หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์ นิยาย บท 22

สวี่ซื่อเช็ดน้ำตา และส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา “สมควรแล้ว!” แต่แววตาก็ยังแสดงออกว่ารู้สึกรับไม่ได้ และยังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ จะทำอย่างไรก็ระงับเอาไว้ไม่อยู่

ถ้าถามว่าแค้นไหม?

ตอบเลยว่านางแค้นอย่างมาก

จะไม่แค้นได้อย่างไรเล่า

ตั้งแต่นางเข้าพิธีเกล้าผมปักปิ่น ในสายตาของนางก็มีเพียงแค่เขาเท่านั้น ถึงกระทั่งที่ยอมตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเดิมของตัวเองเพื่อที่จะอยู่กับเขาเท่านั้น ใจนางไม่อยากยอมรับ นางจะตัดใจอย่างไรดี?

“ฮูหยิน ท่านโหวกลับมาถึงจวนแล้วเจ้าค่ะ และกำลังมุ่งหน้าไปที่หอเต๋อซั่น ขอเชิญท่านไปพบด้วยเจ้าค่ะ” เสียงจากสาวใช้ที่อยู่ข้างนอกประตูดังเข้ามา

สวี่ซื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย ส่วนเติงจือก็คิ้วกระตุกเล็กน้อย

ไม่รู้ว่าท่านโหวถูกฟ้าผ่าจนมีสภาพเป็นเช่นไร

“พาเจาเจาไปดูด้วยกันเถอะ” สวี่ซื่อลุกขึ้นยื่น จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่หอเต๋อซั่น

หอเต๋อซั่นตั้งอยู่ทางตะวันออกของจวนจงหย่งโหว นายหญิงใหญ่ชอบความสงบจึงสร้างโบสถ์เอาไว้ที่ลานทางตะวันออก ปกติจะปิดหูปิดตาไม่ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องภายนอก มุ่งแต่ทางธรรม

เมื่อเดินผ่านทะเลสาบภายในจวนไป และเดินไปตามทางเดินยาวๆ ก็จะเป็นที่ตั้งของหอเต๋อซั่นแล้ว

[อา เหมือนจะมีกลิ่นไหม้ ๆ] เสี่ยวเจาเจาขยับจมูกดม ในอากาศเหมือนมีกลิ่นไหม้อ่อน ๆ

ยิ่งเดินเข้าใกล้หอเต๋อซั่นกลิ่นก็ยิ่งเด่นชัด

ประจวบเหมาะกับที่อิ้งเสวี่ยมาอุ้มนางตั้งตรงเอาไว้สองนาที ดวงตาของลู่เจาเจาก็เบิกกว้าง [ไข่พะโล้ตุ๋นใบนี้ใหญ่มาก!! สูดเข้าไป...] นางสูดน้ำลายอย่างแรงหลายที

สวี่ซื่อชะงักไปเล็กน้อย และเงยหน้ามองไข่พะโล้ตุ๋นนั้นทันที

ก็เห็นเพียงคนศีรษะดำ ๆ หัวล้าน ๆ นั่งอยู่ตรงกลางห้อง ไม่มีเส้นผมสักเส้นเดียว ศีรษะล้านเกลี้ยงไหม้จนเกรียมเป็นสีดำ

ชายหนุ่มที่หล่อเหลาอย่างมากในดวงใจนาง ชายหนุ่มที่ทำให้นางไม่อาจละทิ้งไปได้มาโดยตลอด...

ดูเหมือนว่าจะพังทลายลงในชั่วพริบตา

สวี่ซื่อตกตะลึงอยู่ตรงนั้น ถึงกระทั่งที่ไม่มีเสียงตอบสนองอะไรเลยแม้แต่น้อย

สวี่ซื่อขมวดคิ้วอย่างเย็นชาเล็กน้อย ช่วยชีวิตคนงั้นหรือ?

เอาความดีเขาตัวเองเก่งจริง ๆ

“นายท่านก็อยู่ในตรอกผิงอันด้วยหรือเจ้าคะ? ช่างบังเอิญจริง ๆ ข้าได้ยินมาว่าที่ตรอกผิงอันมีคนถูกฟ้าผ่า ว่ากันว่าชายหญิงคู่นั้นกำลังเล่นจ้ำจี้กัน กลางวันแสก ๆ ก็ผ่าลงมาบนร่างกายที่เปลือยเปล่าทั้งตัว ทำให้คนเห็นจนหมดเปลือก ที่นายท่านไปช่วยดับไฟ หรือว่าจะเป็นครอบครัวนั้นหรือเจ้าคะ?” สวี่ซื่อได้ยินเสียงลูกสาวร้องสนับสนุนก็ทนไม่ไหวจึงพูดเสียดสีไปอีกหนึ่งประโยค

เป็นไปตามคาดสีหน้าของลู่หย่วนเจ๋อเขียวคล้ำ และกำหมัดแน่น

“เจ้าเป็นถึงกุลสตรีที่แต่งงานแล้ว จะฟังเรื่องเหล่านี้ไปเพื่ออะไร”

สวี่ซื่อถือผ้าเช็ดหน้าเอาไว้แล้วยกมุมปากยิ้มเล็กน้อย

“ข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง ข้าแค่ฟังสนุก ๆ ขำ ๆ ก็เท่านั้น” และก็ทำให้สองแม่ลูกที่อยู่ตรงข้ามถึงกับหน้าดำไปทันที

[คิก ๆ ๆ ๆ ...] เสี่ยวเจาเจาหัวเราะอย่างชั่วร้าย

สวี่ซื่ออดก็ไม่ได้ที่จะพึงหูฟัง นางได้ยินเสียงในใจของลูกสาวเป็นครั้งคราวเท่านั้น หากไม่ตั้งใจฟังก็คงไม่ได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์