“ลงทุนโปรเจ็ค?” เบญญาขมวดคิ้วแน่น ไม่ค่อยเชื่อคำพูดสาวิน ถ้าเขามีหัวด้านธุรกิจจริงๆ ปู่คงไม่มอบพุ่มเทียน กรุ๊ปให้เธอหรอก
“รู้แล้วก็โอนเงินมา ตอนนี้ฉันรีบใช้”
เบญญาพูด “ฉันให้เงินพ่อได้ แต่พ่อต้องส่งข้อมูลโปรเจ็คลงทุนมาให้ฉันดู”
มีพ่อคนไหนโดนลูกสาวควบคุมแบบนี้มาก่อนบ้าง? สาวินรู้สึกเสียหน้า ด่าใส่โทรศัพท์เสียงดัง ด่าเบญญาว่าเป็นไอ้ตัวขาดทุน ควรทำร้ายให้ตายตั้งแต่แรก พูดจาโหดเหี้ยมและเรียกร้องความสนใจ
ตบหน้าแล้วค่อยให้ลูกอม วิธีการเหล่านี้เบญญาเห็นจนชินแล้ว ฟังจบก็แค่ตอบกลับอีกฝ่ายอย่างเรียบง่าย “มีอะไรอยากพูดอีกไหม? ฉันยุ่งมาก ถ้าไม่มีฉันวางแล้ว”
“อย่าวาง อย่าวาง ฉันจะให้เธอดู!” สาวินรีบห้ามเธอ กลัวเธอจะกลับคำ เป็ดที่ตกในมือจะบินหนีไป
วางสายไปแล้ว เบญญาก็เฝ้าข้างคอมพิวเตอร์ ไม่นานก็ได้รับเอกสารที่สาวินส่งมา เธอส่งเอกสารให้ผู้ช่วยพิมพ์ให้เธอหนึ่งฉบับเอาเข้ามา แล้วช่วยเธอชงกาแฟหนึ่งแก้วด้วย
เอกสารส่งมาแล้ว เบญญาผลุบตาเปิดอ่าน จนกระทั่งกาแฟมีไอร้อนแก้วหนึ่งมาวางโต๊ะเธอ เธอถึงจะหยุด กาแฟส่งกลิ่นหอมละมุน เบญญายกมือข้างหนึ่งหยิบมันขึ้นมาจิบหนึ่งคำ กาแฟคือกาแฟบลูเมาเทนคุณภาพดี รสชาติกลิ่นหอมยังติดอยู่ที่ลิ้น แต่มันขมเกินไป
เธอชอบหวานและเกลียดขม เป็นคนที่เมื่อก่อนกินยาหนึ่งเม็ดต้องกินน้ำตาลหนึ่งก้อน แต่ตอนนี้ต้องพึ่งความขมของกาแฟเพื่อรักษาจิตใจ
เบญญาจิบหนึ่งคำแล้ววางลง ใจจดจ่อพลิกอ่านเอกสารในมือต่อ
สิ่งที่สาวินลงทุนคืออสังหาริมทรัพย์ มีแผนการเฉพาะ หนังสือรับรอง ทีมก็ดูน่าเชื่อถือด้วย……เบญญาพลิกอ่านไม่ถึงครึ่งชั่วโมงสาวินก็โทรมาเร่งเอาเงิน
ผู้ช่วยเคาะประตู เบญญาที่กำลังจดจ่อกับสองอย่างรับสายไปด้วยพร้อมให้ผู้ช่วยเข้ามา แววตาเธอส่งสัญญาณให้หล่อนพูด
ผู้ช่วย “คุณเบญ คุณหมอชิตมาหาคุณใต้ตึก”
ครรชิตมาทำไม? เบญญาตกตะลึง ไม่มีเวลามาสนใจสาวินแล้ว รีบพูดว่า “รู้แล้ว” ก่อนจะวางสายทันที
“เธอลงไปเชิญเขาขึ้นมา แล้วให้คนชงชาเข้ามาด้วย”
ระหว่างที่ผู้ช่วยไปเชิญครรชิตมา เบญญาก็โอนเงิน 10 ล้านเข้าบัญชีสาวิน
เบญญาจ้องมองโทรศัพท์ จนกระทั่งหน้าจอดับไปแล้วก็ยังไม่ได้รับคำขอบคุณจากพ่อเธอ เธอยิ้มเยาะตัวเอง สุดท้ายก็โยนโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ
“คุณเบญ คุณหมอชิตมาแล้วค่ะ”
เบญญาส่ายหน้า ผมที่ปกบนหน้าผากปกปิดอารมณ์ในดวงตาเธอ “ครรชิต อาการป่วยของฉันก็เหมือนดอกไม้กระถางนี้ มันเน่าเปื่อยไปแล้ว จะรักษายังไงก็ไม่หาย”
“เบญ ไม่ลองดูเธอจะรู้ได้ยังไงว่ารักษาไม่หาย เธอทำงานทั้งวันทั้งคืนได้ พยายามเอาใจผู้ชายที่ไม่ได้รักเธอมาสี่ปีได้ แต่ทำไมเธอไม่ใช้เวลาสักนิดกับสุขภาพร่างกายเธอ?” ครรชิตรู้สึกเสียดายแทนเบญญา เธออายุยังไม่ถึงยี่สิบสี่เลย
เธอควรแข็งแรง มีความสุข คึกคักมีชีวิตชีวา เพลิดเพลินกับชีวิตที่มีความสุขที่สุด ไม่ใช่แต่งงานที่แสนจืดชืด หมกตัวเองอยู่กับงาน และยิ่งไม่ใช่อดทนทรมานที่โรคมะเร็งมอบให้
ครรชิตเดินไปข้างๆ เบญญาลูบศีรษะเธอเหมือนแต่ก่อน “ตอนนี้การแพทย์พัฒนาแล้ว แค่เธอไม่ยอมแพ้ยอมรับการรักษาผ่าตัดดีๆ ก็จะ……” เขาพูดได้ครึ่งหนึ่งจู่ๆ ก็หยุดไม่พูดต่อ เพราะเขาเห็นเบ้าตาเบญญาแดงแล้ว
มือขวาเบญญาลูบใบไม้เหลืองเฉา แล้วพึมพำ “งั้นนายบอกฉันหน่อยว่าอัตราความสำเร็จในการผ่าตัดมีแค่ไหน? 50 เปอร์เซ็นต์ หรือว่า 20 เปอร์เซ็นต์ หรือว่า 0.1 เปอร์เซ็นต์?”
ครรชิตเม้มริมฝีปากบางแน่น ไม่พูดอะไร
“ช่างเถอะ” ริมฝีปากแตกระแหงของเบญญายกยิ้มหัวเราะ “นายไม่ต้องพูดแล้ว ความหวังแค่นิดเดียวสู้ไม่ให้ความหวังเลยดีกว่า”
ความหมายของครรชิตเธอเข้าใจ ใครไม่อยากมีชีวิตบ้าง? ไม่อยากมีสุขภาพที่แข็งแรงบ้าง? แต่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าคนที่เป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้ายจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้……
มือขวาเบญญาออกแรง ใบไม้เหลืองเฉาใบนั้นมันแตกละเอียดในมือเธอ แล้วร่วงหล่นลงพื้นจากระหว่างนิ้วเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ห้วงอาวรณ์ คืนสู่วันวาน