ตอนที่27 สิทธิ์พิเศษของคุณ
ทาวัตไม่ได้โกรธเธอแม้แต่น้อยตรงกันข้ามรอยยิ้มของเขากลับดูสดใสมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ“คุณไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากเวลาอยู่กับผมหรอก คุณมีสิทธิ์ที่จะเป็นตัวของตัวเอง”
งานครบรอบของบริษัทตระกูลพูลสวัสดิ์ในค่ำคืนนี้ทำให้โรงแรมฮวงเซิงสากลดูครึกครื้นเป็นพิเศษ
งานเลี้ยงใกล้จะเริ่มขึ้นในไม่ช้า แขกเหรื่อก็เริ่มทยอยเข้ามาในงาน
ในตอนนั้นเองที่ประตูไม้ทางเข้าของงานเลี้ยงถูกเปิดออกทำให้ทุกคนในงานต่างหันไปมองเป็นตาเดียว
จากนั้นก็ปรากฏภาพของชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินควงกันเข้ามาในงานอย่างช้าๆ
ชายหนุ่มอยู่ในชุดสูทสีดำแบรนด์ดังจากประเทศอิตาลี รูปร่างสูงโปร่งสง่างาม ดวงตาสีดำดูลึกลับแฝงประกายเย็นชา รูปหน้าของ
เขาคมเข้มราวกับรูปสลัก ริมฝีปากของชายหนุ่มเป็นสีกุหลาบและเรียวบาง
เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นเฉยๆกลับทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความสง่างามโดยธรรมชาติของเขาราวกับว่าเขาเป็นเทพบุตรที่ไม่มีใครกล้าเฉียดเข้าใกล้หรือทำให้เขามัวหมอง
บุคคลที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของพวกเขาคือทาวัตอย่างไม่ต้องสงสัย
ในประเทศ C แห่งนี้ ทาวัตเปรียบเสมือนตัวแทนของความมั่งคงและงดงามเลยทีเดียวและแน่นอนว่าคนที่อยู่ข้างกายของเขาอย่างวรินทรเองก็ได้รับความสนใจจากผู้คนด้วยเช่นกัน ไม่ใช่เพียงเพราะเธอเป็นคนสวยแต่
นั่นเป็นเพราะว่าตลอดระยะเวลาห้าปีมานี้ทาวัตไม่เคยควงผู้หญิงคนไหนออกงานเลยต่างหาก เธอเป็นคนแรก
วันนี้วรินทรสวมใส่ชุดเดรสเกาะอกสีน้ำเงินเลื่อม สีน้ำเงินขับให้ผิวของเธอดูราวกับน้ำนมที่ขาวสะอาดและบริสุทธิ์ เรือนผมสีดำของเธอถูกเกล้าขึ้นไว้เหนือศีรษะอย่างสวยงามปราณีต และแซมไว้ด้วยไข่มุกเม็ดเล็กๆหลายเม็ด มีปอยผมตกลงมาอยู่ข้างแก้ม
เมื่อเห็นสายตาของเหล่าชายหนุ่มในงานที่มองมาที่วรินทรแล้วทาวัตก็รู้สึกว่าบางทีตัวเองอาจคิดผิดที่ควงเธอออกงาน
วรินทรยิ้มออกมาอย่างสุภาพและดูเป็นทางการ แต่ในสายตาของทาวัตเขากลับรู้สึกว่ามันช่างเป็นรอยยิ้มที่เจิดจ้าเกินไป
“หยุดยิ้มเสแสร้งเดี๋ยวนี้”
เมื่อได้ยินทาวัตกล่าวกับตนเองเช่นนั้น วรินทรก็ขมวดคิ้วสายตาจับจ้องไปที่เขาอย่างไม่เข้าใจ
ไม่ใช่ว่าเธอต้องปั้นสีหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลาหรือไงกัน เขาเกิดบ้าอะไรขึ้นมาเนี่ย
แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น วรินทรก็ยอมหุบยิ้มของตัวเองแต่โดยดี แบบนี้ก็ดีนะเพราะเธอปั้นหน้ายิ้มจนเมื่อยแก้มไปหมดแล้ว
เมื่อชยุตเห็นทาวัตก็รีบร้อนเดินเข้ามาทักทาย“ท่านประธาน ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”
ทาวัตรู้สึกได้ว่ามือเล็กๆที่ควงแขนเขาอยู่จับแขนของเขาแน่นขึ้น ก่อนเขาจะมองลึกเข้าไปในตาของชยุต“ไม่ทราบว่าท่านประธานชยุตจำผู้หญิงคนนี้ได้ไหมครับ”
ชยุตมีใจคิดเข้าหาทาวัตอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำถามของเขาก็คิดว่าบางทีเขาอาจจะยอมลืมเรื่องในอดีตไปแล้ว
“คุณหนูคนนี้หน้าตาคุ้นมาก ไม่ทราบเป็นคุณหนูตระกูลไหนหรือครับ”เห็นได้ชัดว่าชยุตจำวรินทรไม่ได้แม้แต่น้อย
ดวงตาทาวัตเย็นเยียบลงหลายส่วน ริมฝีปากของเข้าเม้มอย่างเย้ยหยัน
“ท่านประธานชยุตช่างความจำดีเหลือเกินแม้แต่ลูกสาวของตัวเองก็จำไม่ได้”น้ำเสียงที่ทาวัตพูดขึ้นมาค่อนข้างดังทำให้คนรอบข้างสามารถได้ยินได้ สายตาทุกคู่ที่มองมาที่ชยุตฉายแววรังเกียจและชิงชัง
ขนาดลูกสาวของตนเองยังจำไม่ได้ คนแบบนี้ช่างทำให้ผู้อื่นผิดหวังจริงๆ
ชยุตจ้องมองวรินทรอย่างแปลกใจ เมื่อก่อนวรินทรมักจะแต่งตัวเป็นผู้ชายเสมอยามที่อยู่ในบ้านพูลสวัสดิ์
ยามนี้เธอกลับมาแต่งเป็นหญิงอีกครั้ง ทำให้ชยุตมองเธอแวบแรกจำไม่ได้
“รินหรือ ห้าปีก่อนจู่ๆลูกก็หนีออกจากบ้านไป ไม่แม้แต่จะโทรศัพท์กลับมาที่บ้านบ้างล่ะ พ่อแทบจะจำหน้าลูกไม่ได้อยู่แล้ว”วรินทรรู้สึกเย้ยหยันแต่ก็ยังคงยิ้มเย็นอยู่เช่นนั้น ระหว่างเขาและเธอตัดความสัมพันธ์พ่อลูกไปตั้งแต่เขานำกฎภายในบ้านมาใช้ลงโทษเธอแล้ว
“พ่อคะ”
หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงเดินเข้ามาพร้อมหญิงสาวอีกคนหนึ่ง เธอยิ้มหวานเป็นมารยาท แต่วรินทรก็ยังมองออกถึงความเย่อหยิงและเครื่องสำอางหนาเตอะที่หล่อนประโคมมา
สองคนนั้นคือวาดฝันและณัฐพิชา
วรินทรเคยเห็นพวกเธอครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน พวกเขาต่างก็เป็นภรรยาใหม่และลูกติดที่ชยุตรับมาอยู่ด้วย
ในระหว่างที่หัวเล็กๆกำลังขบคิดหาวิธีซ่อมแซมให้กลับมาเหมือนเดิม เขาก็พบว่าใจกลางสร้อยมันมีรูเล็กๆอยู่ มีบางอย่างอยู่ข้างใน นั้น
เขาตัดสินใจหักจี้ จากนั้นก็พบว่าในจี้นั้นมีแหวนที่สามารถพับได้และมีกระดาษอยู่แผ่นหนึ่ง
เป็นแหวนที่แกะสลักลวดลายสีดำดูซับซ้อน ดูน่ากลัวและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน ตัวแหวนมีตัวอักษรถูกสลักไว้อยู่เป็นคำว่า เย่
ดวงตากลมโตฉายแววประหลาดใจ แหวนลับ?
เด็กชายคลี่กระดาษออกเพื่ออ่าน ในนั้นเขียนตัวเลขไว้ชุดหนึ่งคาดว่าจะเป็นหมายเลขโทรศัพท์ ทั้งยังมีที่อยู่ถูกเขียนไว้ด้วย
จิตใต้สำนึกของกวินอยากจะโทรไปที่หมายเลขที่ถูกเขียนไว้บนกระดาษ แต่เขาก็กลัวว่าอาจทำให้วรินทรมีปัญหาได้
ทาวัตถือจานที่เต็มไปด้วยอาหารนำมาให้วรินทรที่นั่งพักอยู่ที่มุมหนึ่งในห้องนั่งเล่น
“ไม่เจอกันนานเลยนะคะท่านประธาน”
วาดฝันเดินยิ้มหวานเข้ามาพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานนุ่มนวล สายตาที่จับจ้องมาที่ทาวัตเป็นสายตาเร่าร้อนต่างจากสายตาที่
มองมายังวรินทรเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยามในที
ทาวัตหน้านิ่วขมวดคิ้ว ดวงตาของเขาดูเฉยเมยไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย
วาดฝันแสดงสีหน้าลำบากใจแต่เพียงไม่นานก็ปั้นยิ้มได้อีกครั้งและเดินตามทาวัตไป เมื่อเธอวิ่งตามเขาทันก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ“ท่านประธานไม่มาหาฉันนานแล้วนะคะ ฉันคิดถึงมากเลยรู้ไหม”
เสียงที่ถูกดัดให้หวานจนเกินไปทำให้วรินทรรู้สึกขนลุกขึ้นมา
ทาวัตเหลือบมองอาการของวรินทรก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้แก่วาดฝัน
วาดฝันตะลึงงันจากนั้นก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความดีใจ หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น เมื่อครู่เขาส่งยิ้มให้เธอใช่ไหมนะ?
วรินทรเอียงคอมองดูภาพตรงหน้า ในใจก็รู้สึกหึงหวงขึ้นมา ริมฝีปากอิ่มเม้มเน้นก่อนจะค่อยๆปั้นหน้ายิ้มขึ้นมาราวกับว่าเธอไม่รู้สึกอะไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักประธานเจ้าเล่ห์
ก็รู้นี่นาว่าตอนที่หายไปกำลังท้อง ทำไมไม่ถามถึงเด็ก...