ห้วงอาวรณ์ คืนสู่วันวาน นิยาย บท 2

ขึ้นไปชั้นบนด้วยความเหน็ดเหนื่อยสุดจะทน เบญญาคลำหากุญแจออกมาเลี้ยวซ้ายได้ครึ่งทางแล้วประตูก็เปิดขึ้น หลังจากสมองทึ่มก็รู้สึกได้ว่าภายในห้องมีบรรยากาศที่แตกต่างออกไปก็ได้สติทันที

เมื่อฟังผ่านบานประตู ด้านในก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

มรุเดชกลับมาแล้ว

เธอต้องบอกเรื่องที่เธอเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารไหม? บอกแล้วเขาจะเป็นห่วงตนไหม?

เบญญาถามตัวเองซ้ำๆ ขณะที่สมองกำลังคิดอยู่ประตูก็ถูกเธอเปิดออก จากนั้นเธอก็เห็นมรุเดชตรงดิ่งมาขณะมองเธอด้วยสีหน้าถมึงทึง

“ไปเถลไถลที่ไหนมา? เธอดูสิว่าฉันโทรหาเธอกี่สาย!”

เถลไถล? ถ้าไปโรงพยาบาลตรวจเลือดส่องกล้องตรวจกระเพาะเรียกว่าเถลไถลล่ะก็คงจริงแหละ ยังไงเธอในตอนนี้ก็ก้าวสู่ประตูผีอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

คิดๆ อยู่เบ้าตาก็แสบร้อนอีกครั้ง มรุเดชไม่สังเกตเห็นเบ้าตาแดงก่ำของเบญญาเลย แค่ใช้แววตาตำหนิเธอว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์เขา

เบญญาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแกว่งหน้าจอดำ แล้วพูดขึ้น “ไม่มีแบตแล้ว”

เธอมีโทรศัพท์ทั้งหมดสองเครื่อง เครื่องหนึ่งไว้สำหรับทำงาน อีกเครื่องเพื่อติดต่อมรุเดชโดยเฉพาะ สองวันนี้เธอโดนกระเพาะอาหารทรมานจนน่าเวทนา ลืมชาร์จแบตไปชั่วขณะ เลยทำให้ระหว่างทางกลับมาไม่ได้รับสายเขา

“มีเรื่องด่วนอะไร?” คนที่ทำให้มรุเดชร้อนรนใจจนโทรหาเธอหลายสาย ไม่ต้องคิดเลยว่าเพราะใคร

เธอเพิ่งคิดเสร็จมรุเดชก็คว้ามือเธอดึงออกไปข้างนอก “นลินได้รับบาดเจ็บ เสียเลือดเยอะเกิน เธอไปโรงพยาบาลกับฉันหน่อย”

อย่างที่คิดไว้เลย ความเครียดของเขาเกิดจากนันท์นลินทั้งนั้น

หัวใจเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างแท้จริง

นันท์นลินเป็นผู้ป่วยที่บกพร่องการแข็งตัวของเลือดอย่างรุนแรง กรุปเลือดหายาก ผู้ที่กรุปเลือดเข้ากันกับเธอคือเบญญา

เบญญาเปียกฝนไปทั้งตัว ผมยาวเปียกชุ่มแผ่นหลังเหมือนสาหร่ายทะเล ริมฝีปากเขียวซีด สองมือเหมือนแช่แข็ง สิ่งเหล่านี้มรุเดชไม่ได้สังเกตเลย โรงพยาบาลที่นันท์นลินพักอยู่ละแวกนี้ เดินไปสิบนาทีก็ถึง แต่ในใจมรุเดชร้อนรน ลากเบญญาบังคับเธอโยนใส่เบาะหลังรถ

ดวงตามรุเดชที่ขับรถอยู่จ้องไปข้างหน้า สายตาเหลือบมองกระจกมองหลังโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดของเบญญานั้น

เขาก็ขมวดคิ้วโดยไม่ได้ตั้งใจ “ทำไมหน้าซีดเหมือนผีเลย”

……ที่แท้ก็เพิ่งสังเกตเห็นสินะ

เบญญายกมุมปากเหน็บแนม ลำคอเหมือนมีหวงเหลียนติดอยู่ เธอเปิดกระจกรถมองดูฝนข้างนอกที่ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายหนาวแข็งจนกลายเป็นก้อน อากาศที่พ่นออกมาก็กลายเป็นไอเย็น ขนตาสั่นเบาๆ

มรุเดชมองเธออย่างเยือกเย็น เห็นเธอไม่พูด ในใจก็หงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล

เขารู้สึกว่าเบญญาในวันนี้เหมือนมีบางอย่างแปลกไป

แต่พอคิดสักพัก เกิดอะไรขึ้นกับเบญญามันเกี่ยวอะไรกับเขา ตอนนี้สิ่งที่เขาควรเป็นห่วงมากที่สุดคือสุขภาพของนันท์นลิน พอคิดเช่นนี้เท้าขวาก็เหยียบคันเร่ง ความเร็วรถก็เพิ่มขึ้น

มาถึงโรงพยาบาล มรุเดชคว้ามือเบญญาออกมาจากรถ เบญญายังไม่ทันยืนนิ่ง ก็ถูกมรุเดชลากไปจนฝีเท้าโซเซอย่างยากลำบากอยู่ด้านหลังเขา

มรุเดชเกิดในตระกูลเตชะโสภาที่เรืองอำนาจ เขาเกิดมาก็อยู่ในระดับที่เหนือกว่า อารมณ์ร้อนสอดคล้องกับเงินทุน เพลิดเพลินกับทุกอย่างที่ดีที่สุด คนรอบตัวล้วนนำโดยเขา คนที่ปกติแล้วแม้แต่คำพูดรุนแรงยังไม่เคยได้ยิน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่โดนบังคับข่มขู่

เบญญารู้ว่าสิ่งที่มรุเดชรังเกียจมากที่สุดคือการโดนบังคับให้เขาทำสิ่งที่ไม่อยากทำ ดังนั้นเมื่อเธอเห็นมรุเดชเซ็น “สัญญาขายตัว” โดยไม่ลังเลสักนิด เธอก็รู้ว่าตัวเองแพ้แล้ว

เห็นว่าเขาสามารถทำเพื่อนันท์นลินได้ถึงเพียงนี้ ในใจก็เศร้าจนเจ็บ แต่ต่อมาเธอก็พูดปลอบตัวเองว่า แต่งไปก่อนรักกันทีหลังเมื่อวันเวลาผ่านไปมันจะค่อยๆ เกิดเป็นความรัก ไม่แน่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปมรุเดชอาจจะดีกับเบญญาเหมือนนันท์นลินก็ได้

น่าเสียดาย ไม่ว่าจะทำอะไรจะมีผลที่ตามมาเสมอ เบญญาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะประสบกรรมตามสนองไวเพียงนี้

เกิดโรคที่รักษาไม่หายโดยไม่ได้ระวัง สมน้ำหน้าจริง!

เห็นเข็มฉีดยาแทงเข้าไปในผิวหนัง เลือดสีแดงเข้มค่อยๆ เจาะออกมา เบญญาเจ็บจนหน้าซีดขึ้นเรื่อยๆ เจ็บเกินไปแล้ว เจ็บกว่าตอนส่องกล้องตรวจกระเพาะอีก

พยาบาลที่เจาะเลือดไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ผอมแห้งแรงน้อยแบบนี้มาก่อน จ้องข้อมือขาวเนียนขณะถามขึ้นเสียงเบา “ยังทนไหวไหม?”

เบญญาส่ายหน้าด้วยความวิงเวียนแล้วตอบเสียงแหบพร่า “เจาะเถอะค่ะ ฉันไม่เป็นไร”

พยาบาลเจาะไปทั้งหมด 600cc ก็ไม่กล้าทำต่อ มือหญิงสาวเย็นเฉียบเกินไป มันไม่ใช่อุณหภูมิร่างกายปกติแล้ว

ก่อนเบญญาจะสลบไป ได้ยินเสียงสุดท้ายคือมรุเดชถามพยาบาลว่า “พอไหม? ไม่พอเจาะต่อได้นะ”

ในปีที่ผ่านมา มรุเดชกลายเป็นใจดำอำมหิตแบบนี้ได้ยังไง?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ห้วงอาวรณ์ คืนสู่วันวาน