#เช้าวันรุ่งขึ้น
ไป๋หลันและมีมี่ออกจากบ้านพักเดินไปยังโรงครัวเพื่อกินอาหาร ที่สำนักเซียนมีแม่ครัวคอยปรุงอาหารให้ครบทั้งสามมื้อด้วยเพราะค่าเล่าเรียนที่ค่อนข้างแพงเอาการ
พวกนางทั้งสองคนสวมใส่อาภรณ์สีเขียวที่ข้างเอวห้อยป้ายหยกสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของท่านอาจารย์หม่าชิงหลุน ส่วนของไป๋หลันจะห้อยหยกขาวของหอหมื่นโอสถเพิ่มอีกหนึ่งชิ้นเพื่อกลบกลิ่นกายหอมบนตัวของนางนั่นเอง
เมื่อเดินมาถึงยังโรงครัวพวกนางก็เป็นจุดสนใจของหลายคน คงเป็นเพราะความสวยของพวกนาง...เอ๊ย คงเป็นเพราะพวกนางเป็นศิษย์รักของอาจารย์หม่าชิงหลุน ไป๋หลันและมีมี่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีส่งยิ้มหวานให้ทุกคนอย่างมีไมตรีแต่ก็มีคนส่งยิ้มกลับมาบ้างด้วยมิตรไมตรีเช่นกัน
ศิษย์ใหม่และศิษย์เก่าของที่นี่รวม ๆ กันแล้วมีไม่ถึงสองร้อยคนถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยมาก เนื่องด้วยคนที่สามารถปรุงโอสถได้นั้นมีน้อยกว่าสายฝึกยุทธ์อยู่มาก และด้วยเหตุนี้นักปรุงโอสถจึงเป็นที่ยอมรับและมีเกียรติอย่างสูงเลยทีเดียว
หลังกินอาหารเช้าเรียบร้อยต่างก็แยกย้ายกันศึกษาเล่าเรียน สำนักเซียนไม่เพียงแต่สอนตำราแพทย์แต่ยังสอนด้านการฝึกวรยุทธ์อีกด้วย ดูอย่างท่านอาจารย์หม่าชิงหลุนแค่ปล่อยแรงกดดันก็ทำให้นางและมีมี่ตกจากต้นไม้ไม่เป็นท่าเลยทีเดียว
ภายในห้องเรียนมีศิษย์ประมาณยี่สิบคน นั่นเพราะอาจารย์แต่ละท่านจะแบ่งลูกศิษย์กันออกไป ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งจะออกไปที่แปลงสมุนไพรสลับกัน ไป๋หลันและมีมี่เข้ามานั่งด้านหลังห้องมานั่งเรียนแบบนี้ทำให้นึกถึงโลกเก่าของพวกนางยิ่งนัก การเรียนเป็นไปอย่างน่าเบื่อเพราะไป๋หลันจดจำรายชื่อสมุนไพรได้ทั้งหมดแล้ว จะห่วงก็แต่มีมี่ที่ต้องคอยกระตุ้นให้นางตั้งใจฝึกท่องจำอยู่บ่อย ๆ
ช่วงบ่ายห้องที่ห้องเรียนของพวกนางทั้งสองคนจะลงไปที่แปลงเพาะปลูกสมุนไพรที่ทางสำนักได้ปลูกเอาไว้มากมายหลายไร่สุดหูสุดตา มีเหล่าศิษย์พี่บางคนกำลังทำแปลงเพาะปลูกเพิ่มอีก อาจารย์ที่สอนยังให้พวกนางแบ่งเขตรับผิดชอบดูแลแปลงสมุนไพรด้วย ถ้าใครทำสมุนไพรเสียหายหรือล้มตายจะถูกลงโทษ...
"อาจารย์ข้าเบื่อมากเลยมีอย่างอื่นให้ทำอีกหรือไม่" ไป๋หลันเอ่ยถามอาจารย์หม่าชิงหลุนหลังจากที่กลับจากการร่ำเรียนของวันแรกแล้ว
"ข้าก็กำลังจะมาบอกเจ้าอยู่นี่อย่างไรเล่าศิษย์รัก" หม่าชิงหลุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลื้มปริ่มยินดี ที่ได้เห็นลูกศิษย์ของตนเขาเองยังไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้
"ข้าจะให้อิสระในการเรียนรู้แก่เจ้า" หม่าชิงหลุนเอ่ย
"แสดงว่าข้าไม่ต้องเรียนก็ได้ใช่หรือไม่เจ้าคะ" ไป๋หลันเอ่ยอย่างดีใจ
"เปล่า!! พวกเจ้าอย่าริเกียจคร้าน ที่บอกให้อิสระคือ พวกเจ้าเลือกว่าจะเรียนฝึกยุทธ์หรือปรุงยา ถ้าจะเรียนทั้งสองสายก็แบ่งเวลาเอาเองตามสมควร" หม่าชิงหลุนเอ่ย เขาไม่ห่วงศิษย์คนน้องหรอกเพราะนางเก่งกาจเรื่องปรุงยาอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องฝึกฝนบ่อย ๆ เพื่อเลื่อนระดับนักปรุงยาให้สูงขึ้นตอนนี้นางอยู่ในระดับขั้นสูงแล้ว ส่วนคนพี่นี่ต้องเคี่ยวกรำกันหน่อยแต่ดูแล้วนางก็มีพรสวรรค์อยู่ไม่น้อย ถึงแม้จะอยู่ในระดับขั้นต้นเท่านั้นก็ตาม
"ถ้าข้าจะเรียนด้านฝึกยุทธ์อาจารย์จะสอนเองหรือไม่เจ้าคะ" มีมี่เอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้
"เจ้ามีความรู้พื้นฐานหรือยังเรื่องการใช้กระบี่" หม่าชิงหลุนเอ่ยถามศิษย์ของตน
"พวกข้ายังไม่เคยจับกระบี่เคยจับแต่มีดผ่าตัด" ไป๋หลันเอ่ย อย่างติดตลก แต่ก็เป็นจริงอย่างที่นางเอ่ยมา
"เอาละ ๆ อย่างนั้นเจ้าก็ไปฝึกพื้นฐานกับรุ่นพี่ให้คล่องแคล่วเสียก่อน แล้วข้าจะเป็นผู้สอนเพลงกระบี่อันร้ายกาจที่เป็นเคล็ดลับวิชาของข้าให้" หม่าชิงหลุนเอ่ย
ทั้งสองได้ยินเช่นนั้นก็ตาลุกวาวเป็นประกายขึ้นมาทันทีด้วยความดีใจ และอย่างน้อยมันก็ไม่น่าเบื่อเท่ากับการไปนั่งฟังบรรยายในห้องเรียน
"ศิษย์จะตั้งใจฝึกฝนไม่ให้เสียชื่ออาจารย์อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ" ไป๋หลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ศิษย์ก็เช่นกันเจ้าค่ะ'' มีมี่เอ่ย
"ฮ่า ๆ ๆ ดีมาก ๆ ศิษย์รัก" หม่าชิงหลุนเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ลูกศิษย์ของเขาช่างว่านอนสอนง่ายยิ่งนัก
# สำนักเหลียงซาน
ไป๋หลันหันไปแปลความหมายที่เฟยเฟยเอ่ยให้สหายฟัง มีมี่ที่ได้รับรู้ก็เอ่ยบ่น "เฟยเฟย เจ้านกเห็นแก่กินระวังจะกลายเป็นหมูแทนนกนะ" เอ่ยจบก็หันหลังเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากบ้านพักอย่างหัวเดียวกระเทียมลีบ...
# ตอนที่ 74 โดดเรียน
ไป๋หลันเดินไปที่ลานฝึกวรยุทธซึ่งระยะทางก็ถือว่าไกลอยู่พอสมควร ระหว่างทางที่เดินไปนั้นนางเห็นสตรีผู้หนึ่งนั่งมองการร่ำเรียนวรยุทธอยู่หลังต้นไม้แบบลับ ๆ ล่อ ๆ การแต่งกายของนางไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นศิษย์ของอาจารย์ท่านใด ต่อมเผือกของไป๋หลันจึงทำงานขึ้นทันใด
"เจ้าแอบดูอะไรหรือ?" ไป๋หลันเอ่ยทักหญิงสาวที่กำลังมองด้านหน้าอย่างเพลิดเพลินจนไม่รู้ตัวเลยว่านางเดินเข้ามา
"อุ้ย...ข้าขอโทษเจ้าค่ะ ข้าจะไปประเดี๋ยวนี้" หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน เมื่อมีคนมาเห็นว่านางกำลังแอบดูเหล่าศิษย์ฝึกวิชาต่อสู้กัน
"เดี๋ยว...ข้าไม่ได้ว่าอะไรเจ้าเสียหน่อยไม่ต้องกลัว" ไป๋หลันคว้าข้อมือหญิงสาวเอาไว้เมื่อเห็นว่านางกำลังจะเดินหนี แต่เมื่อมือเล็กเรียวสัมผัสเข้ากับจุดชีพจรของหญิงตรงหน้า พลันรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ ในตัวหญิงสาวผู้นี้
"เจ้าไม่ได้เป็นศิษย์ของที่สำนักเซียนหรือ?" ไป๋หลันเอ่ยถาม
"ใช่ ข้าไม่ได้เป็นศิษย์ แต่ท่านเจ้าสำนักหม่าสงสารข้าที่ไม่มีที่ไปจึงให้ข้ามาอาศัยและคอยช่วยงานแม่ครัวอยู่ในโรงครัว"
"เจ้าชอบการต่อสู้หรือถึงได้มาแอบดูเช่นนี้" ไป๋หลันเอ่ยถาม
"ข้าอยากมีวิชาต่อสู้เอาไว้ปกป้องตัวเองเวลาที่มีคนมารังแกจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ใช่เป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างที่ผ่านมา" หญิงสาวเอ่ยด้วยใบหน้าเศร้าสลดลงเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีตของตน
ไป๋หลันที่ได้ยินดังนั้นก็รับรู้ได้ว่าหญิงสาวผู้นี้มีอดีตที่ไม่สู้ดีนักจึงเปลี่ยนเรื่องสนทนาเพราะไม่อยากให้สตรีตรงหน้าคิดมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน
1...