เมื่อกินอาหารกันเสร็จเรียบร้อยไป๋หลันช่วยแม่ครัวเก็บล้างทำความสะอาด แล้วนั่งพูดคุยปรึกษาเกี่ยวกับการทำอาหารในแต่ละมื้อ นางแนะนำอาหารที่ทำง่ายอิ่มสบายท้องในมื้อเย็นอย่างข้าวต้มหรือโจ๊ก และตามด้วยผลไม้ ส่วนมื้อเช้าและกลางวันควรเป็นข้าวสวยเพราะอิ่มอยู่ท้อง ชาวบ้านต้องใช้แรงในการทำงาน
เสร็จเรียบร้อยจึงเดินแยกตัวออกมานางเดินมาหานายช่างไม้เพื่อทำป้ายชื่อ' ศูนย์พักพิงบ้านหลันฮวา ' และตู้อบกำมะถันที่นางสั่งให้นายช่างทำเอาไว้ ตอนนี้เรือนนอนเกือบจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายช่างจึงสั่งให้คนงานแยกออกมาทำโรงครัวและเรือนของผู้ใหญ่ตง อีกไม่เกินสิบวันก็น่าจะแล้วเสร็จ นางจ่ายเงินงวดสุดท้ายแล้วเพิ่มค่าทำเตียง ชั้นวางของและเรือนของผู้ใหญ่ตงให้นายช่างรวมทั้งหมดสามหมื่นเหรียญทอง
ไป๋หลันเดินมายังลานฝึกซ้อมวรยุทธ์ เห็นรปภ.กำลังฝึกซ้อมกันอยู่ท่าทางจริงจังดุดัน นางเห็นร่างสูงของพี่หลงกำลังฝึกซ้อมอยู่กับหัวหน้าอี้ดูจากฝีมือแล้วเขาน่าจะยังออมมืออยู่เป็นแน่นางเดินเข้ามาดูการฝึกซ้อม
ทางด้านเฉินหยางเมื่อเห็นน้องสาวยืนอยู่ก็รีบเดินเข้ามามาหาทันที "หลันเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้างรปภ.ของบ้านหลันฮวาดูแข็งแกร่งมากใช่หรือไม่"
"พี่ใหญ่ข้าดูไม่ค่อยถนัดเลยเจ้าค่ะ ถ้าจะให้ดีข้าว่าต้องถอดเสื้อแล้วฝึกซ้อมกันนะเจ้าคะ จะได้เห็นว่าใครมีซิคแพกมากกว่ากัน ถ้ามีหกลูกถือว่าผ่าน!!" ไป๋หลันเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังแต่คล้ายกวนประสาทพี่ชายอยู่ในที
"นี่แน่ะ! ซิกแพคหกลูกเช่นนั้นหรือ? ยายเด็กแก่แดด" เฉินหยางเอ่ยพร้อมยกมือขึ้นดีดหน้าผากน้องสาว นางช่างหาเรื่องกวนประสาทเขาได้ตลอดเวลาจริง ๆ ตัวเขาเองที่เคยดูละครกับนางทำไมถึงจะไม่รู้ว่าซิกแพคมันคืออะไร
"อูย...พี่ใหญ่ครั้งนี้เจ็บจริงไม่ได้แกล้งนะเจ้าคะ" ไป๋หลันยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเองปรอย ๆ พร้อมกับย่นหน้าใส่พี่ชาย
“ดี!! เจ้าจะได้จำไม่ไปทำน้ำลายยืดเวลาเห็นซิกแพคของบุรุษเข้า" เวลานั่งดูละครแล้วเห็นบุรุษถอดเสื้อนางชอบบอกว่า
น้ำลายไหล เช็ดน้ำลายแป๊ป!!
"แฮะ แฮะ ข้าล้อเล่นไม่ขำหรือเจ้าคะ" เอ่ยพร้อมยิ้มกลบเกลื่อนนางแค่พูดล้อเล่นเท่านั้นเอง ทำไมพี่ชายถึงได้จริงจังขนาดนี้
"ไม่ขำ!!" เฉินหยางเอ่ยจบก็สะบัดหน้าหันไปดูการฝึกซ้อมต่อ เขาไม่ได้โกรธนางจริงก็แค่แกล้งเฉย ๆ แต่เผลอดีดแรงไปนิดหน่อยจนหน้าผากนางแดงแถมบวมขึ้นมา
ทางด้านหนานเหวินหลงที่กำลังฝึกซ้อมอยู่กับท่านตาของตนสายตาเหลือบไปเห็นสตรีร่างที่กำลังเดินมาดูการฝึกซ้อมและพี่ชายของนางก็เดินเข้าไปคุย เขาที่กำลังผลัดกันรุกผลัดกันรับเพลงดาบอยู่เมื่อมีจังหวะจึงเหลือบสายตาไปมองก็เห็นจังหวะที่นางโดนพี่ชายดีดนิ้วไปที่หน้าผาก นางทำหน้ายู่ใส่พร้อมกับเอามือลูบหน้าผากตัวเอง เขาเผลอยกยิ้มมุมปากอย่างเอ็นดู นางช่างหาเรื่องเจ็บตัวได้ตลอดเวลาเสียจริงคงจะไปพูดจายียวนกวนประสาทพี่ชายของตัวเองเข้า
หัวหน้าอี้ที่เห็นหลานชายไม่มีสมาธิในการฝึกซ้อมและคอยชำเลืองสายตามองไปทางอื่น เขาจึงละสายตาหันไปมองตามก็เห็นคุนหนูหลันยืนอยู่กับคุณชายหยาง แล้วทำหน้ายู่ใส่พี่ชายด้วยความน่าเอ็นดู จริง ๆ แล้วเขาเอ็นดูนางมาก เป็นแค่เด็กยังไม่พ้นวัยปักปิ่นเลยด้วยซ้ำ แต่ความคิดความอ่านช่างเกินเด็กวัยเดียวกันยิ่งนัก นางช่างคิด ช่างทำ หาอะไรใหม่ ๆ แปลกตามาให้ชาวบ้านได้ลองทำกันเสมอ
ขณะที่เขากำลังโรมรันฟันดาบอยู่นั้น สายตาก็เห็นหลานชายของตนยกยิ้มมุมปาก นี่เขาตาฝาดเช่นนั้นหรือ?หลานชายผู้ไม่เคยยิ้มให้กับผู้ใดกำลังยิ้มให้กับคุณหนูหลันเช่นนั้นหรือ สงสัยคุณหนูหลันคงมีน้ำหนักในใจไม่มากก็น้อยเป็นแน่
ไป๋หลันที่ยืนดูการฝึกซ้อมอยู่ชั่วครู่ก็เดินออกมาที่โรงครัวช่วยแม่ครัวทำมื้อเย็น วันนี้ทำข้าวต้มหมูง่ายๆกินอิ่มสบายท้อง เมื่อช่วยทำอาหารเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางกลับบ้านทันที ระหว่างทางที่เดินอยู่นั้นนางเห็นพี่หลงที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าเหมือนกำลังรอใครบางคนอยู่
"พี่หลงออกมานานแล้วหรือเจ้าคะ" ไป๋หลันเอ่ยถามบุรุษตรงหน้า
"ข้าออกมาก่อนหน้าเจ้าเพียงครู่เดียว เรารีบไปกันเถิด ข้าจะไปส่งเจ้าที่บ้านเอง" หนานเหวินหลงเอ่ย เขารีบเดินออกมาเพื่อมาดักรอนาง อยากใช้เวลาอยู่กับนางให้มากขึ้นเพราะจะเดินทางกลับพรรคจันทราเพื่อสะสางงานแต่ถ้าพอมีเวลาเขาก็จะปลีกตัวออกมาหานางทันที
"พี่หลงเหนื่อยหรือไม่เจ้าคะ" ไป๋หลันเอ่ยพร้อมกับก้าวเท้าเดิน นางเห็นเขาฝึกซ้อมอยู่พักใหญ่ท่าทางจะเหนื่อยมิใช่น้อย
"ข้าไม่เหนื่อยหรอกเสี่ยวหลัน" เขาฝึกซ้อมพลังปราณและวรยุทธ์มาตั้งแต่ยังเด็กและก็ทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนักจนแข็งแกร่งและสามารถปกครองพรรคจันทราได้เรื่องฝึกเล็กน้อยแค่นี้เขาแทบจะไม่รู้สึกเหนื่อยเลยด้วยซ้ำ
"ก็ดีเจ้าค่ะ ข้าจะได้บอกหัวหน้าอี้ให้ฝึกซ้อมท่านหนัก ๆ เลยดีไหมเจ้าคะ" ไป๋หลันเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มกรุ้มกริ่ม
"ปากเจ้าเป็นเช่นนี้อย่างไรเล่าถึงได้หน้าผากแดงบวมแบบนี้ พี่ชายเจ้าคงจะปวดหัวหน้าดูข้าสงสารเขาเสียจริง ๆ " หนานเหวินหลงเอ่ยหยอกเย้า นางช่างพูดจากวนประสาทได้ตลอดเวลาเสียจริง
ตงชุนที่ลักลอบเข้ามาภายในจวนของท่านเจ้าเมือง ขณะนี้ผู้คนใจจวนกำลังหลับสนิท เขาจึงแอบเข้ามายังเรือนนอนของบุตรีท่านเจ้าเมือง แล้วใช้ธาตุไฟส่งไปยังผ้าม่านบังเตียงและผ้าปูเตียงของนางที่กำลังนอนอยู่ จากนั้นจึงรีบเร้นกายหลบหนีออกมาดูเชิงอยู่ด้านนอกว่าสำเร็จเรียบร้อยหรือไม่แล้วค่อยจากไป
ภายในเรือนนอนของเหอเพ่ยอิง ขณะนี้ไฟได้ลุกลามขึ้น กลิ่นเหม็นไหม้ลอยคลุ้งพร้อมกับควันลอยพวยพุ่งออกมา ร่างบางบนเตียงนอนสะดุ้งตัวตื่นลืมตาขึ้นก็พบว่าเตียงนอนของตนถูกไฟไหม้และลุกลามมายังผ้าห่มที่ตนกำลังคลุมกายอยู่ เหอเพ่ยอิงกรีดร้องด้วยความตกใจปนความเจ็บแสบเพราะร่างกายบางส่วนโดนไฟแผดเผา
ผิงผิง สาวใช้ข้างกายที่อยู่ห้องติดกับคุณหนูของตนได้ยินเสียงกรีดร้องก็สะดุ้งตัวตื่นขึ้นมา พอมองออกไปด้านนอกก็พบว่าควันและเปลวไฟลอยออกมาจากห้องของคุณหนูตนก็รีบวิ่งพร้อมกับตะโกนให้บ่าวในจวนรีบนำน้ำมาดับไฟ
ท่านเจ้าเมืองและฮูหยินที่ได้ยินก็รีบวิ่งออกมาเมื่อเห็นว่าไฟไหม้ที่เรือนบุตรสาวก็แทบจะลมจับล้มพับไป เมื่อบ่าวไพร่ช่วยกันนำน้ำมาดับไฟจนมอดดับลงแล้ว ทั้งสองจึงรีบวิ่งเข้าไปดูบุตรสาวของตนทันทีและสั่งให้บ่าวทั้งหมดออกไปจากห้องยกเว้นสาวใช้ของนางเท่านั้นที่สามารถอยู่ได้
ร่างบางบนเตียงนอนตอนนี้ร่างกายเต็มไปด้วยแผลที่เกิดจากไฟไหม้ ผิวหนังบางส่วนไหม้เกรียมนางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
"ผิงผิง เจ้าไปตามหมอมาเร็วเข้า" ท่านเจ้าเมืองเหอเอ่ยกับสาวใช้ของบุตรสาว
"เจ้าค่ะ" ผิงผิง เอ่ยพร้อมกับวิ่งออกไปทันที
"ท่านพี่อิงเอ๋อร์ทำไมโชคร้ายขนาดนี้ เพิ่งจะหายจากอาการคันบนใบหน้าแท้ ๆ ยังมาโดนไฟไหม้ตามร่างกายอีก ข้าเจ็บปวดแทนนางยิ่งนัก ฮือ ๆ" เหอเพ่ยอันเอ่ยพร้อมกับร้องไห้ ออกมาด้วยสงสารบุตรสาวของตน
"ท่านพ่อ ท่านแม่ ฮือ ๆ ข้าเจ็บปวดทรมานเหลือเกินท่านช่วยข้าด้วยนะเจ้าค่ะ" เหอเพ่ยอิงร้องขอความช่วยเหลือ หวังว่าตนเองจะหายเป็นปกติดังเช่นเคย
"อดทนไว้นะอิงเอ๋อร์ พ่อจะต้องหาทางช่วยเจ้าเองไม่ต้องห่วงนะลูก" ท่านเจ้าเมืองเอ่ยปลอบใจบุตรสาว เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าครั้งนี้จะสามารถช่วยนางได้อีกหรือไม่ เพราะครั้งที่แล้วเขาทุ่มเงินหาหมอมารักษาจนตอนนี้เงินของเขาแทบจะไม่มีเหลือเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน
1...