ห้วงอาวรณ์ คืนสู่วันวาน นิยาย บท 1

“คุณเบญญา ครอบครัวคุณไม่มาอยู่เป็นเพื่อนคุณเหรอ?”

เบญญามึนงงอย่างสมบูรณ์ ก็แค่มาเอารายงานการตรวจร่างกายไม่ใช่เหรอ ต้องมีคนมาเป็นเพื่อนด้วย?

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงครอบครัว……เธอยังมีครอบครัวอะไรอีก?

คุณแม่คลอดเธอด้วยความยากลำบากเสียชีวิตไปแล้ว คุณพ่อให้เธอเป็นเครื่องมือหาเงิน พี่ชายเกลียดเธอแทบตายเพราะเธอคือต้นเหตุทำให้แม่เสียชีวิต ส่วนคนรัก……เป็นคนที่เธอแย่งชิงมา ถ้าหมอตรงหน้าไม่จู่ๆ พูดถึงสองคำนี้ เธอเกือบลืมแล้วว่า “ครอบครัว” มันหมายถึงอะไร

เบญญาอึ้งไปสักพัก ก่อนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “ฉันตัวคนเดียว”

หมอขมวดคิ้ว ดันแว่นบนดั้งจมูก แล้วถอนหายใจหนักหน่วง แววตามีความสงสารและถอนหายใจอย่างหมดหนทาง เขานำกองรายงานผลทดสอบที่วางบนโต๊ะส่งให้เบญญา

“คุณเบญญา ผลการทดสอบออกมาแล้ว มะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย”

เห็นได้ชัดว่าเขาสงสารหญิงสาวอายุยังน้อยตรงหน้าที่เป็นโรครักษาไม่หาย การพูดจาและการกระทำระมัดระวังเป็นพิเศษ

เบญญาหายใจไม่ออก เธอรับใบทดสอบมา ขมวดคิ้วดูเลขสถิติต่างๆ ในนั้น เธอไม่ได้เรียนหมอ แต่ก็มองออกว่ากระเพาะในร่างกายเธอมันสาหัสแค่ไหน

ที่จริงตอนส่องกล้องตรวจกระเพาะเธอก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างรำไร แค่เธอไม่กล้าคิดเกี่ยวกับมัน

หมอชี้รูปภาพ อธิบายทีละอย่างอยู่ข้างหูเบญญา เบญญาเหม่อลอยฟังเข้าบ้างไม่เข้าบ้าง สรุปได้ว่าเธอเหลือเวลาไม่มาก เธอต้องเข้าโรงพยาบาลใช้เคมีบำบัดรักษาโดยเร็วที่สุด

มะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้ายมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าไร? เบญญาเข้าใจโรคนี้ดีกว่าใคร เพราะปู่เธอก็ประคับประคองตัวอยู่บนเตียงผู้ป่วยเป็นเวลาสองปีแล้วเสียชีวิตไป

หมอแนะนำด้วยความหวังดี “คุณเบญญา ทางนี้แนะนำให้คุณเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด”

“ถ้าฉันอยู่โรงพยาบาล……มันจะดีขึ้นไหม?” เบญญาเสียแหบ ลักษณะด้านช้า เหมือนกำลังพึมพำกับตัวเองอยู่

หมอไม่เปล่งเสียงอีก แค่ส่ายหน้าลำบากใจ

งั้นไม่รักษาแล้ว เบญญาเลียริมฝีปากแห้งผาก ยืนขึ้นแล้วยัดเอกสารการตรวจและวินิจฉัยทั้งหมดใส่ในกระเป๋า

เธอยืนขึ้นกล่าวขอบคุณ แล้วหันศีรษะเดินออกไปจากห้องตรวจ

ตอนออกมาจากโรงพยาบาล ด้านนอกฝนกำลังตก ฝนปรอยๆ ผสมกับลมหนาว พัดใส่หน้าเธอเจ็บเหมือนมีดกรีด เบญญาเปิดกระเป๋าเอาร่มข้างในออกมากาง ฝนตกพรำๆ มีร่มก็ไม่สามารถบังลมหนาวได้

สุดท้ายน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ เบญญาหายใจเข้าลึกๆ เธอเข้าใจว่าตัวเองเข้มแข็งมากพอไม่เคยเจออุปสรรคมากมายอะไรมาก่อน

แต่มาถึงวันนี้ ความเข้มแข็งของเธอที่เสแสร้งขึ้นมามันพังทลายแตกกระเจิงอย่างสิ้นเชิง บริเวณท้องตะคริวกินไปพักหนึ่ง เบญญางอตัวสั่นระริกอย่างอดไม่ได้ กัดฟันเปล่งเสียงครวญครางทุ้มต่ำ

คนขับรถได้ยินเสียงสะอึกสะอื้น ก็ยกสายตาขึ้นมองกระจกมองหลัง แค่เห็นหญิงสาวงอตัว สันหลังผอมแห้งสั่นระริกไม่หยุด อากาศภายในรถเหมือนถูกเธอเอาไปด้วย เป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็นใครสักคนร้องไห้อย่างสิ้นหวังเช่นนี้

“คุณครับ คุณเป็นอะไร? อกหักมาเหรอ? หรือการงานไม่สมหวัง?”

ด้านหลังไม่มีใครตอบเขา เขาจึงพูดต่อ “ไม่มีอุปสรรคไหนก้าวผ่านไม่ได้หรอกนะครับ คิดให้กว้าง ร้องไห้ก็ไม่ช่วยแก้ปัญหา กลับไปพักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้พระอาทิตย์ขึ้นก็เป็นวันใหม่แล้ว”

เบญญาเงยหน้าขึ้น มุมปากยกยิ้มขมขื่น “ขอบคุณค่ะ” เธอไม่คิดว่าหลังจากเป็นโรคที่รักษาไม่หายแล้วคนที่ปลอบโยนเธอจะเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง

คนขับรถยิ้มไม่พูดอะไร มีสมาธิขับรถต่อ เมื่อมาถึงเมืองเพชร เขาก็จอดรถบริเวณจอดรถชั่วคราว

ระยะทางครึ่งชั่วโมง ค่ารถทั้งหมด 140 บาท เบญญาสแกนจ่ายเงินลงจากรถ แล้วฉีกเอกสารการตรวจและวินิจฉัยที่ถือในมือเป็นชิ้นๆ ใส่ถังขยะ

ลมหนาวพัดมา เบญญาเช็ดน้ำตาแห้งผากบนใบหน้า แล้วกลับมาเป็นผู้หญิงที่เติบโตสงบนิ่งอีกครั้ง แค่เบ้าตาบวมแดงเล็กน้อย ใบหน้าไม่มีสีเลือดเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ห้วงอาวรณ์ คืนสู่วันวาน