้อมวงอยู่กับชาวบ้าน ส่วนเสี่ยวหลันนั้นนั่งอยู่กับท่านพ่อ พี่ชายและชาวบ้านอยู่ถัดไปอีกวงหนึ่ง นางหันมาส่งยิ้มให้กับเขา รอยยิ้มนั่นมันช่างสดใสงดงามยิ่งนัก เมื่อละสายตามาเห็นอาหารตรงหน้าก็เกิดสงสัยขึ้นมาทันที
"ท่านป้าหลิง อาหารพวกนี้เขาเรียกว่าอะไรหรือขอรับ ข้าไม่เคยเห็นที่ใดมาก่อนเลยช่างแปลกตายิ่งนัก" หนานเหวินหลงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ท่านยายของตนจึงเอ่ยด้วยความสงสัย ที่ต้องเรียกว่าป้าหลิงเพราะชาวบ้านที่ศูนย์เรียกกันแบบนี้
"นั่นสินี่คืออาหารชนิดใดหรือข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย" หัวหน้าอี้เอ่ยถามฮูหยินของตน
"เขาเรียกว่าส้มตำ จริง ๆ มันสามารถใส่เครื่องเคียงลงไปได้หลายอย่าง คุณหนูหลันบอกว่าจะลองใส่อย่างอื่นดูบ้างในครั้งหน้าจะได้ไม่น่าเบื่อ" ป้าหลิงเอ่ยตอบหลานชายคนเดียวของตน เมื่อวานสามีเล่าให้ฟังว่าพบหลานชายที่นี่ ตอนแรกก็ตกใจเป็นอย่างมากเมื่อสามีอธิบายจึงเข้าใจและปรับตัวให้ไม่เป็นที่สงสัยของชาวบ้าน
หนานเหวินหลงเมื่อตักอาหารเข้าปากก็รู้สึกว่ารสชาติอาหารช่างแปลกยิ่งนัก แต่ก็อร่อยมีครบทุกรสและยังกรุบ ๆกรอบ ๆ เคี้ยวเพลินดียิ่ง
"ลองกินกับข้าวเหนียวและไก่ย่างดูนะอาหลง ท่านพี่ด้วยนะเจ้าค่ะลองท่านดู" ป้าหลิงเอ่ยกับหลานชายและสามีของตน
"อืม...รสชาติอร่อยยิ่งนักสงสัยเจ้าต้องทำให้ข้ากินบ่อย ๆ แล้วเสียแล้วฮูหยิน" หัวหน้าอี้เอ่ย พวกเขามาอยู่ที่ศูนย์แห่งนี้ นับว่าได้เปิดหูเปิดตาจริง ๆ ผัก ผลไม้ แม้กระทั่งอาหารการกินช่างมีมากมายหลากหลายอย่างทั้งที่เคยกินและไม่เคยกินที่ใดมาก่อนทั้งที่เขาเดินทางท่องเที่ยวมาหลายแคว้นแล้ว
ไม่เสียแรงที่ปลอมตัวมาเป็นขอทานเร่ร่อน!!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน
1...