บทที่ 81 การตัดสินใจของหลิวจิ้ง
แม้ชิวเจียงหั้วจะไม่ชอบหลิวจิ้งก็ตาม แต่ต่อหน้าเย่สวนและลู่เสี้ยงหยางผู้น้อยสองคนนี้ เธอจึงไม่อยากมีเรื่องกับเธอ แต่เธอไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะไร้มารยาทและยังหาเรื่องเธอไม่หยุดแบบนี้
ทั้งนี้ทั้งนั้น จึงทำให้จุดประกายความโกรธของเธอขึ้นมาทันที
“หลิวจิ้ง เธอกำลังคุยกับฉันอยู่เหรอ?” เธอหันไปมองหลิวจิ้งและรอยยิ้มบนใบหน้าของชิวเจียงหั้วหายไปอย่างสิ้นเชิง
หลิวจิ้งเป็นคนชอบหาเรื่องคนอื่นจนเคยตัวแล้ว เธอเป็นคนไม่เคยยอมใครตั้งแต่ไหนแต่ไรและในสายตาเธอทุกคนก็ต้องยอมเธอด้วยเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงมือเท้าสะเอวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า “เธอก็แค่มีบริษัทเป็นของตัวเองไม่ใช่เหรอ? มีอะไรน่าอวดต่อหน้าคนอื่นล่ะ ก็แค่บริษัทเล็ก ๆ บริษัทหนึ่ง ตอนนี้ลูกสาวของฉันอายุน้อย ๆ ก็เป็นถึงประธานกรรมการตระกูลเย่กรุ๊ปแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เย่สวนก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก แม่ของเธอกล้าพูดแบบนี้ได้ไง เธอเป็นแค่ตัวแทนประธานกรรมการเท่านั้น แต่เมื่อถึงปากของแม่แล้วคำว่าตัวแทนก็หายไป
“อ้าว จริงเหรอ? เย่สวนเป็นประธานตระกูลเย่กรุ๊ปแล้วเหรอ? ฉันคงต้องยินดีกับเย่สวนแล้วสินะ” ชิวเจียงหั้วมองไปที่เย่สวนแล้วยิ้มอย่างจริงใจ จากนั้นก็หันกลับไปมองหลิวจิ้งแล้วยิ้มอย่างดูถูก “แต่หน้าของคุณก็ยังหนาเหมือนเดิมเลยนะ ลูกสาวของคุณเป็นประธานแล้วเกี่ยวอะไรกับคุณ? คุณอายุเท่านี้ วัน ๆ อยู่บ้านกิน ๆ นอน ๆ ไม่ทำอะไร คุณไม่รู้จักอายบ้างเลยเหรอ? ลองสังเกตคนอายุเท่าคุณสิว่าเขาทำอะไรกันอยู่?”
“หึ วัน ๆ อยู่บ้านไม่ทำอะไร คงไม่ใช่เอาแต่พูดเรื่องผู้ชายกับคนนู้นคนนี้อย่างเดียวนะ ในฐานะที่เราเป็นญาติกัน ฉันอยากแนะนำคุณหน่อย โลกนี้ผู้ชายเลว ๆ มีเยอะ คุณอย่าเผลอถูกพวกเขาหลอกเข้าล่ะ เดี๋ยวจะติดโรคมาโดยไม่รู้ตัว” ทันใดนั้น น้ำเสียงคำพูดของชิวเจียงหั้วก็คมเหมือนมีดบาด
หลิวจิ้งฟังแล้วสีหน้าซีดเซียวขึ้นมาทันที ถูกว่าจนร่างกายของเธอเหมือนถูกทุบตีจนบอบช้ำอย่างไม่เหลือชิ้นดี แต่เธอปฏิเสธไม่ได้ เพราะหลายปีที่ผ่านมาเธอได้แต่อยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ทำอะไรและยังพึ่งในตัวของเย่สวนคนเดียวด้วย ไม่ว่าจะมองจากแง่มุมไหนเธอก็ไม่สามารถยืนหยัดตัวคนเดียวและเลี้ยงดูตัวเองได้
“เหอะ ๆ” ชิวเจียงหั้วยิ้มพูดต่อ “ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ คุณเอาความกล้านี้มาจากไหน วัน ๆ อยู่บ้านไม่ทำอะไร เป็นผู้หญิงน่าสงสารคนหนึ่งที่คอยหวังพึ่งแต่ลูกสาว แต่กล้ามาดูถูกผู้หญิงที่สร้างธุรกิจด้วยตนเองและเลี้ยงดูคนนับไม่ถ้วนคนนี้ได้?”
เหอะ!
หลิวจิ้งตกใจจนพูดอะไรไม่ออก เธอได้แต่สูดลมหายใจเข้าออกอย่างรวดเร็ว
ด้วยคำพูดแทงใจของชิวเจียงหั้วเมื่อครู่นี้ทำให้ความมั่นใจของเธอแตกเป็นเสี่ยง ๆ
เธอเคยเป็นคนรักศักดิ์ศรีมาก
แต่ตอนนี้เธอถูกคนที่คอยดูถูกเธอมาตลอดเหยียบย่ำศักดิ์ศรีเธออย่างไม่เหลือชิ้นดี
“หึ ไอ้ชิวเจียงหั้วผู้หญิงเลวคนนี้ เธอก็แค่มีบริษัทของตัวเองเท่านั้น มีอะไรน่าอวด? ถ้าฉันมีบริษัทของตัวเองฉันก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเธอหรอก” หลิวจิ้งบ่นอยู่ในใจ เธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก ในตอนนี้เธอกับชิวเจียงหั้วถือว่าเป็นศัตรูอย่างเต็มตัวแล้ว
“ฉันมีคำหนึ่งจะมอบให้เธอ สามสิบปีอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำ อีกสามสิบปีอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ บริษัทเน่า ๆ บริษัทหนึ่งไม่มีอะไรน่าโอ้อวดหรอก สักวันฉันหลิวจิ้งคนนี้จะเป็นคนเอาชนะให้ดูเอง” หลิวจิ้งพูดด้วยอารมณ์แล้วใส่รองเท้าส้นสูงเดินจากไปทันที
เย่สวนตกตะลึงไปหลายวินาที คำพูดทะเยอทะยานขนาดนี้ออกมาจากปากของแม่ได้อย่างไร?
หลังจากนั้นเธอก็หันกลับมาบอกลาชิวเจียงหั้วและชิวรั่วหานแล้วเดินจากไปทันที
ลู่เสี้ยงหยางก็กลับบ้านไปพร้อมกับเย่สวนด้วย
ทันทีที่ทั้งสองเพิ่งเดินเข้าบ้าน หลิวจิ้งก็พูดกับพวกเขา “ตอนนี้แม่คิดว่าจะทำอะไรบางอย่าง”
“ทำอะไรคะ?” เย่สวนขมวดคิ้วถาม
“แม่อยากเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง” หลิวจิ้งพูด
ความจริงแล้วตั้งแต่แรกที่เธอแต่งงานเข้าบ้านของตระกูลเย่เธอเคยเป็นผู้หญิงที่มีแรงบันดาลใจในการสร้างธุรกิจของตนเอง แต่ว่าธุรกิจก็ต้องล้มเหลวในเวลาต่อมา รวมทั้งสามีของเธอก็ได้เกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิตไป เธอจึงกลายเป็นคนที่ไร้แรงบันดาลใจในการต่อสู้ฝ่าฟันต่ออุปสรรคและทำตัวเป็นคนไร้ประโยชน์ในหลายปีต่อมา
คำพูดของชิวเจียงหั้วในคืนนี้แทงใจดำของเธอมาก ดังนั้นเธอต้องการเริ่มต้นธุรกิจใหม่เพื่อจะเอาชนะผู้หญิงที่ชื่อชิวเจียงหั้ว
“ว่าไงนะ? แม่ล้อเล่นอยู่เหรอ?” เย่สวนคิดว่าตัวเองหูฝาดไป เป็นไปได้อย่างไร แม่ของเธอเป็นผู้หญิงที่ว่างอยู่ในบ้านมาตั้งหลายปี แต่ตอนนี้กลับคิดจะเปิดบริษัทของตัวเอง
“แม่ดูเหมือนล้อเล่นอยู่เหรอ?” หลิวจิ้งพูดอย่างจริงจัง
“เปล่าค่ะแม่ แม่อาจจะใจร้อนไปหน่อยก็ได้ แม่รู้ไหมถ้าจะเปิดบริษัทใหม่ต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง?” เย่สวนเตือนด้วยความเป็นห่วง
อย่ามองว่าเธอดูเป็นพี่น้องกับหลิวจิ้ง ความจริงแล้วเธอเป็นคนที่ชอบประชดหลิวจิ้งที่สุด
หลังจากนั้นหลาย ๆ คนก็เห็นด้วย
“หลิวจิ้ง ถ้าเธออยากขอยืมเงินกับพวกเราคงยากหน่อยนะ พวกเราต่างก็เป็นคนจน ไม่มีเงินให้เธอยืมหรอก เหอะ ๆ เรื่องเงินทองมันคุยกันยาก ถ้าอยากเป็นเพื่อนกันอีกก็อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลยนะ”
“นั่นสิ เราเป็นเหมือนพี่น้องกัน เธอยืมเงินพวกเราได้ลงเหรอ? ถ้าวันหนึ่งธุรกิจของเธอล้มเหลวแล้วเธอจะเอาเงินอะไรคืนพวกเราล่ะ?”
ฟังจากคำพูดของคนเหล่านี้ที่เธอเรียกว่าพี่น้อง หลิวจิ้งสีหน้าดูแย่มาก เพราะปกติแล้วเธอดีต่อพวกเธอมาก ไม่คิดเลยว่าช่วงเวลาที่สำคัญนี้ เธอขอยืมเงินกับพวกเธอแต่กลับไม่มีใครช่วยเหลือเธอได้
“เฮ่อ หลิวจิ้ง เธออย่ามองพวกเราด้วยสายตาแบบนี้สิ ไม่ใช่พวกเราไม่อยากยืมเงินให้เธอหรอกนะ แต่ถ้าพวกเรายืมให้แล้วกลัวเธอจะไม่มีปัญญาคืนได้น่ะสิ” หม่าเจินเจินยิ้มพูดอย่างขมขื่น
“เหอะ ๆ ๆ! นั่นสิ ถ้าเธอต้องการใช้เงินจริง ๆ เธอให้ผู้ชายไร้ค่าคนนั้นไปขายตัวสิ ได้เงินเร็วด้วย” เสียงประชดประชันของคนอีกคนดังนั้น
หลิวจิ้งค่อย ๆ บีบมือไว้แน่น ๆ เธออยากหยิบกระเป๋าแล้วออกจากที่นี่ทันที
แต่ในเวลานี้ เถาหงเหมยก็พูดขึ้นมา “หลิวจิ้ง ถ้าเธอต้องการใช้เงินจริง ๆ ฉันสามารถแนะนำเพื่อนคนหนึ่งให้เธอได้ เขาจะยืมให้เธออย่างแน่นอน”
“ใคร?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิวจิ้วก็หยุดนิ่งและถามเถาหงเหมยทันที
เถาหงเหมยยิ้มพูด “ท่านประธานจาง จางต้าฉีเฒ่าแก่ที่มีชื่อเสียงในเมืองปินเหอของเราไง แต่เงินที่ยืมจากแกต้องมีดอกเบี้ยด้วยนะ ดอกเบี้ยอาจจะเยอะกว่าธนาคารหน่อย แต่ถ้าเธอรับได้ฉันจะติดต่อให้”
หลิวจิ้งครุ่นคิดอยู่สักพัก เธอไม่มีทางอื่นแล้วจริง ๆ จึงจำเป็นต้องพยักหน้าตอบ
“ได้สิ งั้นฉันติดต่อประธานจากตอนนี้เลยนะ” เถาหงเหมยยิ้มพูดแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
สำหรับหม่าเจินเจินและคนอื่น ๆ ตอนนี้ก็ยิ้มจนหน้าบานไปแล้ว เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะใช้เงินของจางต้าฉีได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนุ่มเศรษฐีลึกลับ