เดิมตอนเช้าก็เป็นช่วงเวลาที่ผู้ชายจะถูกยั่วยวนได้ง่ายจนทำผิดไป แต่เธอกลับมึนงงไม่เข้าใจ เวธัสรู้สึกเพียงแค่ว่าเลือดในร่างกายล้วนไหลย้อนกลับ ทั้งยังค่อยๆเดือดพล่านขึ้นมา
ณิชาตั้งนาฬิกาปลุกเสร็จ ก็กวาดสายตามองผ่านใบหน้าหล่อเหลาที่แดงระเรื่อของเวธัส จึงเอ่ยด้วยความตกใจว่า “เวธัส คุณมีไข้หรอ ทำไมหน้าแดงขนาดนี้...”
เธอสะบัดรองเท้าออก ปีนขึ้นไปบนเตียงลูบหน้าผากเขาเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย เมื่อโน้มตัว เวธัสก็เห็นส่วนโค้งนูนที่กระเพื่อมขึ้นและลง ต่อมาหน้าผากก็ถูกมือเล็กที่อุ่นร้อนทาบลงมา
กลิ่นหอมของดอกพุดซ้อนอ่อนๆที่คล้ายมีคล้ายไม่มีลอยมา...
“ดูเหมือนจะมีไข้ คุณรอเดี๋ยวนะ ฉันจะไปหาที่ปรอทวัดไข้มา...” ณิชาพึมพำ และสัมผัสไปที่ลิ้นชักบริเวณหัวเตียง
สายตาลุ่มลึกของเวธัสกวาดมองผ่านส่วนโค้งเว้าขาวเนียนบนเรือนร่างของเธอ “ถ้าคุณยังไม่ใส่เสื้อผ้าอีก อีกจุดหนึ่งของผมจะเป็นไข้แล้วจริงๆ”
ณิชามองตามสายตาเขาลงไปที่ร่างของตัวเอง Braสีดำแบบดันทรง โอบอุ้มส่วนนุ่มหยุ่นของเธอเอาไว้ได้สมบูรณ์แบบพอดี เธอกรีดร้องเสียงเบา และกระชากผ้าห่มคลุมไปบนศีรษะเขาอย่างไม่สบอารมณ์...
“อสุจิขึ้นสมอง”
แม้ว่าจะพูดแบบนั้น แต่เธอก็ยังสวมเสื้อไหมพรมและเสื้อคลุมด้วยมือไม้ที่อ่อนแรงจนทำอะไรไม่ถูก จากนั้นก็หนีออกจากห้องนอนไปอย่างรวดเร็ว
เธอลูบหน้า ดูเหมือนว่าจะไม่แดง ถือว่าประสบความสำเร็จเล็กน้อยแล้ว
...
เวธัสไม่มีอาการง่วงนอนแล้ว จึงไปห้องอาบน้ำเพื่ออาบน้ำเย็น
ตอนที่ลงมาถึงชั้นล่าง ณิชาก็กินขนมปังอยู่พอดี มุมปากเปื้อนคราบนมเป็นวง และกำลังยืนเปลี่ยนรองเท้าอยู่บริเวณทางเข้า
เวธัสหยิบกุญแจรถที่อยู่อีกด้าน “ผมจะไปส่งคุณ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” ณิชาปฏิเสธอย่างไม่ใส่ใจ “อีกครู่คุณยังต้องส่งลูกสองคนไปโรงเรียน ไปกลับแบบนี้มันวุ่นวายเกินไป”
เวธัสหรี่ตาลงเล็กน้อย “ผมยังไม่รังเกียจที่จะวุ่นวาย คุณไม่อยากอยู่กับผมมากกว่านี้อีกนิด?”
“...อย่างนั้นก็ได้” เห็นท่าทางแน่วแน่ของเขาแล้ว ณิชาก็ไม่พูดอะไรอีก
เพียงแต่ก่อนจะไป ก็วิ่งไปหยิบขนมปังที่ห้องครัวแผ่นหนึ่งมายัดให้เขา ให้สัญญาณว่าอีกครู่หนึ่งให้เขากินบนรถ
ความจริงแล้วเวธัสกินขนมในรถน้อยมาก สุดท้ายแล้วขนมปังชิ้นนี้ก็ถูกยัดลงท้องณิชาไป
ณิชาไม่ได้ให้เวธัสไปส่งที่ใต้ตึกของบริษัท แต่ลงจากรถในตอนที่ถูกขั้นไว้ด้วยถนนเส้นหนึ่ง
เห็นสีหน้าของเวธัสเย็นชาขึ้นอีกหลายส่วน ผ่านการอยู่ร่วมกันมาจนถึงตอนนี้ ณิชาก็เข้าใจนิสัยของเวธัสแล้ว เขาจะต้องไม่พอใจอยู่บ้าง
ดังนั้นเธอจึงคล้องคอเขา เงยหน้าจุมพิตปลายคางเขาไปและลูบผมเขา
“กลางวันนี้มีเวลาว่าง ฉันจะโทรหาคุณ”
โทสะอันหนาวเหน็บที่เพิ่งจะพุ่งขึ้นมาของเวธัสถูกการกระทำติดต่อกันของณิชาทำให้สงบลง น้ำเสียงก็อ่อนโยนมากขึ้น “จัดการไม่ได้ก็มาถามผมได้”
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว! สามีของฉันเก่งมากที่สุด!” ณิชายิ้มระรื่น เอ่ยจบแล้วก็หยิบแฟ้มเอกสารวิ่งไปทางอาคารที่อยู่ตรงข้ามถนน
สีหน้าเย็นชาของเวธัสมีแววรักทะนุถนอมและตามใจปรากฏขึ้น
ณิชานึกว่าเวลาที่ตัวเองมาบริษัทยังเช้า สุดท้ายเวลาของนักข่าวเช้ายิ่งกว่า พวกเขาพักกันอยู่ที่มุมหนึ่งมาโดยตลอด
คาดว่าพวกเขาล้วนรอการปรากฏตัวของคุณรวินทร์ไม่ไหว เมื่อเห็นณิชาก็เหมือนแมวเห็นปลา โผล่กันมาจากทั่วทุกทิศทุกทาง ขวางอยู่บนถนน ล้อมเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา
แชะๆๆ แสงแฟลชกระพริบวูบวาบไม่หยุด และการถามคำถามอย่างเฉียบแหลม...
“คุณณิชาการที่วีเอสเอ กรุ๊ปถูกพรีเซนเตอร์วิจารณ์เรื่องการเกิดปัญหาทางด้านความปลอดภัยของโครงการก่อสร้าง จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทหรือไม่ ไม่ทราบว่าพวกคุณมีการตอบกลับอย่างไรบ้างคะ”
“เมื่อวานในพื้นที่โครงการก่อสร้างเกิดปัญหาพื้นที่บางส่วนถล่มลงมา ทำให้คนงานคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัส พวกคุณเห็นชีวิตของคนงานก่อสร้างเป็นการละเล่นแบบเด็กๆใช่หรือไม่ครับ”
“ปัญหาในภายหลังจะมีใครเป็นผู้รับผิดชอบคะ”
“ว่ากันว่าคุณคือคนที่สำนักงานใหญ่ประเทศฝรั่งเศสส่งมาเป็นผู้อำนวยการที่สำนักงานสาขา ทั้งที่รู้ว่าวีเอสเอ กรุ๊ปเคยเกิดปัญหาด้านความปลอดภัย ทำไมถึงยังยอมรับช่วงต่อ ในนั้นมีเรื่องของผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ครับ...”
ตอนนี้พนักงานรักษาความปลอดภัยก็มาถึงพอดี เมื่อเห็นสภาพวุ่นวายตรงหน้า อากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่าก็พากันชะงักนิ่งไป
เวธัสปกป้องณิชาได้อย่างว่องไว หลบเลี่ยงไข่ไก่เหล่านั้นได้อย่างแม่นยำ
“ยังจะตะลึงบ้าอะไรอีก หยุดผู้หญิงคนนั้นสิ!” เวธัสถอดเสื้อสูทที่เหม็นหึ่งออก ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา ความน่าเกรงขามของผู้บริหารระดับสูงที่แผ่ออกมา ราวกับมีความเหน็บหนาวหอบหนึ่งพัดผ่านไป ทำให้ผู้คนทั้งหมดตะลึงและหวาดกลัว
หญิงวัยกลางคนนัยน์ตาหดวูบด้วยความร้อนตัว
ผู้รับผิดชอบฝ่ายรักษาความปลอดภัยได้สติกลับคืนมา ก็สั่งคนให้เดินไปทางหญิงวัยกลางคน
หญิงวัยกลางคนวิ่งวุ่นไปทั่ว
“อย่าเข้ามานะ พวกคุณอย่าเข้ามานะ...”
“พวกคุณทำร้ายชีวิตลูกสาวฉัน ตอนนี้กระทั่งฉันก็จะฆ่าด้วยหรอ”
เหล่าบอดี้การ์ดไม่ได้รับผลกระทบใดๆ วางแผนกักขังผู้หญิงที่ก่อเรื่อง หญิงวัยกลางคนจึงตัดสินใจร้องไห้และโวยวายเสียเลย ไม่รอให้พนักงานรักษาความปลอดภัยแตะมือเธอ เธอก็ลงไปกลิ้งตัวไปมาบนพื้น และกรีดร้องเสียงแหลมราวกับหมูถูกเชือดออกมา...
“จะฆ่าคนแล้ว! เหล่านักข่าวรีบถ่ายเร็วเข้า ความหน้าเลือดไร้ยางอายของวีเอสเอ กรุ๊ป ไม่เพียงแต่ขายห้องที่มีปัญหาเท่านั้น กระทั่งญาติของผู้เสียหายก็จะฆ่าด้วย...”
นี่จะต้องเป็นข้อมูลสำคัญแน่นอน! เหล่านักข่าวรู้สึกตื่นเต้น จึงจัดการถ่ายภาพต่อเนื่อง โดยที่ตกตะลึงจนอ้าปากค้างไปด้วย
พนักงานรักษาความปลอดภัยล้วนไม่เคยพบเจอผู้หญิงที่ไร้เหตุผลแบบนี้!
ตอนที่วางแผนจะบังคับพาตัวผู้หญิงคนนี้ไป ณิชาก็เอ่ยห้ามบอดี้การ์ดเอาไว้ เธอวิ่งเหยาะๆไปถึงด้านหน้าผู้หญิงคนนั้น โดยมีระยะห่างประมาณ 1-2 เมตร นัยน์ตาดำเป็นประกายจ้องไปยังผู้หญิงที่อยู่บนพื้นเขม็ง...
“คุณพูดว่าคุณเป็นผู้เสียหาย ลูกสาวของคุณอาศัยอยู่ในบ้านของทางบริษัทจึงเป็นมะเร็งและเสียชีวิตไป ขออนุญาตสอบถามนะคะว่าตอนนั้นพวกคุณซื้อตึกไหน ตั้งอยู่ทิศทางใด ฉันอยากจะขอแสดงความจริงใจ”
จากที่เธอรู้มา ผู้สั่งจองห้องในรอบนั้นที่เกิดเรื่องในปีนั้นล้วนเป็นกลุ่มคนร่ำรวยที่มีทรัพย์สินสิบล้านขึ้นไป มีบุคลิกดี ไม่มีทางที่จะด่าวาจาหยาบคายและลงไปกลิ้งตัวกับพื้นโดยไม่สนใจภาพลักษณ์เหมือนผู้หญิงคนนี้แน่ๆ
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เธออาจจะเป็นคนที่ถูกจ้างมาเพื่อใส่ร้าย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊
ตอน571-670หายไปไหนคะ ต้องทำไงถึงจะอ่านตอนที่ขาดไปได้...