ห้วงอาวรณ์ คืนสู่วันวาน นิยาย บท 5

มรุเดชกระจายกลิ่นอายเย็นยะเยือกทั่วทั้งตัว ทั้งสองห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตร เบญญาหนาวจนแข็งทั้งร่างสะดุ้งตื่นทันที เผชิญกับสายตาดุร้ายของชายหนุ่ม เธอไม่รู้ว่าสายตาตัวเองควรมองตรงไหน

ทันใดนั้นนิ้วที่มีข้อต่อชัดเจนก็บีบคางเธอ เบญญาโดนบังคับให้เงยหน้า แล้วมองไปด้วยความตื่นตกใจ

“เดช นายกลับมาทำไม?”

“ฉันอยากกลับก็กลับ ต้องรายงานเธอด้วยหรือไง?” มรุเดชคุกเข่าบนเตียง ไม่สนใจเบญญาที่ต่อต้านการกดทับร่างกายเธอ เขาเคลื่อนไหวแรงมาก กดข้อมือเบญญาโดยไม่เห็นใจสักนิด

รู้สึกได้ถึงหญิงสาวในอ้อมกอดจากผ่อนคลายไปแข็งทื่อ สุดท้ายก็ต่อต้านดิ้นรน พยายามต่อต้านจนถึงที่สุดแต่ถูกกดขาสองข้างเอาไว้

เบญญาตื่นตกใจไปหมด เธอไม่เคยเห็นมรุเดชที่เหมือนหมาป่าชั่วร้ายจะเลาะเนื้อกลืนเธอลงท้องแบบนี้มาก่อน เธอกลัวเขาที่เป็นแบบนี้มากๆ มรุเดชที่อ่อนโยนสง่างามในความทรงจำมันยิ่งเลือนหายไปเรื่อยๆ

เธอเริ่มวิงวอนด้วยจิตใต้สำนึก “เดช ฉันเจ็บมาก……”

“เบญญา เธอทำให้ฉันขยะแขยงจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าหรือตัวเธอ มันทำให้ฉันอยากจะอ้วก” ผู้หญิงอย่างเบญญาไม่สมควรได้รับสิ่งดีๆ การปฏิบัติด้วยความอดทนก็เหมือนจะเกินพอแล้ว

ร่างกายเบญญาแข็งทื่อ เธอกัดฟันแน่น ใบหน้าใต้แสงไฟสลัวเหมือนกระดาษเก่าๆ ไม่มีสีเลือดเลยสักนิด

สำหรับคำพูดเหยียดหยามของมรุเดช เธอควรชินนานแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจยังเจ็บปวดแบบนั้น เหมือนมีคนจับหัวใจแล้วบดขยี้มันทีละนิด

น้อยครั้งที่มรุเดชจะกลับมา เขาเห็นเธอเป็นหญิงขายบริการ ว่างๆ ไม่มีอะไรทำก็กลับมานานแล้วก็จากไป เหมือนเพื่อ “ตอบสนอง” “หน้าที่ภรรยา” ของเธอ

วันนี้นันท์นลินได้รับบาดเจ็บ ตามหลักการแล้วเขาควรอยู่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนยอดดวงใจเขาสิ แต่วันนี้ดึกดื่นปรากฏตัวในห้องนอนของเธอ……เบญญาคิดสักพักก็คิดออก คงจะเกิดความขัดแย้งกับนันท์นลิน ไม่งั้นจะมาหาเธอได้ที่ไหน?

แต่คืนนี้เธอไม่มีแรงพอที่จะรับมือกับเขาจริงๆ เบญญาผลักอกแกร่งของชายหนุ่ม หาช่องว่างจะหลบหนี ร่างกายเพิ่งตั้งตรงขึ้นมา ผมที่ท้ายทอยก็ถูกดึงจากทางด้านหลัง

“อ๊ะ……” เบญญาเปล่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด ลำคอแหงนไปทางด้านหลัง “มรุเดช วันนี้ดึกแล้ว ฉันไม่อยากทำกับนาย……”

ก็ไม่รู้ว่าตรงไหนในคำพูดนี้ไม่ถูกใจเขา ใบหน้าอึมครึมของมรุเดชน่ากลัวเป็นพิเศษภายใต้แสงเงา มือที่ดึงเบญญาก็ออกแรงบังคับกดหน้าเธอลงกับหมอน

“เบญญาเธอเสแสร้งบริสุทธิ์ทำไม? เธออยากหรือไม่อยากทำ ฉันไม่รู้เหรอ? ขู่ฉันให้แต่งงาน ทำชั่วไปแล้วตอนนี้อยากจะได้ชื่อเสียงที่ดีงั้นเหรอ?”

ไม่น่าฟังเลย……เบญญาหายใจสั่นระริก เธอจ้องมองเพดาน น้ำตากลอกวนในเบ้าตา สุดท้ายก็ทนไม่ไหว มันเปียกชุ่มหมอนแล้ว

นี่คือคนที่เธออยากแต่งงานด้วย ใช้คำพูดโหดเหี้ยมที่สุดทำร้ายเธอจนบาดเจ็บไปทั้งตัว

มรุเดชเห็นดวงตาเปียกชื้นของเธอ หัวใจก็ตึงเครียด เขาดึงเนกไทที่คอออกอย่างหงุดหงิด แล้วมัดมือเบญญาไว้กับหัวเตียง

เบญญาอดทนความเจ็บปวดที่มะเร็งกระเพาะอาหารมอบให้เธอ ปลายลิ้นยันฟัน เธอกลั้นเสียงเอาไว้ พยายามกลืนกลิ่นคาวเลือดในลำคอลงไปสุดชีวิต ร้องขอความตาย ทรมานจนไม่อยากมีชีวิตอยู่

มรุเดชเห็นหญิงสาวนอนขดตัวเหมือนแมวบนที่นอน สั่นสะท้านเล็กน้อย ดูแล้วค่อนข้างน่าสงสาร

มรุเดชไม่เห็นเธอในสายตาแน่นอนว่าก็ไม่ใส่ใจเช่นกัน สุขภาพร่างกายเบญญาดีมาตลอด ทำงานล่วงเวลาทั้งคืนวันต่อมาก็ยังไปทำงานตรงเวลาได้เป็นเรื่องปกติ อยู่กับเธอมานานมาก เขาเหมือนไม่เคยเห็นเธอป่วยมาก่อน

ผมเผ้ายุ่งเหยิงคลุมเตียง แผ่นหลังเธอผอมมาก เมื่อร่างกายโค้งงอ กระดูกไหล่สองข้างก็คล้ายผีเสื้อกำลังสยายปีก

เขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปสัมผัส ปลายนิ้วเพิ่งแตะมัน หญิงสาวเหมือนตกใจกลัว หลบไปข้างๆ ทันที ในดวงตามรุเดชฉายแววเหี้ยมโหด ไม่พอใจข้างในเป็นอย่างยิ่ง

“ปกติเหมือนปลาตาย วันนี้อยากเล่นกลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อให้จับเหรอ? แต่ฉันจะบอกเธอให้นะว่ามันไร้ประโยชน์!” ในใจมรุเดชเกิดความโมโหโดยไม่มีเหตุผล ไฟประหลาดนี้แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะดับมันยังไง

เขาไม่อยากยอมรับว่าเบญญามอบอารมณ์นี้ให้กับเขา ทำได้แค่คิดถึงทางด้านนันท์นลิน นึกถึงคำพูดนันท์นลินที่คุยกับเขาตอนอยู่โรงพยาบาลถามเขาว่าเมื่อไรจะหย่ากับเบญญา อารมณ์เขาก็ดิ่งลงทันที

มรุเดชกัดฟันกรามแน่น เบญญามีค่าตรงไหนทำให้เขากับนันท์นลินทะเลาะกัน?

เบญญากอดตัวเอง เหมือนเต่าหดเข้าไปในกระดอง ปรากฏท่าทางปกป้องตัวเอง เธอรู้สึกหนาวมาก ทั้งๆ ที่เธอเปิดเครื่องปรับอากาศห่มผ้าห่มอยู่ แต่ยังคงต้านทานความหนาวเหน็บไม่ได้

เหมือนบริเวณหัวใจถูกกรีดเป็นรู แผลติดเชื้อ ทำให้อวัยวะทั้งหมดเน่าเปื่อย

เธออดทนความเจ็บปวดมาได้ตลอด กัดฟันจนหักกลืนน้ำลาย แต่คราวนี้เธอทนไม่ไหวจริงๆ เมื่อความคิดที่จะหย่าเข้ามาในหัวใจแล้ว ก็ยิ่งลุกลามอย่างบ้าคลั่ง

รอมีแรงค่อยคุยเรื่องหย่ากับมรุเดชดีกว่า เธอใกล้ตายแล้ว ไม่มีเวลามาเอาใจเขาอีกแล้ว

เมื่อเบญญาเจ็บปวดจนสลบไป ก็ได้ยินประโยคสุดท้ายของมรุเดช

“ถ้าในตัวเธอไม่มีเลือดกรุปเดียวกับนลิน เธอคิดว่าฉันจะให้ความสำคัญเธอไหม? แต่อีกไม่นานเธอก็จะไร้ประโยชน์ไร้คุณค่าแล้ว”

เบญญาคิดไปคิดมา พบว่าข้างกายคนที่เหมาะที่สุดในการควบคุมพุ่มเทียน กรุ๊ปก็คือสามีตามกฎหมายของเธอ มรุเดชคนที่อยากให้พุ่มเทียน กรุ๊ปล้มละลาย

หว่างคิ้วเบญญาปกคลุมไปด้วยความอึมครึม ดวงตาที่มองนอกหน้าต่างกลายเป็นลุ่มลึก เหมือนมีหมึกดำหยดหนึ่งผสมลงไป สีดำที่ละลายไม่ได้ เธอยกมือซ้ายขึ้นแนบหน้าต่างเย็นเฉียบ ปลายนิ้วเกิดสีขาวเย็นเฉียบ นิ้วเคาะกระจกเป็นจังหวะ

ในห้องทำงานเงียบสงบมาก ดูเหมือนว่าเสียงเคาะเบาๆ จะชัดเจนเป็นพิเศษ นานๆ ครั้งที่เบญญาเกิดความคิดว่างเปล่า เธอชอบเหม่อลอย ตกอยู่ในสภาพวะจิตใจเหม่อลอยเงียบสงบสักพัก ราวกับว่ามันจะทำให้เธอลืมความเจ็บปวดที่ความจริงมอบให้ในช่วงเวลาสั้นๆ

โทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะทำงานสั่นกะทันหัน เบญญาได้สติกลับมามองไป ห่างกันสามเมตร ก็ยังเห็น “คุณพ่อ” สองคำบนหน้าจออย่างชัดเจน

คุณพ่อควรเป็นหนึ่งในคำที่สนิทที่สุดในโลก แต่สำหรับเบญญาเป็นแค่คำเรียกที่เฉยเมย เธอเดินไปรับสาย

“เบญญา โอนเงินเข้าบัญชีฉันหน่อย 10 ล้าน” เสียงสาวินหนักอึ้งเล็กน้อย น้ำเสียงเมินเฉย

มือเบญญาที่กำโทรศัพท์กระชับแน่น “พ่อ พ่อแค่โทรหาฉันเพื่อเงินเหรอ?”

น้ำเสียงสาวินค่อนข้างรำคาญ “ลูกสาวให้เงินพ่อเป็นเรื่องที่สมควรแล้วนี่ ถ้าเธอไม่ได้ดูแลพุ่มเทียน เธอคิดว่าฉันจะมาขอเงินเธอเหรอ? ถ้าเธอไม่อยากให้เงินฉันก็โอนหุ้นพุ่มเทียนมาให้ฉัน”

เบญญาครุ่นคิดคำว่า “ลูกสาว” สองคำนี้อย่างรอบคอบ พ่อเธอยังจำได้ว่าเธอเป็นลูกสาวเขา ไม่ใช่เครื่อง ATM ที่ไม่แยแส

เขาจำได้ว่าเธอคือลูกสาวเขา แต่ทำไมไม่เคยเป็นห่วงตนเลย เธอไม่ได้ขอร้องให้สาวินทำดีกับเธอมากนัก แค่เขาถามไถ่เธอปกติทั่วไปว่ากินข้าวหรือยัง? ช่วงนี้สุขภาพเป็นยังไงบ้าง? ทำงานเหนื่อยไหมคำถามพวกนี้ก็พอแล้ว……ที่จริงเธอเป็นคนที่กล่อมง่าย แค่เป็นห่วงเธอนิดหน่อยก็พอแล้ว

“เธอได้ยินหรือเปล่า!” สาวินดุในโทรศัพท์

เบญญาระงับอารมณ์ “อาทิตย์ที่แล้วฉันเพิ่งโอนให้ห้าล้านไม่ใช่เหรอ? นี่แค่ไม่กี่วัน พ่อใช้หมดแล้วเหรอ?”

“เงินแค่นั้นจะทำอะไรได้” สาวินรู้สึกขาดความมั่นใจ แต่พอคิดว่าเบญญาบริหารบริษัทใหญ่โต บางครั้งหนึ่งวันมีรายได้มากกว่าล้าน ในใจเขาก็เกิดความเชื่อมั่นอีกครั้ง

“รีบโอนเงินมาซะ ไม่งั้นฉันจะไปขอที่บริษัทเธอ ฉันอยากรู้ว่าถึงตอนนั้นฉันจะเสียหน้าหรือเธอเสียหน้า”

“ให้เงินได้ แต่พ่อต้องบอกฉันว่าพ่อเอาเงินไปทำอะไร” 10 ล้านไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อย

เห็นเบญญายอม สาวินก็กดเสียงต่ำ “ช่วงนี้ชอบโปรเจ็คลงทุนโปรเจ็คหนึ่ง ขาดสองล้าน รอฉันหาเงินได้ก็จะไม่มาขอเธออีก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ห้วงอาวรณ์ คืนสู่วันวาน