มรุเดชรักเบญญาไหม?
ถ้าบอกว่ารัก งั้นทำไมวันที่เบญญาได้ทิ้งศักดิ์ศรีแล้วคุกเข่าต่อหน้าทุกคนในวันที่ฝนตกหนักในวันนั้นเขากลับเลือกที่จะมองอย่างเย็นชา?
ถ้าบอกว่าไม่รัก เขากลับได้เฝ้าเบญญาแบบไม่หลับไม่นอนมาสองวันสองคืน
พยาบาลส่ายหน้าบอกว่าไม่รู้
มรุเดชไม่พูดต่อ ก็ได้เริ่มเหม่อลอย เหมือนว่าคนที่ถามเมื่อกี้นั้นไม่ใช่เขา
พยาบาลก็ได้เข็นรถใส่ยาออกไปจากห้องผู้ป่วยหนัก ถึงพักเที่ยงพิรัชย์ก็ได้เอาเอกสารงานต่างๆ มารายงานให้กับมรุเดช
มรุเดชดูเสร็จ ก็ได้รีบเซ็นเอกสารเร่งด่วนแล้วก็ส่งให้กับพิรัชย์ ถามต่อ “ทางสาวินเป็นไงบ้าง?”
“ได้ส่งหลักฐานไปตามที่คุณสั่งแล้วครับ สาวินไม่ตายแน่นอน” อย่างมากก็แค่ชดใช้เงิน นี่เป็นสิ่งที่ทำให้พิรัชย์คิดไม่ตกเล็กน้อย
คิดดูพยายามมามากขนาดนี้กว่าที่จะส่งสาวินเข้าคุกแล้วก็ตัดสินโทษประหาร แต่ทำไมตอนนี้ต้องส่งหลักฐานยืนยันไปว่าเขานั้นบริสุทธิ์...นี่มันทำให้เสียแรงและเงินทองไปโดยเปล่าเลยไม่ใช่เหรอ?
พิรัชย์ไม่เข้าใจ เขาได้ทำงานกับมรุเดชมานานขนาดนี้ รู้ว่าประธานนั้นไม่มีทางทำอะไรที่ขาดทุน การกระทำของเขานั้นเด็ดขาด บอกว่าเป็นพวกสูบเลือดสูบเนื้อเลยก็ยังได้ ถ้าสามารถที่จะบดกระดูกได้ ก็ไม่มีทางที่จะเหลือเศษให้อีกฝ่ายแน่
มรุเดชก้มต่ำลง “อืม นายกลับไปเถอะ”
พิรัชย์ไม่ขยับ ลังเลไปสักพักก็ได้พูด “คุณเดช คุณนันท์นลินโทรหาคุณไม่ติดก็ได้โทรมาหาผม ถามว่าเมื่อไหร่คุณจะกลับไป...”
“ไม่ต้องสนใจเธอ นายจับตามองคดีของสาวิน อีกเรื่องไปจัดการเรื่องคลิปและข่าวที่เกี่ยวกับเรื่องคุกเข่าของเบญญาบนเน็ตให้เรียบร้อย”
“...ครับ” พิรัชย์คิดไม่ถึงว่าเขาที่แค่เปิดปากถามไปงั้นๆ แบบนี้จะพาเรื่องที่ยุ่งยากมาให้มากมายขนาดนี้ ได้จับจมูกตัวเองแล้วก็ออกไป
มรุเดชลุกขึ้นแล้วก็ได้เทน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว ได้จับไม้สำลีชุบน้ำแล้วก็ค่อยๆ ทาไปที่ริมฝีปากที่แห้งของเบญญาอย่างคล่องแคล่ว
เขายิ้มอย่างขมขื่นสักพัก ไม่เพียงแค่พิรัชย์ไม่เข้าใจเขาในตอนนี้ บางครั้งเขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
ตอนแรกก็แค่คุยกันแล้วว่าจะไว้ชีวิตสาวินให้อยู่ในคุกตลอดไป แต่ตอนนี้เขากลับคิดที่จะปล่อยสาวินออกมา แผนที่วางไว้ก่อนหน้านั้นล้มไม่เป็นท่า
ทำไมต้องทำแบบนี้ล่ะ?
อาจเป็นเพราะว่าไม่อยากให้เบญญาเสียใจ ไม่อยากเห็นเธอนั้นมีสีหน้าที่ผิดหวัง
ตอนนี้เบญญาจะตายไม่ได้ เธอจำเป็นต้องมีชีวิตต่อไป ในตัวของเธอนั้นได้มีเลือดที่เหมือนกับนันท์นลินไหลอยู่ ระหว่างพวกเขาได้เซ็นสัญญาไว้แล้ว ถ้าเกิดว่านันท์นลินบาดเจ็บเป็นอันตราย ไม่มีเธอแล้วเขาควรไปหาใคร...
มรุเดชก็ได้โยนสำลีในมือ ลุกขึ้นแล้วก็เดินไปที่หน้าต่าง แงบเปิดเล็กน้อย ฝนที่ตกติดต่อกันหลายวันในเมืองไทร ในที่สุดวันนี้ฟ้าก็ได้สว่างสักที แสงแดดก็ได้ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง เหมือนกับแสงสีทองบางๆ ที่ได้ส่งไปที่ผ้าห่มของเธอ
อยู่ในห้องนานเกินไป อยู่ๆ ได้เห็นแสงแดด สายตาก็ได้ไม่ชิน มรุเดชได้หรี่ตาเล็กน้อยแล้วมองออกไป ก็ได้เห็นสายรุ้งบนท้องฟ้า
เบญญามองครรชิต พูดไม่ออก ทำได้แค่ส่ายหน้าบอกเขาว่าตัวเองไม่เจ็บ
ที่จริงพึ่งฟื้นขึ้นมาจะมีที่ไหนที่ไม่เจ็บบ้าง มือเย็นเฉียบ ร่างกายอ่อนแรง ยาชาก็ได้หมดฤทธิ์ไปนานแล้ว บาดแผลก็ได้เจ็บเล็กน้อย แต่แค่ว่าเธอนั้นชินที่จะเก็บกดมันเท่านั้น ไม่ให้คนที่เป็นห่วงเธอนั้นเป็นห่วง
ครรชิตลูบหัวของเธอ “เธอสลบไปสี่สิบหกชั่วโมงแล้ว พูดไม่ได้เป็นเรื่องปกติ เดี๋ยวจิบน้ำให้ชุ่มคอหน่อย”
เธอพึ่งผ่าตัดเสร็จยังไม่สามารถทานอาหารได้ เลยทำได้แค่พึ่งสารอาหารเหลวเพื่อประคองการทำงานของร่างกาย
เบญญาพยักหน้าอีกครั้ง
ครรชิตหันไปเทน้ำ แล้วก็ประคองหัวของเบญญาขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อให้เธอจิบน้ำ
“ดีขึ้นหรือยัง?”
“ดี...ดีขึ้นแล้ว...” เสียงเบาและแหบมาก ตอนพูดก็เจ็บคอมากเหมือนลำคอได้มีก้านติดอยู่
เสียงพูดของเบญญาเบามาก คนในห้องพักคนไข้ก็ได้ทำอะไรช้าลงเพื่อรอเธอพูด ในเวลานั้นก็ได้เงียบไปทันที
เงียบจนสามารถที่จะได้ยินเสียงที่ค่อนข้างทุ่มของหญิงสาว เธอได้เอียงหัวมองทางประตู ถามด้วยเสียงที่แหบว่า “เขารู้ถึงอาการป่วยฉันไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ห้วงอาวรณ์ คืนสู่วันวาน