กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊ นิยาย บท 94

เพราะผู้ที่มีเกียรติมากที่สุดในงานเลี้ยงก็คือเวธัส ชาลีและกันญ่า ล้วนเป็นทายาทสายตรงของสี่ตระกูลใหญ่ ที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากที่จะมีเรื่องด้วย

ทุกคนได้เงียบลง ณิชาเองก็สูดลมหายใจอย่างเงียบ ๆ เช่นกัน นิ้วมือที่เรียวยาวได้ชี้ตรงไปยังเปียโนที่อยู่ตรงมุม จากนั้นยิ้มอย่างใจเย็น “ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถร้องเพลงได้ แต่ว่าดิฉันได้เตรียมการแสดงอื่นไว้เช่นกัน”

นี่จะเล่นเปียโนเหรอ

จำได้ว่าคนคนนั้นคือนักเปียโนที่สุดยอดมากในตอนนั้น……

ชาลีลุกขึ้นยืนในทันใด แล้วปรบมือพร้อมตะโกนขึ้น “คุณณิชา สู้ ๆ! ผมรอชมการแสดงของคุณอยู่……”

ทันทีที่ชาลีพูดจบ คนนับไม่ถ้วนก็ได้ปรบมือตาม

หลังจากการปรบมือที่ไม่ถึงกับดังเกรียวกราวสิ้นสุดลง ณิชาก็นั่งลงตรงด้านหน้าเปียโน

เธอเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็ก เมื่อสัมผัสกับเปียโนที่ประณีตเช่นนี้อีกครั้ง ฝ่ามือราวกับอุ่นขึ้น และไม่อยากจะวางละจากมือไป

การแสดงเริ่มขึ้น มือที่เรียวยาวตกกระทบลงปุ่มขาวดำบนเปียโน เพียงเริ่ม อารมณ์ก็ถูกจุดติด และจมดิ่งอยู่ในนั้น ราวกับวิญญาณกำลังระบำ เคลื่อนไหวไหลลื่นในลมหายใจเดียว จังหวะดุจดั่งเมฆาเหินธารน้ำไหล สองมือบรรเลงต่อเนื่องกันอย่างราบรื่น เพียงครู่เดียวก็ตะลึงผู้ชมทั้งงานทันที รวมถึง……เวธัส

ดวงดาวภายใต้แสงสปอตไลต์ส่องระยิบระยับ สาวน้อยในชุดราตรีสีฟ้าอ่อน นั่งอยู่หน้าเปียโนอย่างสง่างาม กำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งดนตรีที่เธอสร้างขึ้น นิ้วมือบรรเลงเล่นตามจังหวะ จนดึงดูดใบหูและดวงใจของผู้คนทั้งหมด

นี่เป็นหนึ่งบทเพลงคลาสสิค——Ballade pour Adeline

บทเพลงนี้ความจริงแล้วเล่นไม่ยาก

แต่ว่าความหมายของบทเพลงนี้งดงามมาก ๆ……

เป็นเรื่องราวที่มีต้นกำเนิดมาจากตำนานเทพเจ้ากรีกโบราณ

ราชาผู้โดดเดี่ยวพระองค์หนึ่งได้แกะสลักรูปปั้นสาวงามรูปหนึ่ง แต่นั้นมาพระองค์ก็หลงรักรูปปั้นแกะสลักนี้ ที่พระองค์ได้สร้างขึ้นจากอารมณ์ความรู้สึก จนไม่ยอมเสวยอาหาร ในที่สุดเทพเจ้าแห่งความรักได้ซาบซึ้งในความจริงใจ จึงได้ประทานรูปปั้นแกะสลักนี้ให้มีชีวิตขึ้นมา

ในที่สุด ราชากับหญิงสาวผู้นี้ครองชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข

การแสดงของณิชามีสไตล์แข็งแกร่งที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ถ่ายทอดความรู้สึกได้อย่างโดดเด่น และงดงาม……

ในงานเต็มไปด้วยลูกหลานเศรษฐีและคนดังที่อยู่ในแวดวงคนชั้นสูง คลุกคลีมาหลายปี ก็ถือว่าค่อนข้างเชี่ยวชาญ แค่ฟังก็รู้เลยว่าต้องใช้เวลากี่ปีถึงเล่นได้แบบนี้

ฐานภพมองไปยังหญิงสาวที่เปล่งประกายอย่างไม่อยากจะเชื่อ จนอึ้งชะงักไปทั้งตัว

คนที่เล่นเปียโนคือ…..คือณิชา?

ในความทรงจำของเขาณิชาคนที่ตกอับจนต้องขอความช่วยเหลือจากเขาคนนั้น

ฐานภพจู่ ๆ ก็สังเกตเห็นว่า ภาพที่อยู่ตรงหน้าทั้งหมดล้วนเป็นภาพที่ตัวเองอยู่กับณิชาเมื่อสี่ปีก่อน

การยักคิ้วของเธอ รอยยิ้มของเธอ ช่างมีเสน่ห์ เย้ายวน และงดงาม……

“ภพ ภพ……” มะนาวเห็นฐานภพมองณิชาอย่างเหม่อลอย ความอิจฉาริษยาจึงลุกโชนขึ้นในใจ จนร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย แต่กลับยังคงแสร้งทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เธอคล้องแขนของฐานภพไว้ “ณิชาเล่นนเปียโนได้ไพเราะมาก คุณว่าไหม”

ฐานภพได้สติคืนมาฉับพลัน แล้วกัดลิ้นแรง ๆ หนึ่งที จากนั้นโอบกอดเอวของมะนาวไว้ ยิ้มตาหยีแล้วกล่าว “ต่อให้เธอจะเล่นได้ดีแค่ไหน ก็เป็นแค่ลูกสาวตระกูลที่ล้มละลาย ไม่มีตรงไหนที่เทียบกับคุณได้เลย”

คนที่โมโหที่สุดนอกจากกันญ่าก็ไม่มีใครอีกแล้ว

เธอกำแก้วทรงสูงที่อยู่ในมือไว้แน่น จนผิวมือที่สัมผัสกับผิวแก้วนั้นแทบจะบิดเบี้ยว ไม่พอใจอย่างมาก

สิ่งที่เธออยากจะเห็นคือการเห็นณิชาหน้าแตกย่อยยับจนอับอาย ไม่ใช่การถูกชื่นชมจากผู้คนทั้งงานเช่นนี้

เดิมทีคิดว่าหลังจากที่ห่างหายไปสี่ปี นางคงจะลืมทักษะทุกอย่างไปแล้วเสียอีก…..

นักเปียโนมือหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะยังระดับเทพเช่นนี้

ณิชาเล่นเพลงสุดท้ายเสร็จ ปลายนิ้วยังคงกระตุกเล็กน้อย ราวกับยังไม่ได้ออกจากท่วงทำนองของบทเพลง

เธอนิ่งสงบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเสียงเชียร์ก็ดังกระหึ่มขึ้นในงาน

ณิชาลุกขึ้นแสดงความขอบคุณ

แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นผู้คนสองข้างกำลังทำการหลีกทาง และชาลีก็กำลังมุ่งหน้าเดินมาทางนี้

ใบหน้าของชาลีนั้นมีรอยยิ้ม ทรวงอกยังโอบด้วยช่อดอกกุหลาบสีขาว

เวธัสก็ได้เดินตามอยู่ด้านหลังเขา เขาที่รูปร่างสูงยาว ตัวตรง ถูกห่อหุ้มด้วยชุดสูทสีดำ คางเชิด ดูสูงส่งและสง่าสงาม

ทั้งคู่ต่างเดินทีละก้าวมาถึงที่ด้านหน้าเธอ แล้วก็หยุดขึ้น

หรือว่าเขานั้นเกิดความสงสัยในตัวณิชาแล้ว

คิดว่าเธอต่างหากที่เป็นหญิงสาวเมื่อสี่ปีก่อนคนนั้น

……

เมื่อไฟในงานสว่างขึ้น สิ่งที่ไม่แปลกใจเลยคือ การที่ณิชามองเห็นแววตาที่เคืองโกรธของกันญ่า

หัวใจของณิชาบีบรัดขึ้นกะทันหัน เกิดความรู้สึกเหมือนถูกจ้องด้วยงูพิษ

แผ่นหลังเย็นวาบ……

ฝ่ามือเรียวยาวข้างหนึ่งได้ทะลุเข้ามาในการมองเห็นของเธอ

ชาลียื่นมือมาทางเธอ ทำท่าอย่างสุภาพบุรุษ แล้วเชื้อเชิญด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทราบว่ากระผมจะมีเกียรตินี้ในการเชิญคุณณิชามาร่วมเต้นรำสักหนึ่งบทเพลงหรือไม่ครับ”

ความคิดของณิชาจึงถูกเขาขัดจังหวะขึ้น

แล้วมองไปทางกันญ่าอีกครั้ง กันญ่าเองก็ไม่ได้มีแววตาขุ่นเคืองเหมือนเมื่อสักครู่แล้ว

ราวกับว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงเธอที่คิดไปเอง……

“ควรจะพูดว่าเป็นเกียรติของดิฉันมากกว่าค่ะ” ณิชายังคงยิ้ม แล้วยื่นมือไปให้กับชาลี หากไม่ร่วมเต้นรำกับเขาหนึ่งบทเพลง เกรงว่าจะดูไม่ดี

ทั้งคู่เดินผ่านผู้คน เดินตรงไปยังฟลอร์เต้นรำ

ภายใต้การส่องของแสงไฟ ก้าวตามจังหวะ ชิลล์ ๆ และงดงาม

ณิชาอยู่ในแวดวงคนชั้นสูงตั้งแต่เด็ก การเต้นบอลรูมจึงไม่ใช่ปัญหาเลย

คู่หลุ่มหล่อสาวงาม ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนนับไม่ถ้วนอีกครั้ง……

ด้านล่างเวที แพรที่อยู่ข้าง ๆ ฐานภพกำลังอิจฉาริษยาจนแทบจะเป็นบ้า เธอกดเสียงลงแล้วกล่าวถุยเบา ๆ หนึ่งที จากนั้นกล่าวกับฐานภพว่า “พี่ พี่เห็นหรือยัง ณิชาเป็นคนปล่อยเนื้อปล่อยตัวแค่ไหน ใจง่าย ชายชู้ของเธอก่อนหน้านี้คือคนของตระกูลสนธิไชย วันนี้ยังให้ท่าคุณชาลี……”

 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กามเทพน้อยสานรักของแด๊ดดี๊หม่ามี๊