เมื่อมองใบหน้านั้นชัด ๆ ก็ต้องตกใจอีกรอบพร้อมกับร้องเอ่ยออกมาเสียงดัง "พี่หลง!!" ไป๋หลันเอ่ยขึ้นอย่างตกใจพร้อมกับพยายามเด้งตัวให้ลุกขึ้นแต่เขากับกอดนางเอาไว้แน่นจนลุกไม่ได้
"เสี่ยวหลันเจ้าจะเสียงดังไปใย อยากให้คนในบ้านเจ้าตื่นขึ้นมาเช่นนั้นหรือ" หนานเหวินหลงเอ่ยดุคนในอ้อมแขนที่ส่งเสียงดัง นางคงตกใจมิใช่น้อยที่เจอเขานอนอยู่เช่นนี้ ใครอยากใช้ให้นางไม่ระมัดระวังเองถือเป็นบทเรียนสำหรับนาง
"พี่หลงท่านเข้ามาได้อย่างไรท่านปล่อยข้าก่อน" ไป๋หลันเอ่ยพร้อมกับขยับตัวหวังให้คนตรงหน้าคลายอ้อมแขนที่กอดรัดนางเสียแน่น
"เป็นเจ้าที่กอดข้าแน่นเมื่อคืนนี้จนข้าขยับตัวไม่ได้ข้าย่อมต้องเอาคืนบ้าง" หนานเหวินหลงเอ่ยขึ้นมาอย่างหน้าตาย เป็นเขาเองที่ยอมให้นางกอดและอยากอยู่แบบนี้ให้นานยิ่งขึ้นไปอีก จากไปครานี้เขาจะว่างมาหานางเมื่อไรอีกก็ยังไม่รู้
"เอาที่สบายใจเลยข้าขี้เกียจเถียงกับท่านแล้ว แล้วท่านแอบเข้ามาในห้องข้ามีธุระอันใดหรือ" ถ้านางเถียงกับเขายันเช้าก็ไม่จบ เพราะเขาดูท่าแล้วจะแถเก่งไม่เบา นางจึงเอ่ยถามธุระให้มันจบ ๆ ไป
"ข้ามาบอกเจ้าว่าข้าจะต้องกลับไปสะสางงานบางอย่างวันนี้คงไม่ได้ไปที่ศูนย์ของเจ้า ถ้าเสร็จงานแล้วจ้าจะรีบกลับมา" หนานเหวินหลงเอ่ยขณะที่ตนเองกำลังกอดคนตัวเล็กเอาไว้ เขารู้จักกับนางเพียงไม่กี่วันแต่ทำไมถึงรู้สึกอยากอยู่ใกล้ และคิดถึงนางเช่นนี้
นี่เขาเรียกว่าความรักเช่นนั้นหรือ? ต้องใช่แน่ ๆ
"เจ้าค่ะ" นางตอบออกไปสั้น ๆ พลางคิดว่า
'พี่หลงชอบนางเช่นนั้นหรือ ต้องใช่แน่ ๆ !!
"แค่นั้นเองหรือ เจ้าไม่คิดจะเอ่ยคำอื่นบ้างเลยหรือเสี่ยวหลัน"
"ก็ข้าไม่รู้จะเอ่ยคำใดนี่เจ้าคะพี่หลง ท่านต้องไปทำงานของท่านถึงข้าจะมิอยากให้ท่านไป ท่านก็ต้องไปอยู่ดี " จะให้นางพูดอะไรได้ มีพบย่อมมีพราก มีจากย่อมต้องมีเจอเป็นเรื่องปกติ
"ถ้าเช่นนั้นเจ้าสัญญากับข้าได้หรือไม่ว่าจะรอข้ากลับมา…" หนานเหวินหลงเอ่ยพร้อมกับคลายอ้อมกอดลุกขึ้นมองคนตัวเล็ก
"ได้ข้าสัญญาก็ได้" ไป๋หลันลุกขึ้นนั่งพร้อมกับยื่นนิ้วก้อยออกมา
"คืออะไรหรือ" หนานเหวินหลงเอ่ยอย่างสงสัย
"ทำสัญญาอย่างไรเล่าเจ้าคะ ท่านยื่นนิ้วก้อยของท่านมาเกี่ยวกับข้าไว้ แล้วเอานิ้วหัวแม่มือมาประกบกันอย่างนี้เจ้าค่ะ" ไป๋หลันเอ่ยพร้อมกับจับมือพี่หลงให้ทำตาม
"แบบนี้เขาเรียกว่าทำสัญญาหรือ" เขาไม่เคยรู้มาก่อนคงมีแต่นางที่ทำแบบนี้
"ใช่แล้วเจ้าค่ะ ท่านรีบไปได้แล้ว อีกสักครู่ฟ้าจะสางแล้ว" นางเอ่ยถ้าไม่ไล่เขาคงยังไม่ยอมกลับไปโดยง่าย วันนี้มาแปลกพูดจาหวานเลี่ยนพิลึก
"เช่นนั้นข้าต้องไปก่อน ดูแลรักษาตัวให้ดีข้าเป็นห่วง" หนานเหวินหลงเอ่ยพร้อมกับเดินไปที่หน้าต่างเตรียมตัวจากไป
"ท่านก็เช่นกันนะเจ้าคะ บ๊าย บาย เจ้าค่ะ" ไป๋หลันเอ่ยลาพร้อมกับโบกมือให้คนตรงหน้า พลางคิดในใจ
'ต่อไปนี้นี้คงต้องใส่กลอนให้แน่นหนาเสียแล้วเข็ดจนวันตาย ดีนะที่พี่หลงนับว่าเป็นคนดีอยู่มิน้อยที่ไม่ได้ล่วงเกินมากไปกว่านี้'
หนานเหวินกระโดดออกทางหน้าต่างหายวับไปด้วยวิชาตัวเบาขั้นสูงเคล็ดลับวิชาของพรรคจันทรา ก็ได้เดินทางมาหาท่านตาและท่านยาย เพื่อบอกกล่าวเรื่องที่ตนต้องเดินทางกลับพรรคจันทราเพื่อสะสางบางเรื่อง ให้ท่านทั้งสองอยู่ที่ศูนย์พักพิงไปสักระยะหนึ่งก่อนแล้วเขาจะกลับมาหา เมื่อพูดคุยเสร็จเรียบร้อยหนานเหวินหลงก็ดีดตัวพุ่งออกไปทันที
เช้าวันรุ่งขึ้นไป๋หลันเดินทางไปยังศูนย์พักพิงดังเช่นทุกวัน ระหว่างทางได้ยินชาวบ้านพูดคุยกันเรื่องคุณหนูเหอเพ่ยอิงที่โดนไฟไหม้ร่างกายบาดเจ็บสาหัส แต่ท่านเจ้าเมืองไม่ได้ติดประกาศหาหมอเก่ง ๆ มารักษาอย่างเช่นเคย และเดินผ่านบุรุษสองคนที่กำลังคุยกันเรื่องการคัดเลือกศิษย์อะไรสักอย่างนางจึงเอ่ยถามบุรุษทั้งสองคน
"พี่ชายข้าได้ยินท่านทั้งสองคุยกันเรื่องการคัดเลือกศิษย์ คืออะไรหรือเจ้าคะ"
"อ๋อ การคัดเลือกศิษย์ปีนี้มีหลายสำนักเข้าร่วมเพื่อคัดเลือกศิษย์เข้าสำนักของตน งานคัดเลือกศิษย์ในปีนี้จะจัดขึ้นในอีกสี่เดือนข้างหน้า รับตั้งแต่อายุสิบสองปีถึงอุสิบหกปี ถ้าเจ้าสนใจก็เดินทางไปคัดเลือกสิเผื่อจะโชคดีได้เข้าร่วมสำนักใหญ่" บุรุษคนหนึ่งเอ่ยตอบ
"แล้วการคัดเลือกศิษย์จะจัดขึ้นที่ใดหรือเจ้าคะ" ไป๋หลันเอ่ยถามต่อ
" ปีนี้จะจัดขึ้นที่สำนักเหลียงซาน สำนักอันดับหนึ่งมีทั้งสายฝึกยุทธ์และสายปรุงยามีลูกศิษย์เก่ง ๆ มากมายยิ่งนัก"
"ขอบคุณพี่ชายทั้งสองมากเจ้าค่ะที่เสียเวลาตอบคำถามข้า" ไป๋หลันเอ่ยขอบคุณพร้อมกับโค้งศีรษะเล็กน้อยให้บุรุษทั้งสอง
"ไม่เป็นไรหรอกถ้าเจ้าสนใจก็อย่าลืมลองไปคัดเลือกดูเสีย" บุรุษตรงหน้าเอ่ยพร้อมกับเดินจากไปทันที
ไป๋หลันครุ่นคิดเกี่ยวกับงานคัดเลือกศิษย์ จริง ๆ นางก็อยากไปดูว่ามันเป็นเช่นไรเพราะตั้งแต่มาอยู่ที่โลกแห่งนี้ก็ยังไม่ได้ออกเดินทางไปที่ใดเลย แต่นางไม่อยากไปสอบคัดเลือก
"เช่นนั้นรับยาของข้าไปทาเสีย" เขาพูดพร้อมกับล้วงตลับยาออกมาส่งให้เด็กน้อยตรงหน้า
"ขอบคุณมากเจ้าค่ะ" ไป๋หลันยื่นมือไปรับยาจากชายหนุ่มตรงหน้ามาทาทันที
นางถอดรองเท้าผ้าใบสีขาวออก จะให้ใส่รองเท้าของโลกแห่งนี้นางไม่คุ้นชินจริง ๆ นางลองแล้วมันทั้งบางและยังเดินไม่ค่อยถนัด ยังดีอาภรณ์ที่นางสวมใส่อยู่มันยาวเสียจนลากลงกับพื้นดินจึงไม่มีใครสังเกตเห็น แต่ถ้ามีนางก็คิดคำโกหกเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อถอดรองเท้าออกก็พบว่าบริเวณข้อเท้าของนางบวมแดงเล็กน้อยจึงป้ายยาแล้วทาบริเวณที่บาดเจ็บเมื่อยาสัมผัสผิวก็รู้สึกเย็นสบายขึ้นเล็กน้อย
'อืม…ยาของชายผู้นี้ถือว่าใช้ได้อยู่ แต่ก็ยังสู้ยาของนางไม่ได้อยู่ดี' ไป๋หลันคิดในใจ
"รองเท้าของเจ้า ข้ามิเคยเห็นที่ใดมาก่อน" เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัยมันแปลกประหลาดแต่นางสวมใส่แล้วช่างดูดียิ่งนัก
"อ๋อ...ข้าได้มันมาจากพ่อค้าที่ท่าเรือ เขาได้มันมาจากพ่อค้าต่างเเดนชาวอิงกั๋วอีกทอดหนึ่ง แต่มันมีเพียงคู่เดียวและช่างพอดีกับเท้าของข้านัก" ไป๋หลันเอ่ยคำโกหกออกไป
เห็นไหมว่านางรอบคอบแค่ไหน!
"เป็นเช่นนั้นหรือข้าว่ามันสวยดียิ่งนักเสียดายที่มีเพียงคู่เดียว" ชายหนุ่มเอ่ย
"เจ้าค่ะ ข้าเองยังเสียดายเลยอยากได้ไว้เปลี่ยนกันใส่" ไป๋หลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าเสียดาย
"เจ้าจะไปที่ใดข้าจะไปส่ง" เขาเอ่ยถามเพราะเท้าของนางยังไม่หายดี
"เอ่อ...ข้าไม่ได้ไปที่ใดเจ้าค่ะบ้านข้าอยู่ใกล้ ๆ แค่นี้เดินกลับเองได้ ท่านมีธุระก็รีบไปทำเถิดเจ้าค่ะไม่ต้องเป็นห่วง " ไป๋หลันเอ่ยโกหก
'นี่นางโกหกมากี่ครั้งแล้วมันจะติดเป็นนิสัยหรือเปล่านะ'
"ข้าชื่อเฟยเทียน เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ เผื่อวันข้างหน้ามีวาสนาพบกันจะได้เรียกชื่อเจ้าได้ถูก" เฟยเทียนเอ่ยถามคนตัวเล็กตรงหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน
1...