"มีขอรับแต่ศิษย์ไม่มั่นใจกลัวว่าจะเป็นพวกก่อกวน เลยให้ลี่อินเข้ามาแจ้งท่านเจ้าสำนักและให้พวกนางรออยู่ด้านนอก แต่ลี่อินบอกว่าท่านเจ้าสำนักมิได้รับลูกศิษย์เลย ศิษย์ก็เลยมิได้สนใจนางอีกขอรับ" อินฉินเอ่ยบอกความจริง
รองเจ้าสำนักเรียกสตรีสวมชุดสีม่วงอ่อนมาสอบถาม จึงได้ความว่านางหาท่านเจ้าสำนักไม่พบ และท่านเจ้าสำนักไม่เคยรับลูกศิษย์มาก่อนจึงคิดว่าพวกนางมาเพื่อก่อกวน จึงปล่อยให้พวกนางอยู่ด้านนอกประเดี๋ยวคงกลับลงไปเอง เมื่อได้ฟังเรื่องราวจึงเข้าไปรายงานท่านเจ้าสำนักตามความจริง...
เจ้าสำนักหม่าชิงหลุนเมื่อได้ฟังเช่นนั้นก็โกรธมากจึงปล่อยแรงกดดันออกมาเพื่อระบายโทสะของตน จนผู้คนในโถงอึดอัดหายใจไม่ออกเข่าทรุดลงไปกับพื้น หม่าชิงหลุนเก็บแรงกดดันของตนแล้วรีบลุกจากเก้าอี้เดินตรงไปยังทางเข้าสำนักทันทีด้วยความร้อนใจตามด้วยเหล่าอาจารย์อีกสี่คนก็เดินออกมาด้วยเช่นกัน
ทางด้านไป๋หลันและมีมี่ที่นั่งรอนอนรออยู่ใต้ต้นไม้ก็ยังไม่มีใครออกมาตามเลย พวกนางชะเง้อมองพบว่าตอนนี้ผู้คนที่ทางเข้าหน้าประตูหายไปกันหมดแล้วเหลือแต่ผู้เฝ้ายามหน้าประตูเท่านั้น
"มีมี่สงสัยพวกเราจะโดนตัดหางปล่อยวัดเสียแล้ว" ไป๋หลันเอ่ยบอกสหาย
"ดี ๆ อย่างนั้นเรากลับจวนกันเถิดข้าเป็นห่วงร้านคาเฟ่ของเรา" มีมี่เอ่ยอย่างดีใจ
"ห่วงร้านหรือห่วงผู้ชาย ให้มันน้อย ๆ หน่อยนะนางกะเทยแล้วยาคุมฉุกเฉินกินหรือยัง" ไป๋หลันเอ่ยอย่างรู้ทัน และรู้เรื่องราวของสหายที่กินตับพี่ชายของตนเรียบร้อยเพราะนางมาขอยาคุมฉุกเฉิน
"ย่ะ!!" มีมี่เอ่ย
ไป๋หลันยืนนิ่งใช้ความคิด ท่านอาจารย์คงไม่ตัดหางพวกนางแน่น่าจะมีการผิดพลาดอะไรบางอย่างเกิดขึ้นก็เป็นได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงชวนสหายนั่งกินขนมนมเนยและเครื่องดื่มเย็น ๆ รอ ไป๋หลันเงยหน้ามองขึ้นไปบนต้นไม้เพราะรู้สึกว่ามีใครจ้องมองอยู่ เมื่อมองขึ้นไปพบว่ามันเป็นนกสีขาวแซมแดงสวยงามดวงตามีสีแดงมันกำลังจ้องมองมาที่นาง
"มีมี่นกตัวนั้นมันจ้องมองเราอยู่ข้าถูกชะตายิ่งนัก" ไป๋หลันชี้ให้สหายดูนกสีขาวแซมแดงบนต้นไม้ใหญ่
"เออ...จริงด้วยดูเหมือนมันจะเชื่องด้วยนะ เจ้าคุยกับสัตว์ได้ลองคุยกับมันดูสิ" มีมี่เอ่ยบอกสหาย
"ก็มันอยู่สูงข้าจะคุยกับมันรู้เรื่องได้อย่างไร" ไป๋หลันเอ่ยพลางนึกบางอย่างออก
"อ้อ...ข้าลืมไปว่าเรามีธาตุลม ฮ่า ๆ ๆ" ไป๋หลันหัวเราะเบา ๆ นางลืมเพราะช่วงหลังมานี้มัวแต่ยุ่งเรื่องร้านคาเฟ่ จนไม่ได้สนใจพลังและฝึกฝนเพิ่มเลยลืมว่าตนเองมีพลังที่สามารถเหาะเหินได้
ทั้งไป๋หลันและมีมี่ใช้ธาตุลมพยุงตัวขึ้นแล้วเหยียบกิ่งไม้ไต่ขึ้นไปหานกน้อย แต่มันกลับกระโดดขึ้นไปสูงขึ้น ๆ เหมือนแกล้งกัน นางและมีมี่ก็ยังตามมันไปเรื่อย ๆ จนไม่ทันได้มองว่ามันขึ้นมากสูงเพียงใด จนนกน้อยตัวนั้นหยุดลงเพราะไม่มีกิ่งก้านให้เหยียบขึ้นไปต่อเพราะอยู่ถึงบนยอดไม้แล้ว
"เจ้านกน้อยเจ้าสวยงามมากเลย ข้ามิเคยพบเห็นมาก่อน" ไป๋หลันเอ่ยพูดคุยกับนกน้อย
"แน่ล่ะข้างามที่สุดในใต้หล้า" เจ้านกน้อยเอ่ยอวยตัวเองเพราะคิดว่ามนุษย์ฟังมันไม่รู้เรื่อง
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าไม่ถ่อมตัวเลยนะยอมรับว่าตัวเองงามที่สุดในใต้หล้า" ไป๋หลันหัวเราะชอบใจและหันหน้าไปทางสหายที่ติดตามมาแล้วนั่งอยู่บนกิ่งไม้
"อ้ะ!! เจ้าฟังข้ารู้เรื่องด้วยหรือ?" นกน้อยเอ่ยถามอย่างสงสัย
"รู้เรื่องสิแถมข้าใจดีแล้วก็สวยอีกด้วยนะ" ไป๋หลันเอ่ยเย้านกน้อย
"เจ้าก็ไม่ถ่อมตัวเลยเหมือนกัน แต่ข้าก็ดีใจที่มีมนุษย์พูดคุยด้วย"
หม่าชิงหลุนรีบช่วยพยุงศิษย์รักให้ยืนขึ้นและตรวจดูว่าพวกนางได้รับบาดเจ็บร้ายแรงตรงไหนหรือไม่เมื่อไม่พบจึงเบาใจ
"ข้าคิดว่าพวกเจ้ากลับไปแล้วจึงโมโหนิดหน่อย แล้วใครใช้ให้พวกเจ้าขึ้นไปอยู่บนนั้นกันเล่า ช่างซุกซนกันเสียจริง” หม่าชิ่งหลุนเอ่ยตำหนิศิษย์รักที่ซุกซนเช่นนี้
“สตรีสองนางนี้คือศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักเช่นนั้นหรือ?” รองเจ้าสำนักเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ถูกต้องแล้วพวกนางคือศิษย์รุ่นแรกของข้า ศิษย์รักคำนับอาจารย์ทั้งหลายของสำนักเร็วเข้าพวกเจ้ายังต้องเรียนรู้กับพวกเขาอีกมาก” เจ้าสำนักหม่าชิงหลุนเอ่ยตอบรองเจ้าสำนักจากนั้นก็หันไปกล่าวกับศิษย์รักให้คาราวะเหล่าอาจารย์ของสำนักเซียน
“คาราวะท่านอาจารย์เจ้าค่ะ” ทั้งไป่หลันและมีมี่เอ่ยพร้อมยกมือคำนับอย่างนอบน้อม เหล่าอาจารย์เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ยกมือเพื่อรับการคำนับจากศิษย์เช่นเดียวกัน
“เรารีบเข้าไปข้างในกันเถิดทุกคนรออยู่" หม่าชิงหลุนเอ่ยบ่นแล้วชักชวนทั้งหมดให้รีบเข้าไปด้านในทันทีเพราะออกกันมานานแล้ว
งานต้อนรับศิษย์ผ่านพ้นไปอย่างเรียบร้อยไม่ติดขัดถ้าไม่ในนับช่วงแรก หลังจบงานพวกไป๋หลันและมีมี่ก็เดินมายังห้องพักเป็นบ้านไม้ขนาดกลางมีห้องนอนสองห้อง ห้องน้ำ ห้องครัว และห้องนั่งเล่น คล้าย ๆ กับบ้านน๊อคดาวน์ในโลกเก่า มีบ้านหลายหลังตั้งอยู่ไม่ไกลกันมากคงจะเป็นของศิษย์คนอื่น ๆ เช่นกัน
พรุ่งนี้จะเริ่มต้นการเรียนและท่านอาจารย์หม่าชิงหลุนก็ได้นัดแนะเรียบร้อยแล้ว วันนี้พวกนางจึงนอนพักผ่อนเอาแรงกันก่อน หลังจากนั้นก็เอาเครื่องนอนและสัมภาระต่าง ๆ ออกมาจากแหวนมิติและจัดเรียงให้เรียบร้อยสวยงามแล้วก็เข้านอนกันทันทีโดยมีนกน้อยนามว่าเฟยเฟยมาอาศัยอยู่ที่ห้องพักด้วยเช่นกัน
เฟยเฟย เป็นสัตว์อสูรที่ท่านอาจารย์หม่าช่วยเหลือเอาไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ท่านไม่ได้คิดบังคับให้มันทำพันธะสัญญาด้วยจึงสื่อสารพูดคุยกันไม่ได้ แต่ท่านก็คอยเลี้ยงดูมันเป็นอย่างดีคอยให้โอสถเพิ่มพลังปราณกับมันอีกด้วย...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน
1...