หลินไป๋หลัน นิยาย บท 69

#ร้านน้ำชาหอมหมื่นลี้

      หนานเหวินหลงที่เดินทางออกจากพรรคจันทรามาแต่เช้าเพื่อมาหาคู่หมั้นที่ร้านหอมหมื่นลี้ เขาเป็นห่วงนางกลัวว่าจะคิดมากเรื่องข่าวลือที่ชาวบ้านโหมกระพือกันอยู่ตอนนี้ เขาจึงต้องมาหานางทุกวันเพื่อให้ชาวบ้านได้เห็นว่าเขารักนางมากเพียงใด เมื่อวานที่เขาให้ตงชินไปสืบความก็ได้ทราบว่าเป็นฝีมือของเมิ่งซูฮวาอย่างที่เขาคาดคิดเอาไว้จริง ๆ 

               เมื่อเดินเข้ามาภายในร้านตอนนี้ก็มีลูกค้านั่งกันอยู่หลายโต๊ะแล้วก็เห็นคู่หมั้นของเขากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะบัญชีก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่างอยู่จนไม่ทันสังเกตเห็นเขาที่เข้ามา

          "เสี่ยวหลันเจ้ากำลังเขียนอะไรอยู่หรือ?" หนานเหวินหลงเอ่ยถามคนตัวเล็กที่ตั้งหน้าตั้งตาเขียนอย่างตั้งอกตั้งใจ

       "อ้าว!! พี่หลง มาแต่เช้าเลยหรือเจ้าคะ'' ไป๋หลันเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดจึงเอ่ยถามคนตรงหน้าอย่างสงสัย

         "พี่เป็นห่วง จึงมาดูว่าเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" 

        ไป๋หลันที่ได้ยินดังนั้นก็สงสัยว่าพี่หลงเป็นห่วงเรื่องอะไรนางก็สบายดีครบสามสิบสองกินอิ่มนอนหลับ

      "ข้าสบายดีมิได้เป็นอะไรกินอิ่มนอนหลับเจ้าค่ะ" 

     ''เจ้านี่นะ มิคิดหึงหวงกลัวว่าพี่จะเป็นอย่างที่ข่าวเขาลือกันบ้างหรือ?" หนานเหวินหลงทำเสียงแง่งอนคนตัวเล็ก

       'โอ๊ย...ใจละลายคนอะไรหล่อวัวตายควายล้ม' ไป๋หลันคิดในใจเมื่อเห็นใบหน้าแง่งอนของคู่หมั้น

       "ข้าเชื่อใจพี่หลงนี่เจ้าค่ะอย่าน้อยใจเลยนะ นะ" ไป๋หลันกระพริบปริบ ๆ อ้อนคนตรงหน้าด้วยท่าทางออดอ้อน

       "โอ๊ย ๆ...แถวนี้ทำไมมดถึงเยอะขนาดนี้ สงสัยจะมีใครมาทำน้ำตาลหกแถวนี้เป็แน่" เฉินหยางที่เดินไปมาคอยดูแลความเรียบร้อยในร้าน พอได้ยินบทสนทนาและหน้าตาขี้อ้อนของน้องสาวแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ จึงเอ่ยขัดคอขึ้นลอย ๆไม่ได้เจาะจง แล้วเดินผ่านไปอย่างไม่รอฟังคำตอบ

     # โรงเตี้ยมชื่อดังในเมือง

       ร่างอรชรนั่งอยู่บนเตียง ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตลาดยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น มันน่าเจ็บใจนัก ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าชาวบ้านต่างพากันพูดถึงนางในด้านเสีย ๆ หาย ๆ แล้วกลายเป็นนังไป๋หลันที่แสนดีแทน

     "คุณหนูเจ้าคะ ท่านอย่าได้คิดมากไปเลยเจ้าค่ะประเดี๋ยวชาวบ้านก็ลืมกันไปเอง" ชิงลี่เอ่ยปลอบใจ ตั้งแต่คุณหนูวิ่งออกมาก็เอาแต่ทำหน้าบึ้งตึง ไม่พูดไม่จา

     "ข้าเกลียดพวกมัน!! ข้ากลียด ๆ เจ้าได้ยินหรือไม่ ข้าจะจองเวรพวกมันไม่ให้ได้อยู่กันอย่างสงบสุขหรอกคอยดูข้าเถอะ" เมิ่งซูฮวาตะโกนเสียงดังใส่สาวใช้ข้างกายอย่างระบายโทสะของตัวเอง

     "เช่นนั้นเรามาคิดหาทางเล่นงานพวกมันกันดีหรือไม่เจ้าคะ" ชิงลี่เอ่ย

      เมิ่งซูฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็เงียบใช้ความคิดว่านางจะใช้แผนการอะไรมาเล่นงานคนมีที่เป็นมารขัดขวางความรักของตนเองดี พลันนึกขึ้นได้ว่านังไป๋หลันมันมีร้านน้ำชาชื่อว่าหอมหมื่นลี้ ความคิดดี ๆ ก็ปรากฏขึ้นจึงเรียกเงาของตนออกมาทันที

        "เจ้าไปจ้างพวกอันธพาล ให้พวกมันไปป่วนร้านน้ำชาหอมหมื่นลี้ แล้วอย่าให้พวกมันรู้ว่าผู้ใดคนคนว่าจ้างเด็ดขาด" เมิ่งซูฮวาเอ่ยสั่งเงา

     "ขอรับคุณหนู" เงาตอบรับคำสั่งแล้วพลันเร้นกายหายไปทันที

     หนานเหวินหลงอยู่สนทนากับคู่หมั้นของตนจนบ่ายคล้อย จึงขอตัวกลับและวันพรุ่งนี้เขาจะเป็นคนนำขบวนของหมั้นมาที่จวนของนางด้วยตนเอง

     เมื่อถึงเวลาปิดร้านเฉินหยางและไป๋หลันก็เดินทางกลับจวนทันที เมื่อมาถึงท่านแม่ก็รีบเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าร้อนใจ

    "ท่านแม่มีเรื่องอันใดหรือขอรับ" เฉินหยางเอ่ยถามทันที

เฉินหยางที่ถูกร่างบางใช้ตักของตนหนุนแทนหมอนก็รู้สึกอุ่นวาบหัวใจขึ้นมา พลันยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กเบา ๆอย่างเอ็นดู  เขาก็ทำแบบนี้กับหลันเอ๋อร์อยู่เป็นประจำเหมือนกัน

"เจ้าบาดเจ็บตรงไหน ขอพี่ดูหน่อยทายาหรือยัง"

"ข้าบาดเจ็บทั้งตัวถ้าพี่หยางจะดูข้าคงต้องเปลื้องผ้าออกทั้งหมดแล้วกระมัง" มีมี่เอ่ยเย้าแล้วแกล้งยกมือทำท่าจะถอดเสื้อผ้าออก แต่!!พี่หยางกับเงียบไม่เอ่ยห้ามปราม

เฉินหยางที่ได้ยินว่านางจะเปลื้องผ้าออกทั้งหมด พลันภาพที่ตัวเองปลดกระดุมชุดนอนของร่างบางแล้วเผยให้เห็นดอกบัวคู่งามสีขาวสองดอกน่าเชยชม เฉินหยางกลืนน้ำลายดัง เอื้อก!อย่างเหนียวคอ

"พี่หยางท่านจะดูข้าเปลื้องผ้าจริง ๆ หรือ ไม่คิดจะทักท้วงข้าบ้างเลยหรืออย่างไร" มีมี่เอ่ยถามอย่างสงสัย

"เจ้ากำลังบาดเจ็บพี่มิอยากขัดใจ" เฉินหยางเอ่ยยียวน พลางเก็บซ่อนอารมณ์ร้อนรุ่ม เพราะภาพที่ฉายชัดขึ้นมาในหัว แล้วร่างบางที่นอนหนุนตักอยู่ก็ขยับหัวไปมาไม่อยู่สุข ทำให้รู้สึกวาบหวามใจยิ่งนัก จนต้องนั่งตัวเกร็งข่มอารมณ์ของตนเอาไว้

"ชิ!! ข้าไม่คุยด้วยแล้ว" มีมี่เอ่ยพลางขยับตัวหันตะแคงหน้ามาทางหน้าท้องแกร่งของพี่ชายบุญธรรม

ใบหน้างามหันตะแคงมาจุ่มจ่ออยู่ตรงระหว่างขา มีมี่ที่คิดขึ้นมาได้พลันเบิกตากว้างจ้องมองบางสิ่งที่อยู่ตรงกลางมันค่อย ๆ นูนขึ้น ๆถึงแม้ว่าจะมีอาภรณ์ปิดบังอยู่ แต่นางก็สามารถคาดเดาได้ว่ามันคืออะไรและขนาดเท่าใด เพราะนางเคยสัมผัสและกลืนกินมันมาแล้ว มีมี่กลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างยากลำบาก ใจก็อยากจะสัมผัสมันดูอีกสักครั้งแต่ก็ต้องข่มใจเอาไว้ ขืนทำอะไรลงไปตอนนี้คงจะเข้าหน้ากันไม่ติด คิดได้ดังนั้นจึงลุกขึ้นนั่งแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสิ่งใด

"พี่หยางข้าหิวแล้วเราออกไปกินข้าวเย็นกันเถิดป่านนี้ทุกคนคงจะรอแล้ว" มีมี่ลุกขึ้นนั่งแล้วเอ่ยเปลี่ยนเรื่องทันที

"เช่นนั้นเรารีบออกไปกันเถิด" เฉินหยางพ่นลมหายใจอย่างโล่งอกออกมา

'เจ้าหยางน้อยตัวดีช่างน่าตียิ่งนัก'

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน