“สำหรับสิ่งที่ได้ยิน พวกเราต้องเก็บเป็นความลับ พวกเราต้องปกป้องนางให้ดี” ลู่เยี่ยนซูมีสีหน้าจริงจังมาก เขาพบว่าทั้งเขาและแม่ต่างก็ได้ยินเสียงในใจของเจาเจา!
[ว้าว พี่ชายกับท่านแม่รู้ได้อย่างไรว่าพ่อสาระเลวเลี้ยงเมียอีกคนไว้ข้างนอก]
[ท่านแม่กับพี่ใหญ่ฉลาดมาก...]
[พี่ใหญ่ยอดเยี่ยม พี่ใหญ่เกรียงไกร ข้าจะ...อุ๊ย...] จู่ๆ สวี่ซื่อก็เปิดประตูออกมา เด็กน้อยทั้งสองหน้าคว่ำล้มลงไปบนพื้น
[แย่แล้ว โดนจับได้แล้ว...] เจาเจาเงยหน้าขึ้นอย่างไร้เดียงสา ก่อนจะชี้ไปที่พี่ชายคนที่สาม
พี่สามของข้าคือตัวการ...
ลู่หยวนเซียวยิ้มแหย ทำไมน้องสาวถึงถีบหัวพี่ชายส่งแบบนี้!
[ว่าแต่ ได้ความอะไรบ้างไหมเนี่ย ปกป้องอะไรน่ะ ข้ากินเผือกจนหมดสวนแล้วก็ยังไม่รู้เรื่องเลย!] ลู่เจาเจาทำหน้าเซ็ง
สวี่ซื่อสบตากับลู่เยี่ยนซู จากนั้นจึงมองไปที่ลู่หยวนเซียว ในใจคาดเดาว่าลูกชายคนนี้ก็คงได้ยินเหมือนกัน
หลังอาหารค่ำ ลู่เยี่ยนซูเรียกหยวนเซียวเข้ามาในห้อง
ลู่เยี่ยนซูสั่งห้ามไม่ให้เขาเปิดเผยเรื่องเสียงในใจของเจาเจาเด็ดขาด ทั้งครอบครัวถึงคลายใจลงได้
วันถัดมา
สวี่ซื่อตรงดิ่งไปแจ้งความที่ศาลาว่าการด้วยตัวเองโดยไม่ได้แจ้งให้จวนโหวรับรู้
นางมีสถานะเป็นถึงฮูหยินตราตั้งขั้นสาม ท่านผู้ว่าฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งถึงขนาดออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง
เที่ยงวันนี้ ที่หน้าสำนักศึกษาจิงหง ผู้ติดตามของลู่จิ่งไหวถูกจับกุมต่อหน้าธารกำนัล
ยามนี้ คิ้วของชายหนุ่มผู้มีรูปโฉมงดงามดุจสายลมและแสงจันทร์ขมวดขึ้นเล็กน้อย “เจ้าหน้าที่ เกิดอะไรขึ้น ผู้ติดตามของข้าทำผิดอะไรหรือ” ตอนนี้เขาคือซิ่วไฉ ไม่จำเป็นต้องทำความเคารพเจ้าหน้าที่
เขายังเป็นชายหนุ่มผู้มีความสามารถที่เลื่องชื่อในเมืองหลวง เจ้าหน้าที่จึงให้เกียรติเขาอย่างมาก
โจวหลินและหวังเย่ว์ชวนรีบวิ่งตามไป
“จิ่งไหว ผู้ติดตามของเจ้าไปยุ่งกับคุณชายลู่ที่พิการได้อย่างไร มีเรื่องเข้าใจผิดหรือเปล่า” หวังเย่ว์ชวนเอ่ยถาม
เขารู้ดีว่าเด็กหนุ่มอัจฉริยะคนนี้เกลียดมากเวลาที่มีคนเปรียบเทียบเขากับลู่เยี่ยนซู
กระทั่งตอนนั้นที่เขาสอบเป็นซิ่วไฉได้ ยังมีคนเข้าใจผิดคิดว่าบทความของเขาเป็นผลงานของลู่เยี่ยนซู
“คงไม่เดือดร้อนถึงพี่จิ่งไหวหรอกนะ อีกแค่ครึ่งปีก็จะถึงการสอบระดับมณฑลแล้ว อาจารย์ใหญ่ยังคาดหวังให้พี่คว้าอันดับหนึ่งเป็นเจี้ยหยวนด้วยนะ” โจวหลินเป็นลูกหลานตระกูลยากจน แต่เขาเป็นคนเป็นมองสูง
ลู่จิ่งไหวคบเพื่อนโดยไม่สนใจฐานะ จึงค่อนข้างได้ใจหมู่ลูกศิษย์ที่มาจากครอบครัวที่ยากจน จนถูกยกให้เป็นผู้นำไปโดยปริยาย
พวกเขาเข้าไปในร้านน้ำชา นั่งอยู่บนชั้นสอง มองดูผู้คนเบื้องล่าง
คนรอบข้างพากันวิพากษ์วิจารณ์ “ให้ตายสิ ไม่รู้เมื่อคืนใครกันที่ปล่อยโคมพระโพธิสัตว์ ทำให้ข้าต้องคุกเข่าอยู่ถึงครึ่งค่อนคืน... ข้าจะจับตีก้นให้เข็ดเลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์
บท 613 ไม่ลงแล้วหรือค่ะ...
ไม่ลงต่อแล้วเหรอคะ...
อ่านบทที่ 613 กันที่ไหนคะ...
รอค่ะ แต่ช้าจัง สนุก รอค่ะ...
รอตอนต่อไปค่าา...
สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปอยู่ค่ะ...
อ้าว ลงไม่จบอีกแล้ว...
สนุกมากค่ะ...
โอ๊ยสนุกค่ะ อัพเยอะๆเลยนะคะเรื่องนี้...
ขอบคุณสนุกมากค่ะ...