สวี่ซื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ท่านแม่ไม่มีเหตุผล ผมของแม่เขาปักปิ่นที่เป็นสินเดิมของข้า นางคือโจร! ขโมยของของคนอื่น เข้าคุกไปเป็นเรื่องที่ผิดหรือเจ้าคะ”
“อีกอย่างที่เขากินเขาใช้ ใครจะรู้ว่าขโมยมาหรือเปล่า”
เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกมา นายหญิงใหญ่ก็โกรธจนตัวสั่น ดวงตาของนางแดงก่ำ นางแทบจะกระอักเลือดออกมา
“ข้าได้ให้เติงจือไปเอารายการสินเดิมของข้าออกมาและส่งไปที่อำเภอแล้ว ได้ยินว่าของหายไปไม่น้อย”
สีหน้าของนายหญิงใหญ่เปลี่ยนไปมา
ตอนแรกสินเดิมของนางมีมหาศาล
เพื่อแสดงความจริงใจที่แต่งเข้ามาสวี่ซื่อจึงแบ่งกุญแจที่ใช้เก็บสินเดิมของนางออกเป็นสามดอก ดอกแรกให้กับท่านโหวลู่หย่วนเจ๋อ ดอกที่สองเป็นของนายหญิงใหญ่ และอีกดอกหนึ่งเป็นของสวี่ซื่อ
สวี่ซื่อเป็นคนใจกว้าง นายหญิงใหญ่นำของจำนวนมากออกมาเพื่อมอบให้กับเผยเจียวเจียว
“ไร้สาระ เรื่องแค่นี้จัดการเองก็ได้ ทำไมถึงต้องไปลำบากคนอื่นด้วย เด็กคนนั้นเป็นยอดคนทำไมถึงต้องทำให้มีความผิดด้วยล่ะ” นายหญิงใหญ่ขบกราม นางไม่ยอมที่จะให้หลานชายต้องมาแบกรับความอับอายเช่นนี้
จะทำให้อนาคตของเขาพังได้
นางมองไปที่สวี่ซื่ออย่างขุ่นเคือง นางอสรพิษ!
“ท่านแม่ ท่านไม่รู้ว่าของนั่นแพงขนาดไหน”
“พี่ชายของข้าทั้งสามคน ตอนนั้นท่านพี่ทั้งสามได้นำทรัพย์สินส่วนตัวออกมาจนหมดเพื่อชดใช้ให้กับอวิ๋นเหนียง ซึ่งมีมูลค่าสูงมาก เรื่องนี้ไม่อาจเป็นเรื่องส่วนตัวได้”
“ถ้าเป็นเรื่องทั่วไปข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด ถ้าหากว่าเป็นเรื่องส่วนตัว พี่ชายของข้าทั้งสามคนนิสัยไม่ดี อนาคตคุณชายลู่จะยิ่งไม่ดีนะเจ้าคะ”
น้ำเสียงของนายหญิงใหญ่ไม่เปลี่ยน
นายท่านใหญ่สวี่เมื่อตอนที่เพิ่งได้รับตำแหน่งเป็นราชครูเขาก็ดูแลทั้งราชสำนัก
จวนโหวไม่ควรไปหาเรื่องด้วย
“สินเดิมของข้าถูกปล่อยออกไป เกรงว่าจะมีโจรในบ้านเสียแล้ว เราจะได้จับขโมยกันพอดี!” ประโยคนี้ของสวี่ซื่อทำให้นายหญิงใหญ่ตกใจจนเนื้อเต้น
แต่นางกลับถูกนายหญิงใหญ่สั่งให้คนมาปิดปาก
“สินเดิมหายไปจะต้องเอากลับคืนมาไม่ให้ขาดไปแม้แต่ชิ้นเดียว” สวี่ซื่อกวาดสายตามองนายหญิงใหญ่อย่างมีความสุขเหลือคณา
นายหญิงใหญ่แทบจะกัดฟันพูดออกมาทีละคำ
“ควรเป็นเช่นนั้น”
เมื่อรอให้สวี่ซื่อออกไปแล้ว เติงจือก็ได้กลับมาจากอำเภอนานแล้ว
ดวงตาของเติงจือมีความยินดีอยู่ในนั้น นางปิดประตูลงและพูดเสียงเบาว่า “ฮูหยินเจ้าคะ เกรงว่านางจะเทหมดหน้าตักแล้ว”
“สิบเจ็ดปีเลยนะ สิบเจ็ดปีที่ขโมยสินเดิมของข้า ตอนนี้นางส่งมันกลับมาหมดแล้ว เกรงว่าจะอายุสั้นไปครึ่งหนึ่ง”
“บ่าวสืบมาแล้วว่าลู่จิ่งไหวนั้นภายนอกดูลึกลับมาก ไม่มีใครรู้ว่าพ่อแม่ของเขาคือใคร รู้แค่ว่าเขาใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายมาก และยังพูดอีกว่าวีรบุรุษไม่ต้องถามที่มา คบหาสมาคมกับมิตรสหายจากทั่วทุกที่ บัณฑิตที่ครอบครัวยากไร้จำนวนมากล้วนเป็นเพื่อนสนิทกับเขา”
สวี่ซื่อเผยรอยยิ้มออกมา “เอาเงินของข้าไปใช้เหมือนน้ำ ช่างจิตใจสูงส่งเสียจริง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์
บท 613 ไม่ลงแล้วหรือค่ะ...
ไม่ลงต่อแล้วเหรอคะ...
อ่านบทที่ 613 กันที่ไหนคะ...
รอค่ะ แต่ช้าจัง สนุก รอค่ะ...
รอตอนต่อไปค่าา...
สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...
อ้าว ลงไม่จบอีกแล้ว...
สนุกมากค่ะ...
โอ๊ยสนุกค่ะ อัพเยอะๆเลยนะคะเรื่องนี้...
ขอบคุณสนุกมากค่ะ...