หลินไป๋หลัน นิยาย บท 46

เมื่อสหายเดินออกจากห้องมีมี่จึงรีบลงกลอนประตูทันที แล้วเดินไปหยิบผ้าชุบน้ำเพื่อมาเช็ดตัวให้พี่ชายบุญธรรม นางจัดการถอดเสื้ออีกฝ่ายหนึ่งออกทันที เผยให้เห็นมัดกล้ามที่ผ่านการฝึกฝนมาจนขึ้นลอนหกลูกชวนน่าสัมผัส

'หูย...น่ากินชะมัด' มีมี่คิดในใจพลางใช้ผ้าเช็ดน้ำลายตัวเองแทนที่จะเช็ดตัวให้อีกฝ่าย

ขณะที่มือบางลูบไล้เพื่อสัมผัสมัดกล้ามที่อัดแน่น พี่ชายบุญธรรมก็ใช้มือปัดป่ายไปมาด้วยความที่ไม่รู้สติ แถมปากก็ยังเอ่ยบ่นพึมพรำฟังไม่ศัพท์

มีมี่ยกยิ้มด้วยความเอ็นดู พลางเลื่อนมือบางไล้ลงมายังกางเกงขายาวสีขาวที่ยังเหลือติดกายอยู่เพียงตัวเดียว แล้วจึงจัดการดึงมันให้เลื่อนต่ำลงมา...

พลันปรากฏแท่งยาน้อยที่กำลังนอนหลับไหล มีมี่ใช้มือลูบวนไปมาจนแท่งยาตรงหน้าขยายตัวจนใหญ่ขึ้น

มีมี่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ!!...แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าตนเองอีกคราเพื่อตั้งสติ นางไม่เคยเห็นแท่งยาหลอดใหญ่ขนาดนี้มาก่อนสาบานได้ แทนที่ปากของนางจะหายมันจะระบมหนักขึ้นไปอีกหรือไม่นะ

อยากรู้ต้องลอง!!...ด้านได้...อายอด มีมี่ให้กำลังใจตัวเองพลางยกยิ้มมุมปาก

จากนั้นก็จัดการเอาแท่งยาลูบไล้บริเวณปากที่มีแผลของตนเองอย่างหยอกล้อ แค่ทาคงยังไม่หายมีมี่คิดเข้าข้างตนเองเช่นนั้น แล้วจัดการเอาแท่งยาใหญ่เข้าปากดูดเลียอย่างเพลิดเพลินนานเกือบสองเค่อจนตัวยาในหลอดไหลพุ่งออกมาเข้าเต็มปากจนแทบจะสำลัก

เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็รีบจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้อีกฝ่ายจัดแจงสวมใส่อาภรณ์ให้เข้าที่เหมือนเดิมอย่างตาละห้อยอ้อยอิ่ง พลางคิดในใจ'แค่เบา ๆ ก่อนเดี๋ยวไก่ตื่น'  แล้วรีบเดินออกจากห้องกลับเรือนนอนของตนเองทันที

เช้าวันรุ่งขึ้นหยางอู๋เหยาลุกขึ้นมาเข้าครัวทำอาหารแต่เช้าตรู่ เมื่อทุกคนเดินมายังโต๊ะอาหารจึงเอ่ยทักทายกันตามมารยาทแล้วนั่งลงกินอาหารกันทันทีระหว่างกำลังกินอาหารก็เอ่ยพูดคุยปรึกษาหารือกันในเรื่องต่าง ๆ

"พี่ใหญ่เช้านี้รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างเมื่อคืนท่านเมามายไม่สติเลย" ไป๋หลันเอ่ยถามพี่ชายกลัวว่าเขายังเมาค้างอยู่

"เมื่อคืนพี่เมามากไม่รู้ตัวเลยว่ากลับเรือนนอนมาได้อย่างไร แต่ตื่นเช้ามารู้สึกว่าสดชื่นกระปรี้กระเปร่ามากเลยทีเดียวสงสัยคงต้องขอดื่มบ่อย ๆ เสียแล้ว" เฉินหยางเอ่ยตามความรู้สึกของตนและคงจะเป็นน้องสาวของเขานั่นแหละที่พาเขากลับเรือนนอนเมื่อคืนนี้

มีมี่และไป๋หลันหันหน้ามามองสบสายตากันพลางสื่อสารทางสายตาที่รู้กันเพียงสองคน

'ทำดีมากนางกระเทยภูธรที่ไม่โดนจับได้'

'เชื่อใจฉันได้นางชะนี ฝีมือระดับนี้แล้ว'

"ใช่ ๆ พ่อก็ว่าเป็นเช่นนั้นไวน์ของเจ้าช่างดียิ่งนักหลันเอ๋อร์" เฉินหยวนเอ่ยสมทบขึ้นอีกแรง

สองสาวได้ยินเช่นนั้นก็หันมาสบตากันอีกคราอย่างไม่ได้นัดหมายต่างคิดพร้อมกันอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง

'หืม...ท่านพ่อก็ด้วยหรือ?'

"มี่เอ๋อร์ปากของเจ้าเป็นแผลเช่นนั้นหรือไปโดนอะไรมา" หยางอู๋เหยาเอ่ยถามบุตรสาวบุญธรรมด้วยความห่วงใย

"ข้าซุ่มซ่ามเผลอกัดปากตนเองเจ้าค่ะแต่ทายาแล้วเมื่อคืนนี้" มีมี่เอ่ยบอกตามความจริงเรื่องที่ทายาแล้วแม้ว่ายาของนางและท่านแม่จะคนละอย่างกันก็เถอะ

เฉินหยางที่เห็นปากของน้องสาวบุญธรรมที่มีแผลก็พลันขนกายลุกซู่ขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ

'หรือจะไม่สบาย'

"วันนี้ลูกและมีมี่จะไปตลาดเพื่อมองหาทำเลเหมาะ ๆ ทำร้านน้ำชาเจ้าค่ะ" ไป๋หลันเอ่ยบอกบิดาและมารดา

"พี่จะเตรียมตัวรอเลยมี่เอ๋อร์" เฉินหยางเอ่ยพร้อมกับยิ้มอย่างเอ็นดูให้น้องสาวบุญธรรมที่ช่างพูดช่างเจรจา

ขณะที่ทั้งสามคุยกันอย่างสนุกสนานระหว่างรออาหารก็พลันได้ยินเสียงดังมาจากด้านล่าง ไป๋หลันก้มมองดูก็เห็นสตรีวัยไล่เลี่ยกันกับนางสองคนแต่งตัวดูดีไม่บอกก็รู้ว่าเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่และอีกสองนางคงจะเป็นสาวใช้ กำลังเสียงดังใส่เสี่ยวเอ้อร์

"ข้าบอกว่าจะนั่งที่ประจำของข้าเจ้าไม่เข้าใจหรือข้าเป็นลูกค้าประจำของที่นี่นะ" หญิงสาวหน้าตางดงามนามว่าหลินเฟิ่งจิ่ว บุตรีของท่านแม่ทัพหลินจี้ซาน อายุสิบห้าปี เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจบ่งบอกว่ากำลังโมโห

"ขออภัยคุณหนู แต่โต๊ะประจำตอนนี้มีคนนั่งอยู่ก่อนแล้วประเดี๋ยวข้าน้อยจะจัดโต๊ะด้านในให้คุณหนูนะขอรับ" หลงจู้เดินออกมาเมื่อได้ยินเสียงดังและเอ่ยขอโทษอย่างนอบน้อม

"เจ้าก็จัดการย้ายโต๊ะคนพวกนั้นให้ข้าเสียสิ" หลินเฟิ่งจิ่วเอ่ยอย่างเอาแต่ใจ ด้วยตนเป็นบุตรเพียงคนเดียวมีแต่คนคอยเอาอกเอาใจไม่มีใครกล้าขัด

"เฟิ่งจิ่วข้าว่าเราไปนั่งโต๊ะอื่นก็ได้คนมองกันใหญ่แล้ว" หลี่ฟางเซียน บุตรตรีเสนาบดีฝ่ายซ้ายอายุสิบห้าปีสหายของหลินเฟิ่งจิ่วเอ่ยขึ้น สหายของตนเอาแต่ใจเกินไปแล้วตอนนี้อยู่ด้านนอกจวนแท้ ๆ ไม่หัดควบคุมอารมณ์บ้างมันไม่เป็นผลดีกับตนเองเสียเลยสักนิด

             "ก็ได้ข้าเห็นแก่เจ้านะฟางเซียน" 

              "เช่นนั้นเชิญตามข้าน้อยมาเลยขอรับ"หลงจู๊เอ่ยพร้อมกับเดินนำทั้งหมดขึ้นชั้นสองทันที

              เมื่อเดินมาถึงยังโต๊ะที่หลงจู๊จัดเอาไว้ให้หลินเฟิ่งจิ่วก็ยังไม่วายที่จะมองไปยังโต๊ะที่ตนเองเคยนั่ง และรู้สึกว่าคุ้นหน้าคุ้นตากับคนที่นั่งอยู่จึงยืนเพ่งพินิจอยู่ชั่วครู่ก็พลันตกใจ

'พวกมันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร'

ไวเท่าความคิดเท้าเล็กเรียวก้าวตรงไปยังเป้าหมายทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน