หลินไป๋หลัน นิยาย บท 78

"ข้าชื่อไป๋หลันและนกน้อยที่เกาะอยู่บนบ่าข้าชื่อเฟยเฟย แล้วเจ้ามีนามว่าอะไรหรือ" ไป๋หลันเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร

"ข้าชื่อเย่วซิน" เย่วซินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรเช่นกัน นางไม่ค่อยได้สุงสิงกับผู้ใดมากนัก เพราะบางคนเลือกที่จะคบหาสหายที่มีความสามารถทัดเทียมกัน ถึงนางจะเคยเป็นบุตรขุนนางแต่ด้วยไร้สามารถจึงไม่เป็นที่คบหาของผู้ใดแม้แต่บิดาของตนเองยังไม่สนใจใยดี นางจึงชินกับการอยู่คนเดียวเสียแล้ว

"เช่นนั้นถือว่าเราเป็นสหายกันแล้วเราไปหาท่านอาจารย์หม่ากันเถิด" ไป๋หลันเอ่ยพร้อมกับจับจูงข้อมือของสหายคนใหม่โดยที่ไม่รอคำตอบของอีกฝ่าย ขณะที่กำลังจับจูงแขนเล็กของอีกฝ่ายนางก็แอบตรวจจับชีพจรไปด้วยเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง

“เดี๋ยว...เจ้าไม่ฝึกซ้อมวรยุทธแล้วหรือ" เย่วซินเอ่ยถามสหายคนแรกของตนขณะที่กำลังถูกดึงมือให้เดินตามนางไป

"วันนี้ข้าขี้เกียจข้าจะโดดเรียน" ไป๋หลันเอ่ย

เย่วซินถึงแม้ไม่ค่อยเข้าใจว่านางหมายถึงอะไร แต่ก็ยอมเดินตามแรงชักจูงไปแต่โดยดี หลังจากเดินตามหาอาจารย์หม่าชิงหลุนมาหลายที่จนมาเจออยู่ที่สวนสมุนไพรด้านหลัง เห็นอาจารย์หม่ากำลังก้ม ๆ เงย ๆ เก็บสมุนไพรอย่างตั้งใจ

"อาจารย์!!" ไป๋หลันส่งเสียงเรียกพร้อมกับโบกมือไปมาส่งสัญญาณว่าตนอยู่ทางนี้ แล้วรีบเดินเข้าไปหาทันที

เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจึงละสายตาจากสมุนไพรในมือ แล้วหันไปยังต้นเสียงพบลูกศิษย์ตัวน้อยยืนโบกมือมาทางตน ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนสตรีในห้องหอเลยสักนิด อาจารย์หม่าถอนหายใจอย่างปลง ๆ

"อาจารย์เจ้าคะข้ามีเรื่องรบกวนหน่อยเจ้าค่ะ" เมื่อเดินมาถึงก็รีบเอ่ยขึ้นทันทีไม่เว้นจังหวะให้อาจารย์หม่าได้ซักถาม

"มีเรื่องคอขาดบาดตายอันใดหรือถึงได้รีบขนาดนี้" หม่าชิงหลุนเอ่ยถามศิษย์รักของตน

"ท่านรู้จักเย่วซินใช่หรือไม่เจ้าคะ" ไป๋หลันเอ่ยถามพร้อมกับมองไปทางเย่วซินที่อยู่ด้านข้างของตน

"ใช่...เจ้าถามทำไมหรือ?" หม่าชิงหลุนเอ่ยถามด้วยความสงสัย

"ช่วยรับนางเป็นศิษย์ได้หรือไม่เจ้าคะนางอยากฝึกวรยุทธ" ไป๋หลันเอ่ยถาม

"ข้ารับนางมิได้หรอกนางไร้พลังปราณไร้ธาตุ แล้วนางจะฝึกได้อย่างไร" หม่าชิงหลุนเอ่ย เขาเองก็รู้สึกสงสารเย่วซินเหมือนกัน หลังจากที่พบนางและได้รู้ความจริงจากที่นางเล่าให้ฟัง เขาจึงให้นางพักอาศัยอยู่ที่สำนักเซียนแห่งนี้

"แสดงว่าถ้านางมีพลังปรานธาตุ ท่านอาจารย์จะรับนางเป็นศิษย์ใช่หรือไม่เจ้าคะ'' ไป๋หลันเอ่ยอย่างคาดหวัง

"เป็นเช่นนั้น" หม่าชิงหลุนเอ่ยรับปากศิษย์ของตนเพราะเย่วซินเคยบอกเขาแล้วว่านางไปทดสอบพลังธาตุแล้วไม่พบ นางไร้ซึ่งพลังใด ๆ

"ท่านอาจารย์คงไม่เคยตรวจจับชีพจรของนาง แต่คงไม่แปลกเพราะร่างกายนางเหมือนจะปกติดี ถ้าไม่นับผิวพรรณที่กระดำกระด่างร่างกายผ่ายผอมเช่นนี้" ไป๋หลันเอ่ยถามอาจารย์หม่า

"เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" หม่าชิงหลุนสงสัย

ไป๋หลันไม่ตอบแต่ยื่นมือของเย่วซินออกไปให้อาจารย์หม่าได้ลองตรวจจับดูเอง ท่านอาจารย์หม่าฉายาหมอเทวดาคงต้องพบความผิดปกติบางอย่างได้แน่นอน แต่ถ้าเป็นหมอทั่ว ๆ ไปคงตรวจพบยากสักหน่อย

"หือ...โดนพิษ?" หม่าชิงหลุนตั้งใจตรวจจับชีพจรของเย่วซิน ทุกอย่างแทบปกติถ้าไม่สังเกตดี ๆ เย่วซินที่ได้ยินท่านเจ้าสำนักเอ่ยเช่นนั้นก็ตกใจว่านางโดนพิษอะไร แล้วทำไมถึงยังไม่ตายให้หมดเวรหมดกรรมไปเสีย

"เจ้าค่ะ แต่อาจารย์ไม่ต้องห่วงข้าจะรักษานางเอง อาจารย์แค่เตรียมตัวรับศิษย์เพิ่มอีกหนึ่งคนแค่นั้นพอเจ้าค่ะ" ไป๋หลันเอ่ยบอกอาจารย์หม่าด้วยท่าทางจริงจัง

"นางชะนี!! ข้าเดินหาแทบตายมานั่งสบายอยู่นี่เอง วันนี้แกไม่รอดแน่..." มีมี่กระโจนใส่สหายพร้อมเอื้อมมือไปจับศีรษะเหวี่ยงไปมา จริง ๆ พวกนางเล่นแบบนี้กันประจำจนเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว แต่ที่ไม่ปกติคือคนที่อยู่ด้านข้างของไป๋หลันต่างหาก เย่วซินที่อยู่ในเหตุการณ์เห็นสตรีนางหนึ่งกระโดดเข้ามาทำร้ายสหายหมาด ๆ ของตนจึงลุกขึ้นแล้วปรี่เข้าไปช่วยทันที

"ปล่อยนางเดี๋ยวนี้...เจ้าเป็นใครถึงได้มาทำร้ายสหายข้า" เย่วซินเอ่ย ด้วยความตกใจจึงไม่ทันได้สังเกตชุดที่สตรีตรงหน้าสวมใส่ เอื้อมมือไปเหนี่ยวรั้งสตรีตรงหน้าให้ละมือจากสหายคนใหม่อย่างทุลักทุเล มีมี่ที่จู่ ๆ ก็มีคนมาดึงมือก็ตกใจ แล้วได้ยินสิ่งที่นางพูดจึงเอ่ยตอบไปโดยไว

"นางคือสหายข้า เจ้าไม่เกี่ยว..." มีมี่เอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้

"หยุด ๆ ๆ...ข้าเวียนหัวจะอ้วกแล้ว" ไป๋หลันตะโกนแทรกสหายทั้งสองเสียงดัง

ปึ้ง!! เสียงประตูบ้านพักเปิดพร้อมกับร่างสูงสวมอาภรณ์สีขาวอายุราวห้าสิบกว่าปี แต่งกายภูมิฐานที่สำคัญห้อยหยกสีขาวไว้ที่เอว สตรีทั้งสามคนหันหน้ามองพร้อมกับดวงตาเบิกกว้างด้วยตกใจ

"พวกเจ้าทะเลาะวิวาทกันเช่นนั้นหรือ?" รองเจ้าสำนักเอ่ยขึ้น

"เปล่าเจ้าค่ะ พวกเราแค่หยอกล้อกันเล่นเจ้าค่ะ" มีมี่เอ่ยตอบทันทีอย่างไม่ต้องคิดด้วยมีนิสัยเอาตัวรอดเก่ง

"แล้วนี่มันใช่เวลาที่พวกเจ้าจะมาเล่นกันหรือ?" รองเจ้าสำนักเอ่ยถามเสียงเข้มอย่างไม่รอฟังคำตอบแล้วเอ่ยสั่งต่อทันที "ไปวิ่งรอบลานฝึกยี่สิบรอบแล้วตะโกนดัง ๆ ว่า'จะไม่หนีเรียนอีกแล้ว 'ประเดี๋ยวนี้!!"

"ข้าไม่ได้หนีเรียนเช่นนั้นก็ไม่ต้องวิ่งใช่หรือไม่เจ้าคะ" เย่วซินเอ่ยถาม เพราะนางไม่ได้เป็นศิษย์ของสำนัก นางทำงานอยู่ที่โรงครัวต่างหาก

  "เจ้าแอบมาเล่นกับพวกนาง เช่นนั้นก็ตะโกนตอบพวกนางว่า 'ข้าด้วย' ยี่สิบรอบประเดี๋ยวนี้" รองเจ้าสำนักเอ่ยสั่งลงโทษทั้งสามคนเสียงเข้มเพื่อข่มขวัญต่อไปพวกนางจะได้มากล้าหนีเรียนกันอีก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน